7 ก.ค. 2021 เวลา 13:21 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📌มีใครเคยเป็นแบบนี้บ้างไหมคะ
⛰หุ้นตัวที่เราจะซื้อเป็นกราฟขาขึ้นอยู่ดีๆแต่พอเรากดซื้อปุ๊บหุ้นตัวนั้นก็ลงปั๊บ😂😂
คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีกฎ 2 ข้อในการลงทุน นั่นคือ
1. ห้ามขาดทุน
2. อย่าลืมกฎข้อแรก
ดังนั้นถ้าจะให้ดี ก็ไม่ควรขาดทุนหรือขาดทุนให้น้อยที่สุด เพราะเรายังมีโอกาสทำกำไรแล้วกลับมามีเงินต้นเท่าเดิมได้ เช่น ขาดทุนสัก 20% ต้องมีกำไร 25% ถึงจะได้เงินต้นเท่าเดิม ซึ่งพอจะมีความเป็นไปได้ แต่หากเราขาดทุนมากกว่านั้น การทำกำไรเพื่อให้มีต้นทุนเท่าเดิมจะยิ่งยากขึ้น จนเราท้อและต้องถอยออกจากตลาดไปเลย
📌ทำไมทุกลงทุนส่วนมากถึงติดดอย📌
1. ซื้อหุ้นซิ่ง
หุ้นประเภทนี้มักจะมีราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาแล้วหลาย 100% และนักลงทุนมือใหม่ส่วนมากก็มักจะเลือกหุ้นประเภทนี้เพราะคิดว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงถ้าราคาหุ้นวิ่งขึ้นมามากแล้วจะมีโอกาสไปต่อได้น้อยแต่มือใหม่มักจะหลงเข้าไปในกองไฟจึงเกิดคำที่ได้ยินบ่อยบ่อยๆว่า “เม่าน้อยบินเข้ากองไฟ“
2.ไม่ทำความเข้าใจหุ้นที่จะซื้อให้ดีก่อน
เพราะหุ้นในตลาดนั้นมีมากกว่า 700 บริษัท มือใหม่ส่วนมากมักซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อได้รับข่าวจากคนใกล้ชิด หรือกลุ่มไลน์ กลุ่มข่าวต่างๆ บางคนอาจจะยังไม่รู้ด้วยซื้อว่าหุ้นที่ตัวเองกำลังจะซื้อนั้นคือหุ้นอะไร ทำธุระกิจอะไร
3.ซื้อหุ้นที่มี P/E แพงๆ
ค่า P/E ใช้วัดความถูกแพงของหุ้น
4.ซื้อหุ้นเมื่อทะลุเเนวต้าน
ในทางปฏิบัติการตีแนวรับแนวต้านจะขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ตีกราฟ เพราะฉะนั้นถ้าตีกลับไม่ถูกต้องอาจมีความเสี่ยงที่เราจะซื้อขายหุ้นผิดจังหวะได้หรือที่มือใหม่มักจะพาดกลายเป็นซื้อหุ้นตอนทะลุแนวต้านหรืออีกมุมหนึ่งการซื้อหุ้นตอนราคาสูงๆแล้วติดดอยไปตามระเบียบ
📌ไม่อยากขึ้นลงดอยบ่อย ๆ ต้องทำอย่างไร📌
1. เลือกลงทุนในหุ้นดี ราคาถูก ไว้ก่อน
เลือกลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพ มีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาหลายปี หากใครอ่านงบการเงินหรือวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นไม่เป็น แนะนำให้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ ที่ใช้เทคโนโลยีประมวลผลจากงบการเงิน เช่น ในกรณีของ Jitta ให้เลือกลงทุนในบริษัทที่มี Jitta Score มากกว่า 5 (คะแนนเต็ม 10) และราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม (ต่ำกว่า Jitta Line) เพราะนั่นคือหุ้นที่พื้นฐานดี และราคายังถูก (undervalued) ยิ่งต่ำกว่าเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะความเสี่ยงก็จะต่ำลงไปด้วย
ที่สำคัญให้เลือกลงทุนในหุ้นหลายตัวเพื่อกระจายความเสี่ยงในการขาดทุน เพราะต่อให้เราเลือกลงทุนในหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสมแล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงได้เสมอ ดังนั้น การซื้อหรือทุ่มเงินไปกับหุ้นตัวเดียว มีความเสี่ยงสูงมากที่จะขาดทุน ควรกระจายให้มีหุ้นในพอร์ตอย่างน้อย 5 บริษัท เพราะหากมีหุ้นใดติดดอยขาดทุน เราก็ยังสามารถทำกำไรจากหุ้นตัวอื่นได้อยู่
3
2. ติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทนั้น
ในอนาคตอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน บริษัทที่เคยทำผลงานดี อาจจะแย่ลงเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะฉะนั้นหลังจากที่เราได้เลือกลงทุนในบริษัทที่ดีตามข้อ 1 แล้ว เราก็อย่างนิ่งนอนใจ จะต้องติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ (Follow) ติดตามฐานะทางการเงินของบริษัททุกไตรมาสว่า ยังมีความสามารถในการทำกำไรดีเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า
3. ปรับกลยุทธ์เมื่อราคาหุ้นลดต่ำลง
เมื่อราคาหุ้นร่วงต่ำลงมาในระดับที่ผิดปรกติ เราต้องพิจารณาก่อนว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงแบบชั่วคราวหรือถาวร เพราะราคาหุ้นอาจผันผวนตามตลาด หรือมีข่าวร้ายมากระทบ แต่ผลประกอบการหรือภูมิต้านทานของบริษัทยังดีอยู่ เราก็ไม่ต้องทำอะไร รอให้ราคาหุ้นกลับมา แต่หากเป็นเพราะพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยน ขาดทุนต่อเนื่อง เราก็ตัดสินใจขายเพื่อนำเงินไปลงทุนในบริษัทที่ดีกว่า
#หุ้น #การลงทุน #กราฟหุ้น
โฆษณา