4 ก.ค. 2021 เวลา 16:47 • ปรัชญา
ร่างกาย แตกสลายกลายเป็นธาตุที่พร้อมกระจัดกระจายไปตามกาลเวลา ตามทิศทางของลมและกระแสน้ำที่จะพัดพาไปเป็นอาหารของพืชและสัตว์ โอนถ่ายกันไปมาไม่รู้จบ และบางส่วนก็จับตัวเป็นสิ่งต่าง ๆ เช่น หิน ดิน ทราย เป็นต้น
จิต ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สะสมมาในความทรงจำ มันเป็นการจับกลุ่มของอณูทางความคิด พร้อมที่จะสถิตอยู่ตรงไหนก็ได้ตามที่ผิวของอณูนั้นไปจับไว้ได้ เมื่อจิตจับกับสิ่งใดที่ก่อร่างจากธาตุต่าง ๆ อะไรที่มีปฏิกิริยากับสิ่งนั้นย่อมมีผลกระทบต่อจิตด้วย และจิตจะหลุดสิ่งนั้น ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นได้แปรเปลี่ยนสภาพหรือแตกสลายไป แล้วจิตก็จักล่องลอยไปตามจับกับสิ่งอื่น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ วนเวียนไม่รู้จบเช่นกัน อาจจะเป็นพืช หรือ สัตว์ หรือ มนุษย์ หรือสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ในนิยามที่มนุษย์ตั้งขึ้นมา
ถ้าไม่อยากให้จิตของเราวนเวียนอยู่แบบนั้น ก็ต้องหาทางให้อณูทางความคิดมันไม่จับตัวกันก่อนที่มันจะหลุดออกจากร่างมนุษย์หลังการเสื่อมสภาพของธาตุ หรือที่เราเรียกว่า ตาย นั่นแหล่ะ เพราะมนุษย์นั้นเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญาเพียงพอที่จะสามารถค้นหาวิธีที่จะกำหนดไม่ให้อณูของความคิดมันจับเป็นกลุ่มก้อน
หรือทางพุทธศาสนา เรียกว่า นิพพาน ได้
ปล. นี่เป็นเพียงมุมมองของผมคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ตามหลักวิชาการทางพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ใด ๆ อ่านแล้วไม่จำเป็นต้องเชื่อตามนะครับ
โฆษณา