5 ก.ค. 2021 เวลา 06:55 • ประวัติศาสตร์
🇬🇧 ประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษ
(A Brief History of English)
1
ภาษาอังกฤษคือหนึ่งในภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดภาษาหนึ่งของโลก ภาษาอังกฤษคือภาษาสากลที่คนทั่วโลกต่างใช้ติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน
สำหรับบทความนี้ แอดมินจะขอพาทุกคนย้อนเวลากลับไป เพื่อทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของภาษาอังกฤษว่า กว่าที่จะได้ภาษาอังกฤษที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันในปัจจุบันนั้น ได้ผ่านเรื่องราวและประวัติศาสตร์อะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเชิญติดตามได้เลยครับ...
• ชาวเคลต์ ผู้วางรากฐานของอังกฤษ
1
นานมาแล้ว ณ บริเวณหมู่เกาะอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสหราชอาณาจักร (United Kingdom) และประเทศไอร์แลนด์ (Ireland) นั้น นักประวัติศาสตร์ได้สัณนิษฐานว่าในช่วงสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล (ราว 5,000 ปีก่อน) ได้ปรากฏการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มคนในบริเวณแห่งนี้ พวกเขารู้จักกันในชื่อ "ชาวเคลต์" (Celt)
1
ชาวเคลต์คือกลุ่มชนดั้งเดิมในทวีปยุโรป จุดกำเนิดของพวกเขาอยู่ในบริเวณตอนกลางของทวีปยุโรปแถบประเทศออสเตรีย ชาวเคลต์ได้เดินทางอพยพไปทั่วทั้งยุโรป เพื่อหาทรัพยากรและตั้งถิ่นฐานของตน โดยถิ่นฐานของชาวเคลต์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์นั้น อย่างเช่น ชาวเคลต์ในดินแดนกอล (Gaul) ในฝรั่งเศส ที่ทำศึกกับจักรวรรดิโรมัน เป็นต้น
1
และเมื่อชาวเคลต์ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่หมู่เกาะอังกฤษ พวกเขาก็ได้เผยแพร่ภาษาของพวกเขามายังดินแดนแห่งนี้ด้วย
1
• โรมันยึดครองอังกฤษ
1
เมื่อเวลาผ่านไป ในราวศตวรรษที่ 1 บริเวณหมู่เกาะอังกฤษแห่งนี้ ก็ได้ถูกพิชิตด้วยจักรวรรดิโรมัน มหาอำนาจของยุโรปในช่วงเวลานั้น
1
ซึ่งการยึดครองอังกฤษของโรมันในครั้งนี้ ได้ทำให้ชาวเคลต์บางส่วนซึ่งเป็นกลุ่มชนดั้งเดิมในอังกฤษ เดินทางอพยพหลบหนีไปทางทิศตะวันตกและทิศเหนือของอังกฤษ ซึ่งชาวเคลต์เหล่านี้ก็คือบรรพบุรุษของชาวไอริช (Irish) , ชาวเวลส์ (Wale) และชาวสกอตต์ (Scottish) นั่นเอง
1
ชาวโรมันสร้างอาณานิคมในหมู่เกาะอังกฤษ
และอีกสิ่งสำคัญที่ชาวโรมันได้นำเข้ามาในอังกฤษก็คือภาษา ชาวโรมันใช้ภาษาละติน (Latin) ในการติดต่อสื่อสาร ดังนั้นเมื่อชาวโรมันยึดครองอังกฤษได้แล้ว ภาษาละตินของโรมันจึงผสมผสานเข้ากับภาษาเคลต์ของกลุ่มชนดั้งเดิม
1
• การมาถึงของชาวแองโกล-แซกซัน
1
ในช่วงศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่ถึงกาลเสื่อมถอย ส่งผลให้อำนาจของโรมันในหมู่เกาะอังกฤษหมดลง เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวแองโกล (Anglo) ชาวแซกซัน (Saxon) และชาวจูตส์ (Jutes) ซึ่งเป็นกลุ่มชนเผ่าเยอรมันหรือชนเจอร์มานิก (Germanic Tribes) เข้ามารุกรานหมู่เกาะอังกฤษ
1
ชาวแองโกล-แซกซัน (รวมไปถึงจูตส์) กลุ่มชนเยอรมันที่เข้ามาอยู่ในอังกฤษ หลังจากที่จักรวรรดิโรมันล่มสลาย
สำหรับกลุ่มชนเจอร์มานิก พวกเขาคือกลุ่มคนที่ใช้ภาษาตระกูลเยอรมันโบราณ (Germanic) มีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณตอนเหนือของเยอรมัน โดยกลุ่มชนเจอร์มานิกแบ่งออกได้เป็น 3 พวกคือ
1
1) เจอร์มานิกตะวันตก (Western Germanic)
ภาษาของพวกเขาจะพัฒนากลายเป็น ภาษาเยอรมัน (German) ภาษาดัตซ์ (Dutch) และภาษาอังกฤษ พระเอกของเราในบทความนี้
1
2) เจอร์มานิกเหนือ (Northern Germanic)
ภาษาของพวกเขาจะพัฒนากลายเป็น ภาษาของกลุ่มสแกนดิเนเวีย (Scandinavian) ได้แก่ ภาษาสวีดิช (Swedish) , ภาษาเดนิช (Danish) , ภาษาฟินนิช (Finnish) ภาษานอร์วีเจียน (Norwegian) และภาษาไอซ์แลนดิก (Icelandic)
1
3) เจอร์มานิกตะวันออก (Eastern Germanic)
สำหรับภาษานี้ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
1
ต่อมาชาวแองโกล-แซกซัน และจูตส์ก็สามารถยึดครองอังกฤษได้สำเร็จ พวกเขาได้สร้างอาณาจักรของพวกเขา และพวกเขาก็ได้นำภาษาเจอร์มานิกตะวันตก (หรือภาษาเยอรมันโบราณสำเนียงตะวันตก) ที่พวกเขาใช้ เข้ามาเผยแพร่ในอังกฤษด้วย ดังนั้นจึงเกิดการผสมผสานระหว่างภาษาเคลต์+ภาษาละติน+ภาษาเจอร์มานิกตะวันตก
1
** เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
ชาวแองโกลคือกลุ่มคนที่ได้เรียกดินแดนของพวกเขาว่า "แองเกิลแลนด์" (Angle Land) ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า "อิงแลนด์" (England) และคำว่าอังกฤษนั่นเอง
1
• ไวกิ้งรุกรานอังกฤษ
1
กาลเวลาผ่านไปจนถึงช่วงศตวรรษที่ 9 อาณาจักรของชาวแองโกล-แซกซันและจูตส์ในอังกฤษ ก็ได้ถูกรุกรานโดยชาวไวกิ้ง (Viking) กลุ่มนักรบจากดินแดนสแกนดิเนเวีย โดยชาวไวกิ้งสามารถเอาชนะอาณาจักรทางทิศตะวันออกของอังกฤษได้
1
สุดท้ายสงครามของทั้งสองก็สิ้นสุดลง เมื่อมีการเจรจาให้ชาวไวกิ้งสามารถตั้งถิ่นฐานทางตะวันออกของอังกฤษ ซึ่งดินแดนแห่งนี้ถูกเรียกว่า "เดนลอว์" (Danelaw) ส่วนดินแดนที่เหลือเป็นของอาณาจักรเวสเซกซ์ (Wessex) อาณาจักรสุดท้ายของชาวแองโกล-แซกซันที่ยังหลงเหลืออยู่
2
แผนที่ของดินแดนเดนลอว์ (สีแดง)
และการที่ชาวไวกิ้งเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอังกฤษนี้เอง ที่ทำให้ภาษาเจอร์มานิกเหนือซึ่งเป็นภาษาของชาวไวกิ้ง เข้ามาผสมผสานกับภาษาดั่งเดิมของอังกฤษ ก่อให้เกิดเป็นภาษาอังกฤษยุคโบราณ (Old English Language) หรือภาษาอังกฤษในยุคแรกนั่นเอง
1
** Old English Language = ภาษาเคลต์+ภาษาละติน+ภาษาเจอร์มานิกตะวันตก (แองโกล-แซกซัน)+ภาษาเจอร์มานิกเหนือ (ไวกิ้ง)
1
• นอร์แมนพิชิตอังกฤษ
2
ในเวลาต่อมา อาณาจักรเวสเซกซ์ก็สามารถขับไล่ชาวไวกิ้งให้ออกไปจากอังกฤษได้สำเร็จ พวกเขาได้ก่อตั้งราชวงศ์เวสเซกซ์ (House of Wessex) ราชวงศ์แรกของอังกฤษ
1
ราชวงศ์เวสเซกซ์ครองอำนาจอยู่จนถึงปี 1066 พวกเขาก็ถูกโค่นล้มด้วยชาวนอร์แมน (Norman) ภายใต้การนำของ วิลเลียม ผู้พิชิต (William the Conqueror) วิลเลียมสถาปนาราชวงศ์นอร์แมน (House of Norman) ปกครองอังกฤษ เป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรอังกฤษที่จะรุ่งเรืองสืบต่อไป
2
ชาวนอร์แมนเอาชนะการรบเหนือชาวแองโกล-แซกซัน
สำหรับที่มาของชาวนอร์แมนนั้น พวกเขาคือกลุ่มชาวไวกิ้งที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่แคว้นนอร์มังดี (Normandy) ในฝรั่งเศส โดยชาวนอร์แมนได้รับวัฒนธรรมหลายอย่างจากฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ภาษาฝรั่งเศส
1
และเมื่อราชวงศ์นอร์แมนปกครองอังกฤษแล้ว ชนชั้นสูงและพระราชวงศ์อังกฤษก็ได้นำภาษาฝรั่งเศสมาใช้เป็นภาษาทางการ แต่ในขณะเดียวกันพวกชนชั้นกลางในอังกฤษยังคงใช้ภาษาอังกฤษยุคโบราณกันอยู่
1
ก่อนที่ในเวลาต่อมา ภาษาฝรั่งเศสซึ่งเดิมเป็นภาษาของพวกชนชั้นสูง จะถูกนำมาประยุกต์ใช้กับภาษาอังกฤษยุคโบราณของชนชั้นกลาง และนั้นได้นำไปสู่ภาษาอังกฤษยุคกลาง (Middle English Language) ภาษาอังกฤษในยุคที่สอง ที่ถูกใช้งานตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 12 จนถึง 15
1
ตัวอย่างข้อความภาษาอังกฤษในยุค Middle English
** Middle English Language = Old English Language + French
1
• ภาษาอังกฤษยุคปัจจุบัน
1
ต่อมาในราวศตวรรษที่ 15 เมื่อมีการประดิษฐ์แท่นพิมพ์ขึ้น ได้ทำให้การทำหนังสือและเผยแพร่ตำราความรู้แพร่หลายไปทั่วอังกฤษ ทว่ายังมีปัญหาอยู่คือชาวอังกฤษในแต่ละท้องที่นั้น มีการพูดออกเสียงและสำเนียงที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดปัญหาที่ว่า Middle English ที่ถูกต้องควรจะเป็นเช่นไร
2
ในที่สุดก็ได้มีการปรับปรุง และทำความตกลงระหว่างกัน จนกระทั่งได้เป็นภาษาอังกฤษแบบมาตรฐานที่เรียกว่า ภาษาอังกฤษแบบปัจจุบันยุคต้น (Early Modern English Language) ซึ่งถูกใช้งานจนถึงช่วงศตวรรษที่ 18
3
และในช่วงศตวรรษที่ 18 เมื่ออังกฤษเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) ทำให้มีการบัญญัติคำศัพท์ใหม่ ๆ มากมาย รวมไปถึงปรับปรุงภาษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จนนำไปสู่ภาษาอังกฤษแบบปัจจุบันยุคปลาย (Late Modern English Language) ภาษาอังกฤษที่ทุกคนรู้จักและถูกใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน
1
*** Reference
- หนังสือทำไมแฮมเบอร์เกอร์จึงไม่มีแฮม โดย นพ.ชัชพล เกียรติขจรธาดา
#HistofunDeluxe
โฆษณา