เคยถามกับตัวเองหรือไม่…คุณค่าของการมีชีวิตอยู่คืออะไร? อะไรคือความหมายของชีวิต? ความสุขของเราอยู่ตรงไหน? ถ้ายังไม่รู้หรือไม่แน่ใจ ก็ต้องเริ่มทำความรู้จักกับ “ความหมายของการมีชีวิตอยู่” ซึ่งมาจากการค้นพบความสุขที่หาได้จากสิ่งง่ายๆ รอบตัว ในแบบฉบับของชาวญี่ปุ่นกันเถอะ
ความสุขควรเกิดจากการใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์
เพราะอะไรชีวิตจึงต้องมีความหมาย
ความหมายของชีวิต หมายถึง การรับรู้ถึงเหตุผลในการใช้ชีวิตอยู่ของตัวเอง เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจและรู้สึกมั่นคงเมื่อเผชิญกับอุปสรรคหรือวิกฤติของชีวิต ความหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวในลักษณะของการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างมุ่งมั่นและมีความเข้มแข็งในจิตใจ
การตระหนักถึงความหมายของชีวิตช่วยให้เรามีความชัดเจนและมั่นคงต่อเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและความยากลำบากในชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้เรากลับมาเห็นคุณค่าในตนเอง มีความสุข มีอารมณ์เชิงบวกเสมอ และมีวิธีรับมือกับความเครียดอย่างเหมาะสม
การใช้ชีวิตที่มีความหมาย โดยมุ่งทำเรื่องสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อตัวเองส่งผลกับตัวเราได้ดังนี้
กระตุ้นให้ถามตัวเองว่า “สิ่งสำคัญในชีวิตของเราคืออะไร” ความตั้งใจในการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าย่อมสร้างแรงกระตุ้นให้อยากประสบความสำเร็จ
กระตุ้นให้ลงมือทำเรื่องที่สำคัญทันที
ท้าทายให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์
ทำให้มีพลังทำเรื่องสำคัญ
ทำให้มีแรงบันดาลใจ อยากทำทุกวันให้มีความหมาย
กระตุ้นให้อยากมีชีวิตบั้นปลายที่ดี
ความสุขจากการมีชีวิตที่มีความหมาย คือการใช้ชีวิตที่เป็นประโยชน์ การใช้ความสามารถและความถนัดทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราเคยทำ ทำสิ่งที่ทำเรารู้สึกว่ามีคุณค่า พัฒนาทักษะความสามารถและใช้ทักษะนั้นเพื่อตอบแทนส่วนรวม แทนที่จะหาความสุขจากการทำเรื่องสนุกสนานเพลิดเพลินเพียงอย่างเดียว เราควรเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเอง มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนอื่นๆ แล้วปล่อยให้ความสุขเป็นผลพลอยได้จากการเห็นคุณค่าในตัวเราจากความพอใจที่ทำงานสำเร็จ และการได้ทำในสิ่งที่มีความหมาย
ชีวิตที่มีความหมายในแบบอิคิไก
อิคิไก เป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น คำว่า อิคิ (มีชีวิตอยู่) ไก (คุณค่าหรือความหมาย) หมายถึง ความหมายของการมีชีวิต คนที่มีอิคิไกจะรู้ว่าทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาเขามีชีวิตแต่ละวันไปเพื่ออะไร เขาจะใช้ชีวิตในวันใหม่อย่างมีพลัง เบิกบาน พึงพอใจ และสุขสงบภายใน อิคิไกมีหลักง่ายๆ และสามารถนำไปปฎิบัติได้ในทุกๆ วัน เพื่อให้วันของเป็นวันที่มีความสุขและเต็มไปด้วยความหมาย
อิคิไกเริ่มจากการสัมผัสความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในสมองของเรามีสารโดพามีน หากเราทำอะไรสำเร็จแม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยแต่สมองจะหลั่งสารโดพามีนซึ่งมีผลทำให้เรามีความสุข อิคิไกเริ่มจากการมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ และใส่ใจสิ่งที่อยู่รอบตัว
เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ : ฝันไม่ใหญ่แต่ใส่ความตั้งใจ
“แม้ในฝัน ผมก็ยังฝันเห็นซูชิ” คุณลุงจิโร่ โอโนะ คือตัวอย่างของคนที่ค้นพบอิคิไกจากการเริ่มต้นทำสิ่งเล็กๆ คุณลุงโอโนะเริ่มต้นทำร้านซูชิ เพราะต้องการมีรายได้เลี้ยงครอบครัวและเลือกขายซูชิเพราะมีต้นทุนต่ำ แต่คุณลุงลงมือทำอย่างจริงจังและทุ่มเทให้กับการทำงานของตัวเองในแต่ละวัน คุณลุงมีเป้าหมายไม่เพียงอยากทำซูชิเพื่อให้ขายได้ แต่อยากทำเพื่อให้ซูชิมีรสชาติอร่อย ด้วยการครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้ซูชิอร่อยกว่าที่เคยทำมา เริ่มจากการคิดค้นหาวิธีเก็บไข่ปลาแซลมอนให้รับประทานได้ในทุกฤดูและรสชาติต้องอร่อยเหมือนไข่ปลาแซลมอนในฤดูใบไม้ร่วง หรือการทดลองเผาปลาชนิดต่างๆ ด้วยฟางข้าวเพื่อให้เจอชนิดของปลาที่เข้ากันได้กับกลิ่นฟางข้าว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะเจอชนิดของปลาที่อร่อยและเข้ากัน แต่คุณลุงทำด้วยความมุ่งมั่นและสนุกกับการได้คิดค้น ทดลอง ปัจจุบันร้านซูชิ Sukiyabashi Jiro ของคุรลุงโอโนะกลายเป็นร้านชื่อดังในญี่ปุ่นที่ใครๆ ก็ต้องไปร้านนี้
ทำช่วงเช้าให้เป็นช่วงเวลาที่ดี : ชีวิตมีรางวัลรออยู่
ตอนเช้าเป็นเวลาที่มีความสำคัญมาก ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าชีวิตวันนี้จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับว่า เช้าวันนี้เราตื่นมาด้วยอารมณ์แบบไหน เราทำอะไรในตอนเช้า และเราจะพบเจอคนแบบไหนในเช้านี้ การทำช่วงเช้าให้มีความสุข โดยลองตื่นขึ้นมากล่าวคำทักทายคนในครอบครัวหรือคนที่เรารู้จัก สิ่งนี้ช่วยให้การควบคุมการหลั่งฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายกันทำงานได้ดีขึ้น หรือตื่นมาแล้วได้ทานขนมที่ชอบมากๆ เพื่อเป็นรางวัลให้ชีวิตในตอนเช้าฟังสิ่งดีๆ เพื่อให้รู้ว่ามีสิ่งดีๆ รอบตัว และเราจะอยากตื่นขึ้นมาทุกเช้า เพราะรู้ว่ามีความสุขรอเราอยู่
คุณค่าในชีวิต
เกิดจากการลงมือทำ
อย่างต่อเนื่องจนเป็นกิจวัตร
ให้คำสัญญากับตัวเอง : เป็นคำสัญญาที่มีความหมายต่อชีวิต
ชาวญี่ปุ่นแนะนำให้เราหัดให้คำสัญญากับตัวเอง คือ การพูดแล้วลงมือทำอย่างจริงจังต่อเนื่อง และทำให้ดีเกินความจำเป็น เช่น เราสัญญาว่าทุกวันเราจะวิ่งระยะทาง 2 กิโลเมตร หรือภายใน 6 เดือน เราจะต้องวิ่งระยะทาง 21 กิโลเมตรให้ได้ สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดความหมายในชีวิต เพราะรู้ว่าเป้าหมายของการตื่นขึ้นมาวิ่งในทุกๆ เช้าคืออะไร หรือตัวอย่างร้านขายเมลอนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง เมลอนของร้านนี้แตกต่างจากร้านอื่นมาก เพราะเจ้าของจะยอมให้มีเมลอนได้แค่ต้นละ 1 ลูกเท่านั้น เขาทดลองแล้วว่าการทำแบบนี้จะทำให้สารอาหารทั้งหมดไปรวมอยู่ที่เมลอนลูกนั้น ทำให้มันมีความสมบูรณ์และมีรสชาติที่อร่อย แม้ว่าราคาของเมลอนในฟาร์มนี้จะแพงมาก แต่เชื่อได้ว่าหากใครได้รับเป็นของขวัญ คนนั้นจะต้องมีความสุขจากการได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
อิจิโกะ อิจิเอะ : 1 ชีวิต 1 ครั้ง
ความหมาย คือ ให้เราปฏิบัติต่อผู้คนหรือสิ่งของที่เราสัมผัสราวกับว่าเราจะได้พบเจอหรือสัมผัสสิ่งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ดังนั้นเมื่อเราเจอใครสักคนและเราคิดว่าอาจเป็นครั้งเดียวหรือครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน แน่นอนว่าเราจะไม่นั่งเล่นมือถือ เราะจะมองหน้าคนๆ นั้น ไถ่ถามทุกข์สุข เมื่อเราจับสิ่งของแล้วรู้สึกว่าเรากำลังใช้หรือสัมผัสสิ่งนั้นครั้งเดียวในชีวิต เราจะใส่ใจมันมากขึ้น หลายอย่างในชีวิตมักจะถูกมองข้าม เพราะเราไม่ใส่ใจกับเสียง กลิ่น รส สัมผัส ของสิ่งของต่างๆ และแววตาของผู้คนที่เราได้ปฏิสัมพันธ์ด้วย แต่หากเรามีโอกาสได้อยู่ในบรรยากาศของการใส่ใจบ่อยๆ เราจะพบว่าชีวิตมีสิ่งวิเศษและมีความหมาย
จดจ่อกับสิ่งที่ทำ : ไม่หวังคำชื่นชม
ตัวอย่างนักชงเครื่องดื่มคนหนึ่ง ทุกวันเขาใช้เวลาทั้งวันอยู่กับการปรุงรสเครื่องดื่มให้ออกมาได้รสชาติอร่อยที่สุด โดยไม่สนใจว่าจะมีสื่อมวลชนมาขอสัมภาษณ์หรือจะมีใครขอถ่ายรูปหรือไม่ เขาจดจ่ออยู่กับการปรุงรสเครื่องดื่ม ความสุขของเขาเกิดจากการได้ลงมือทำโดยไม่หวังว่าจะได้รับคำชื่นชมจากใคร เป็นความสุขที่เกิดขึ้นง่ายๆ เมื่อทุ่มเทให้กับสิ่งที่กำลังทำ
ยอมรับกับสิ่งที่เราเป็น
ชื่นชมกับสิ่งที่เรามี
และใส่ใจอย่างเต็มที่
หลงรักในงานอดิเรก : ทำหัวใจให้อิ่มสุข
สิ่งที่เราทำหรืองานที่เราทำอยู่เป็นประจำ อาจไม่ได้นำมาซึ่งชีวิตที่มีความหมายเสมอไป อย่าลืมว่าเรายังมีเวลานอกเหนือจากการเรียนหรือการทำงาน เวลานั้นเราสามารถนำไปใช้ทำงานอดิเรกที่เราชอบและมีความสุขกับสิ่งนั้นมากๆ เช่น บางคนมีความสุขกับการออกไปถ่ายรูป วาดรูป ดูนก ทำขนม เพื่อทำให้หัวใจเติมเต็ม หลายครั้งที่ความหมายของการมีชีวิตอยู่เกิดจากการได้ทำงานอดิเรกที่เรารัก