4 ก.ค. 2021 เวลา 03:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปบทสัมภาษณ์ล่าสุดของวอร์เรน บัฟเฟตต์และชาร์ลี มังเกอร์ สุดยอดคู่หูนักลงทุนวีไอในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา
วอร์เรนอายุ 90 ชาร์ลีอายุ 97 ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมามากกว่า 60 ปีแล้วและได้ร่วมกันบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งได้อเมริกาอย่าง Berkshire Hathaway ที่เป็นเจ้าของทั้ง Geico, See’s Candies, BNSF Railway และถือหุ้นในบริษัทใหญ่อย่าง Apple, American Express, Bank of America, Coca-Cola, Kraft Heinz, Amazon, Snowflake และบริษัทอื่นๆอีกจำนวนมาก
ทั้งคู่เพิ่งให้สัมภาษณ์ด้วยกันทางช่อง CNBC ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ผมขอสรุปเนื้อหาที่น่าสนใจไว้ดังนี้
1.ชาร์ลีกล่าวตำหนิสถาบันการเงินอย่าง Credit Suisse ที่ปล่อยกู้ให้กับ Archegos ด้วยความโง่สุดๆ (The biggest fool of all) และได้อ้อนวอนให้มีกฎหมายเพื่อควบคุมอย่างแน่นหนาในอนาคตเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง
Archegos ได้รับเงินกู้จำนวนมากกว่าหมื่นล้านดอลล่าร์ด้วยรูปแบบการกู้แบบ Leverage และเข้าลงทุนในหุ้นจนเกิดความเสียหายจำนวนมาก (นาย Bill Kwang ที่ไล่ซื้อหุ้นด้วยการ Leverage พอหุ้นราคาปรับตัวลดลงถึงจุดที่สถาบันการเงินหรือโบรกเกอร์ต้องเรียกเงินกลับ ความเครียดของนักลงทุนจะพุ่งขึ้นถึงขีดสุดเพราะโดนบังคับขายหุ้นขาดทุนจำนวนมาก)
ชาร์ลีกล่าวว่าธนาคารน่าจะรู้จัก Bill Kwang เป็นอย่างดีเพราะเขาคือผู้จัดการกองทุนซึ่งโดนคดีฟ้องร้องในแง่ของการใช้ข้อมูลภายในบริษัทเพื่อซื้อขายหุ้นในอดีต
2
เหมือนคำสอนที่วอร์เรนบอกไว้ว่า คุณไม่สามารถจะได้ดีลดีๆจากคนชั่วๆได้
4
2.ชาร์ลีได้กล่าวว่าผู้คุมกฎควรจะต้องเปลี่ยนกฎหมายตั้งแต่ตอนนี้เลยเพราะว่ามันเป็นเหมือนการพนันซึ่งต้องการผู้เล่นรายใหญ่ลงมาพนันด้วยความโมโหและอารมณ์ฉุนเฉียว เพื่อที่จะได้พนันด้วยเงินจำนวนมหาศาล พวกเราไม่ต้องการที่จะทำให้คนที่มาเล่นการพนันเกินกำลังเงินของตนเอง
เศรษฐกิจอเมริกาเป็ทุนนิยมที่เปิดกว้าง ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาเหล่านี้ได้
ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลคอมมิวนิสต์ของจีนพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดปัญหาเหล่านี้ พวกเขาลงมาออกกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อหยุดการเก็งกำไร ที่อาจสร้างผลกระทบมหาศาลในอนาคต
ชาร์ลีไม่ต้องการที่จะใช้ระบบของจีนทั้งหมด แต่ขอให้มีบางส่วนที่เป็นสิ่งที่ดีของประเทศจีนมาใช้ในประเทศอเมริกาบ้าง
3.วอร์เรนกล่าวว่า Robinhood ไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ใช้งานลงทุนระยะยาวหรือลงทุนในกองทุนดัชนีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ แต่จะกระตุ้นให้คนเรานั้นทำการซื้อขายแบบ option และกู้เงินมาลงทุนแบบ Leverage เกินตัว
2
ชาร์ลีบอกว่ามันคือพื้นฐานของการฉ้อโกงและคือระบบปฎิบัติการซึ่งไม่น่าเคารพเลย
1
4.ทั้งคู่พูดถึงความเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เจอกันครั้งแรกในการรับประทานอาหารเย็นในปี 1959 ซึ่งทั้งคู่ต่างมีความสุขในการพูดคุยกันครั้งแรก
ชาร์ลีชอบที่วอร์เรนเป็นคนไม่หยิ่ง วอร์เรนก็ชอบที่ชาร์ลีพูดตลก ขบขันดี ทั้งผู้ได้เริ่มพูดคุยการเป็นพาร์ทเนอร์กันตั้งแต่แรกเลย
1
ทั้งคู่ต่างมีความรู้สึกเหมือนกับการเริ่มต้นของเดินทางไล่ล่าอะไรซักอย่างในตอนนั้น
1
5.ทั้งคู่ได้เล่าถึงตอนเริ่มต้น Berkshire Hathaway ที่มีการลงทุนผิดพลาดในการลงทุนในหุ้นห้างสรรพสินค้าที่หนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจขายหุ้นทิ้งอย่างรวดเร็ว
โดยชาร์ลีได้กล่าวไว้ว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญในข้อผิดพลาดครั้งนี้
“ถ้าคุณเห็นชัดเจนว่ามันจะเป็นความผิดพลาด คุณต้องรีบแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว มันคงไม่มีทางที่จะดีขึ้นในช่วงที่คุณรออยู่โดยไม่ทำอะไร”
3
6.วอร์เรนได้กล่าวไว้ว่าคุณจะต้องมีเพื่อนหรือเข้าสังคมเพื่อเจอกับคนที่เก่งกว่าคุณ โดยได้กล่าวว่าในตอนหนุ่มๆ วอร์เรนอยู่ได้ชอบคุยกับแม่บ้านที่มีอายุมากกว่าตอนเดินกลับบ้านเพราะได้ความรู้เพิ่มขึ้น
1
นอกจากนี้ยังกล่าวไว้ว่าทั้งคู่ได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญก็คือความเป็นเพื่อนกันมากกว่า 60 ปีซึ่งมันดีกว่าความหรูหราในชีวิต เช่นการมีบ้านหลังใหญ่มีห้องถึง 25 ห้องหรือมีรถยนต์หกคัน
มันคือสิ่งที่เยี่ยมมากเลยถ้าคุณสามารถทำในสิ่งที่คุณต้องการทำได้เลยชีวิตนี้ เช่น ถ้าคุณได้มีโอกาสรู้จักกับคนซึ่งคุณคิดว่าคุณควรจะต้องรู้จักในชีวิตนี้
3
7.ชาร์ลีได้กล่าวถึงการปรับตัวในช่วงโควิดโดยการใช้เทคโนโลยี Zoom ชาร์ลีได้กล่าวไว้ว่าเขาหลงรักในตัว Zoom เพราะใช้มันอย่างน้อยสามวันต่อครั้งและมันเป็นโซลูชั่นที่ทำให้ชีวิตสะดวกมากขึ้นจริงๆ
2
ในทางตรงกันข้ามวอร์เรน เขากลับกล่าวว่าเขาไม่ใช่แฟนประจำของ Zoom และไม่คิดว่ามันมีคุณค่าเท่าไหร่ เขากลับคิดว่าการใช้โทรศัพท์เป็นเครื่องมือที่สร้างความพึงพอใจได้มากที่สุด
ชาร์ลีได้กล่าวเพิ่มเติมว่าหลังจากโควิดครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวเปลี่ยนไปและไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม
โดยบอกว่าบริษัทต่างๆจะตัดสินใจให้มีการประชุมแบบเจอหน้ากันไม่กี่ครั้งในหนึ่งปี และส่วนมากจะใช้ซูมในการประชุมกันมากกว่า จึงทำให้มีต้องการใช้งานออฟฟิศน้อยลง
1
ชาร์ลีกล่าวตอนสุดท้ายว่ารูปแบบการทำงานหลายอย่างจะเปลี่ยนไปโดยที่ไม่กลับมาอีกเลย
8.วอร์เรนได้กล่าวถึงวิกฤติครั้งนี้ว่ายังมีอีกหลายอย่างซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรและได้กล่าวไว้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่เท่าเทียมกันเลย มันมีผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กอย่างหนัก ในขณะที่บริษัทใหญ่ๆหลายแห่งกับเจริญรุ่งเรืองตรงข้ามกัน
วอร์เรนยังเปิดเผยว่าบริษัทดีลเลอร์รถยนต์ในเครือของ Berkshire ต้องการที่จะขอความช่วยเหลือเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในช่วงโควิด แต่วอร์เรนได้แจ้งบริษัทลูกแห่งนี้ไปว่าไม่ต้องขอยืม เพราะว่าคุณมีบริษัทแม่ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว
วอร์เรนกล่าวมีความอันตรายอันใหญ่หลวงเมื่อบริษัทต่างๆต้องวิ่งหาเงินกู้ในช่วงวิกฤติเพราะพวกเขามีความกังวลว่าจะไม่สามารถเข้าถึงเครดิตได้ภายในช่วงระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ ก่อนที่ FED จะกระโดดลงมาช่วยเหลือ
บทเรียนที่สำคัญที่สุดของคุณปู่ในวิกฤตโควิดครั้งนี้คือ วิกฤตเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะจินตนาการได้ทั้งหมดเช่นกัน
9.ทั้งคู่เน้นย้ำว่าชอบแนวทางโครงสร้างการบริหารงานของ Berkshire ในการกระจายอำนาจ (Decentralization) ซึ่งทำให้มีผู้บริหารรับผิดชอบในบริษัทลูกแต่ละแห่ง บริหารงานด้วยตัวเอง
ชาร์ลีคาดการณ์ว่ากลยุทธ์นี้จะนิยมไปอย่างต่อเนื่องในอนาคต พวกเขาทั้งสองไม่ชอบระบบการปกครองแบบเจ้าขุนมูลนาย (Bureaucracy) ที่งี่เง่าเลย
10.วอร์เรนกล่าวชมชาร์ลีว่า “มันมีอะไรที่มากกว่าการซื้อหุ้นและขายมันได้แพงขึ้น ชาร์ลีได้ให้อะไรกับสังคมมากกว่านั้น” เขาเป็นคนออกแบบหอพักและช่วยสร้างมันขึ้นมา เขาทำงานที่โรงพยาบาลเพื่อเข้าใจว่าจะทำยังไงให้มันดีขึ้น เพื่อที่จะให้บริการประชาชนได้ดีขึ้นด้วยราคาที่ถูกลง
2
วอร์เรนพยายามยกตัวอย่างที่ชาร์ลีช่วยงานเขา ชาร์ลีช่วยแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องทำ ชาร์ลีไม่เคยคุยหรือแชร์ข้อมูลอะไรที่แตกต่างจากความเป็นจริง และเขาก็ไม่เคยทำอะไรที่เป็นการทำเพื่อตัวเองเลย
เขาเป็นคนทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น และผมก็ไม่ต้องการทำให้เขาผิดหวัง วอร์เรนได้กล่าวปิดท้ายไว้
#ผมทำกลุ่มปิดใน Facebook สำหรับการลงทุนหุ้นและจีนโดยมีค่าสมาชิกรายปีอยู่ที่ 2,999 บาทต่อคน
สมัครเข้าร่วมกันได้ที่ www.billionairevi.com
โดยค่าสมาชิกจะถูกนำไปซื้อบทวิเคราะห์จากต่างประเทศในเวปชื่อดัง เช่น SeekingAlpha, The Motley Fool, Morningstar รวมทั้งข่าวจาก CNBC, Bloomberg, Businessinsider, The Economist รวมทั้งหาคนมาช่วยเขียนบทความครอบคลุมตลาดจีนมากขึ้น
Cr: CNBC & Businessinsider
โฆษณา