6 ก.ค. 2021 เวลา 14:12 • ไลฟ์สไตล์
ตอนที่ 1 : ฉันกับจุดเริ่มต้นงานขายบริการ
สัพเพเหระกับแมวโกญจา | At Your Service Series
สวัสดีมิตรนักอ่านทุกท่าน ในซีรี่ย์นี้แมวโกญจาตั้งใจจะถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์​การทำงานในโรงแรม 5 ดาว 5 ดาว + ที่สะสมมากว่า 10 ปี ให้ได้ฟังกัน ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
คำเตือน: สาระพอมีอยู่บ้าง ที่เหลือเป็นเรื่องสัพเพเหระ✨
พออ่านชื่อเรื่องแล้วเสียววูบวาบต้องรีบอธิบายก่อนเลยค่ะ ว่ามันคืองานให้บริการนั่นเอง
ฉันคิดว่างานโรงแรมเป็นวงการที่คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมกี่ดาวก็ตาม
ย้อนอดีตไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหลังเรียนจบปริญญาโทใหม่ๆ ฉันได้งานเป็นเลขานุการผู้บริหารกับเจ้านายที่มีตำแหน่งทางราชการ เวลากลับบ้านต้องไปยืนรอยกมือสวัสดี งานเลขาฯ ของฉันคือชงชา กาแฟ
ฉันผิดหวังจากการเจอหัวหน้างานที่ประเมินความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษว่าต้องเป็น 'เด็กนอก'​เท่านั้นถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้ ฉันเรียนจบในเมืองไทย ฉันจึงไม่ได้รับความไว้วางใจในการต้อนรับแขกต่างชาติ แต่ด้วยความมั่นใจเกินร้อย "ฉันเก่ง" (อย่าพึ่งรีบเกลียด)​ ว่าภาษาอังกฤษของตัวเองดีและเก่งไม่แพ้ใครในเวลานั้นจึงได้แต่คิดว่างานอะไรที่จะทำให้เราได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษและพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ฉันมองเห็นแสงสว่างอยู่รำไรโดยได้แรงบันดาลใจจากพ่อที่เป็นพนักงานโรงแรมมาก่อน
วันหนึ่งพ่อยื่นหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์​ให้ บอกว่าที่นี่เค้าเปิดรับสมัคร พ่อคงรำคาญที่ฉันพูดอยู่บ่อยว่าอยากทำงานโรงแรม แต่ไม่ได้เรียนจบการโรงแรม
... แต่ฉันผู้มีใจรักบริการ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชอบอยู่ในสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมที่แตกต่าง ชอบสื่อสารภาษาอังกฤษ ฉันผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ฉันพร้อมลุย🙋🏻‍♀️ก็คุณสมบัติฉันมันเพียบพร้อมตรงตามคุณสมบัติที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลมองหาเลย
ครั้งแรกที่ฉันเห็นประกาศรับสมัครงาน รูปรองเท้าส้นสูงสีดำตัดกับตัวหนังสือสีขาว แว้บแรกฉันกวาดตามองหาตำแหน่งที่มันพอจะเป็นไปได้
'Training Coordinator' และคิดว่าอันนี้แหละได้ ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิ​ (ในขณะนั้น)​
หลังจากยื่นใบสมัคร ฉันถูกเรียกสัมภาษณ์​คุยกันไปมาจนเกือบจะจบแล้ว ปรากฎว่าผู้ประสานงานกรอกตำแหน่งให้ฉันผิด ฉันเลยต้องเริ่มสัมภาษณ์ใหม่อีกครั้ง
ไม่ต้องเดาเลย... ฉันได้งานตำแหน่งเริ่มต้นของฉันคือ Training Coordinator "อย่าหยุดประสานงา" เฮ่ย! เค้าให้มาประสานงาน ไม่ใช่มาประสานงา
ฉันดีใจและภูมิใจในงานที่ได้รับมอบหมายมาก เช้าวันหนึ่งมีเพื่อนพนักงานเคาะประตู แลัวบอกว่าต้องการ กุญแจสำรองตู้ล็อกเกอร์ หรือไม่ก็ขอซื้อถุงน่อง กิ๊ปติดผม จนฉันเริ่มเอะใจกับตำแหน่งที่ทำอยู่ พอได้โอกาสจึงสอบถามหัวหน้างานและพบคำตอบว่า
"ตายจริง นี่ฉันทำงานอยู่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล" (จะเป็นโชคชะตาหรือเวรกรรม หรือคำสาป)​ ต้องรออ่านกันต่อไปค่ะ😄 ก็ใช่สิฉันไม่ได้เรียนการโรงแรมนี่ ฉันไม่รู้
มนุษย์โรงแรมใหม่อย่างฉันทุ่มเททำงานทั้งแรงกายแรงใจ เริ่มงานตั้งแต่ 8.30 -​20.30 น. ทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ ปรากฏ​ว่าหัวหน้างาน และเพื่อนๆ ร่วมออฟฟิศยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกกลับบ้าน เป็นอย่างนี้อยู่หลายเดือนจนกระทั่ง...
เรามีเพื่อนร่วมออฟฟิศใหม่ 1 คน แต่นางเป็นพนักงานสัญญาจ้างชั่วคราวไม่ใช่พนักงานประจำเหมือนพวกเรา พอได้เวลา 18.30 น. พี่เค้าก็เก็บของกลับบ้าน
วันหนึ่งเราคุยกันเรื่อยเปื่อยแล้วก็วกเข้ามาเรื่องนี้
ฉัน: "ดีจัง เป็นพนักงานเทมฯ (ย่อมาจากเทมโพรารี่: Temporary)​ ได้กลับบ้านเร็ว"
พี่เทมฯ : เร็วยังไง ก็ หกโมงครึ่งเหมือนกันนี่นา
ฉัน: "อ้าว! นึกว่าเลิกทุ่มครึ่ง นี่ขนาดสองทุ่มยังไม่มีใครอยากจะลุกกลับบ้านเลย"
พี่เทมฯ : "ไป.. แกหกโมงครึ่งแล้วรีบเก็บของกลับบ้าน"
ฉัน: นี่ฉันเป็นโคฯ (โคออดิเนเตอร์)​หรือควายวะ
เรื่องนี้สอนใจว่า ✅
1). ควรอ่านสัญญาจ้างให้ละเอียดเรียบร้อย
2). ทำงานต้องมี work life balance ไม่งั้นชีวิตเราจะพัง
3). เด็กใหม่ ไม่รู้อะไรให้ถาม อย่าอายอย่าไร้สติ
4). คุณสมบัติพื้นฐานของพนักงานโรงแรมย้อนกลับไปอ่านด้านบน⬆️
เอวัง... #งานโรงแรม โปรดติดตามเรื่องราวตอนต่อไป
โฆษณา