• คุณภาพของผู้บริหารและ Good Governance ถ้าบริษัทมีผู้บริหารที่ดี มีความสามารถ หุ้นของบริษัทก็จะมี P/E สูง
2
• สภาพคล่องของหุ้น หุ้นที่มี Market Cap ขนาดใหญ่มักจะมี P/E สูงกว่าหุ้นที่มี Market Cap เล็กที่มีสภาพคล่องน้อยกว่าแม้ว่าจะเป็นหุ้นที่ดีก็ตาม เนื่องจากกองทุนและผู้ลงุทนต่างชาติจะให้ความสนใจมากกว่า เพราะจำนวนที่ต้องการซื้อแต่ละครั้งค่อนข้างมาก หากซื้อหุ้นตัวเล็กจะซื้อขายลำบาก ทำให้หุ้นขนาดใหญ่มี P/E สูงกว่า
นอกจากที่เราดูเปรียบเทียบหุ้นแบบตัวต่อตัวแล้ว เราควรจะดู P/E Ratio เปรียบเทียบกับ P/E ตลาดและอุตสาหกรรมด้วย จะได้เปรียบเทียบดูว่าหุ้นนั้นมี P/E ที่สูงหรือต่ำกว่ามาตรฐานของตลาดและอุตสาหกรรม
2
ข้อควรระวัง นักลงทุนต้องรู้
1
- PE ต่ำในธุรกิจขาลง : แน่นอนว่าธุรกิจขาลงก็จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เช่น ในภาพรวมอุตสาหกรรมนั้นๆมีโอกาสหดตัว บริษัทมีปัญหาด้านการบริหารหรือการขาย
- PE ต่ำในธุรกิจที่ไม่ได้โต : การลงทุนต้องคาดหวังเงินลงทุนให้งอกเงยจากการติบโตบริษัท แต่ธุรกิจที่ไม่โตนี้หากมีแนวโน้มทรงตัว ตลาดก็จะไม่ได้ให้ PE สูงอยู่แล้ว หากว่ากำไรสม่ำเสมอ พวกนี้ก็จะกลายเป็นหุ้นปันผลซะมากกว่า
- PE ต่ำในธุรกิจที่รายได้ไม่สม่ำเสมอ : เช่นหุ้นกลุ่มรับเหมา อสังหา พวกนี้รายได้และกำไร มักจะมาจากโครงการ/งานที่อยู่ในมือ ซึ่งพวกนี้หากไม่ได้งานต่อเนื่อง ก็จะทำให้รายได้และกำไรในปีต่อๆไปลด ส่งผลให้ PE ไม่ได้ต่ำและดีแบบนี้เสมอ (กลุ่มพวกนี้หลักๆคือต้องดูรายได้ในอนาคตครับ)
- PE ต่ำในบริษัทที่มีกำไรพิเศษ : เช่นกำไรจากการขายสินทรัพย์ หรือเงินลงทุน พวกนี้จะทำให้ EPS โตผิดปกติ ตรงนี้มักจะทำให้ PE ในปีนั้นๆต่ำกว่าปกติ หากบริษัทไม่เอาเงินที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ก็จะทำให้กำไรปีต่อไปไม่ได้เหมือนปีที่ผ่านมา PE ก็กลับมาสูงอีกครัง
1
- PE ต่ำในหุ้นวัฏจักร : หุ้นวัฏจักร เวลาซื้อ ต้องดูก่อนว่ามันอยู่ช่วงไหนของรอบ หากชวกต้นรอบ มักจะมี PE สูงๆ หรือแม้กระทั้งขาดทุน แต่หาก PE ต่ำๆ ส่วนมากแล้วจะเป็นช่วงที่จุดสูงสุดของรอบ อัตรากำไรมากกว่าปกติ และหากต่อไป ก็จะมีคู่แข่งใหม่เข้ามาส่งผลให้เกิดการแข่งขัน อัตรากำไรลดลง สุดท้ายก็จบรอบไป