Blockdit Logo (Mobile)
Directo : Movie & History
•
30 ก.ค. 2021 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
ปาโบล เอสโกบาร์ ราชายาเสพติด
ต้นตำหรับ 'พ่อค้าแป้ง' จากโคลอมเบีย
Pablo Escobar
***คำเตือน
1. บทความต่อไปนี้ เป็นเพียงการบอกเล่าเรื่องราวเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการชี้ช่องทางการทำกินแต่อย่างใด ผู้อ่านทุกท่านไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม
2. บทความต่อไปนี้ มีการบอกเล่าเรื่องราวภาพรวมซีรี่ย์เรื่อง Narcos เนื่องจากเรื่องราวของบุคคลต่อไปนี้ เป็นต้นแบบให้กับตัวละครเอกของซีรี่ย์
[กำเนิด 'ปาโบล เอสโกบาร์']
'ปาโบล เอมิลิโอ เอสโกบาร์ กาวิเรีย' ที่เรามักจะรู้จักกันในชื่อ 'ปาโบล เอสโกบาร์' หรือฉายา 'ราชายาเสพติด'จากประเทศโคลอมเบีย
เขาเกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 1949 ณ เมือง ริโอเนโย ในประเทศโคลอมเบีย ก่อนที่จะย้ายไปเติบโตในเมืองเมเดยิน เมืองที่ในอนาคตเขาจะสร้างอาณาจักรยาเสพติดขึ้น
ปาโบล เริ่มผันตัวเข้ามาในวงการสีเทาๆ(ค่อนข้างมืด)ตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยการขโมยแท่นสลักชื่อหลุมศพไปขายให้กับคนนำเข้าของเถื่อน
ดูๆก็เหมือนเด็กเสียคนทั่วไป แต่หารู้ไม่ ปาโบล นั้นก็ได้รับการศึกษาที่ดีเช่นกัน เขาเคยเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะลาออกมาในระยะเวลาอันสั้น
หลังจากลาออกจากมหาวิทยาลัย ปาโบลในวัย 20 ปี เริ่มทำมาหากินด้วยการเป็นโจรออกจี้ปล้นตามท้องถนน ขายบุหรี่ผิดกฎหมาย ขายล็อตเตอรรี่ปลอม หรือแม้กระทั่งขโมยรถ เรียกได้ว่าฉายแววตั้งแต่เด็กเลยทีเดียว
จนกระทั่งช่วงปี 1970 ปาโบลก็ผันตัวเป็นหัวขโมยและบอดี้การ์ดเต็มตัว รวมไปถึงลักพาตัวและเรียกค่าไถ่เหล่าพวกผู้มีอำนาจภายในเมืองไปด้วย
และด้วยความฝันที่อยากจะเป็นเศรษฐี ปาโบลจึงได้ไปทำงานร่วมกับผู้ลักลอบขนของเถื่อน นั่นจึงทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีมีเงินมากกว่า 1 ล้าน COL$ (ค่าเงินโคลอมเบีย) ในวัยเพียง 22 ปีเท่านั้น
[แก๊งค้ายาแห่งเมเดยิน]
ในปี 1975 ปาโบลได้ตั้งขบวนการค้ายาขึ้น โดยใช้ชื่อว่า'แก๊งค้ายาแห่งเมเดยิน' (Medellín Cartel)
เริ่มจากการใช้เครื่องบินส่งขายโคเคนระหว่างโคลอมเบียและปานามาเป็นหลัก และใช้เส้นทางนำเข้าของเถื่อนส่งไปขายที่อเมริกา
การเข้ามาทำธุรกิจในแผ่นดินอเมริกาของปาโบลนั้น ทำให้เกิดความต้องการโคเคนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการแผ่ขยายธุรกิจไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงปี 1980 มีการคาดการณ์กันว่า ขบวนการค้ายาของปาโบลสามารถส่งออกโคเคนได้มากถึง 70-80 ตันต่อเดือน
1
การเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดดทำให้หลายๆครั้ง ปาโบลและพรรคพวกต้องเข้าไปพัวพันกับเจ้าหน้าที่รัฐและแก๊งค้ายาอื่นๆ เป็นอันนำไปสู่การฆาตกรรมอย่างมากมาย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้พิพากษา ชาวบ้านทั่วไป รวมไปถึงนักการเมือง
มีหลายๆครั้งเช่นกันที่ปาโบลและพวกถูกจับกุม แต่พวกเขาก็รอดมาได้ตลอด โดยวิธีที่ปาโบลและพวกใช้ก็คือการติดสินบนเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัว แต่หากการติดสินบนไม่เป็นไปด้วยดีแล้วล่ะก็ ก็แค่ส่งคนมาฆ่าเจ้าหน้าที่ซะก็จบเรื่อง
เมืองเมเดยินจึงได้รับการกล่าวขานว่าเป็น เมืองหลวงแห่งการฆาตกรรมของโลก
[สู่แวดวงการเมือง]
1
การมีประสบการณ์หรือเรียนมาไม่ตรงสาย แล้วได้ทำงานอีกอาชีพหนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง อย่างบางคนเป็นทหารมาก่อน แต่ตอนนี้มาเป็นนายกซะงั้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับปาโบล มันฉีกยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อเข้าได้รับเลือกเป็นสมาชิกสำรองของสภาผู้แทนราษฎรในปี 1982
ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด เจ้าพ่อค้ายามาเป็น ส.ส. (คุ้นๆว่ะ เหมือนค้าแป้งอะไรนั่น)
ถึงแม้ตัวของปาโบลจะเปรียบเสมือนศัตรูต่ออเมริกาและรัฐบาลโคลอมเบีย แต่ภาพลักษณ์ของเขากับชาวเมืองในเมเดยินนั้นกลับตรงกันข้าม
ปาโบล มักจะชอบสร้างบ้าน สร้างสนามกีฬา ให้พวกคนจน หรือเป็นสปอนเซอร์ให้กับกิจกรรมทางสังคมมากมาย
ผู้คนจึงเปรียบเขาเป็นดั่ง 'โรบิน ฮู้ด' นั่นจึงทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวเมืองและคนจนเป็นอย่างมาก
[ปืนเกลียว]
ถึงแม้ปาโบลจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ชาวเมือง แต่กับผู้หลักผู้ใหญ่ภายในประเทศแล้วนั้นไม่เลย
มีหลายๆครั้งที่ทางรัฐบาลโคลอมเบียพยายามส่งเสริมการส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปรับโทษที่อเมริกา แต่นั่นก็ไม่เกิดขึ้นเสียที เพราะปาโบลพยายามใช้เส้นสายทางการเมืองแทรกแทรงทุกวิถีทาง และนั่นรวมไปถึงวิธีการสกปรกด้วย
หนึ่งในวิธีการสกปรก คือการลอบสังหารผู้ผลักดันกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน
เมื่อไม่สามารถที่จะเอาปาโบลลงได้ง่ายๆ ทางรัฐบาลโคลอมเบียจึงได้ทำการเจรจาให้ปาโบลยอมมอบตัว โดยแลกกับการลดโทษและจะได้รับการปฏิบัติที่ดีเป็นพิเศษระหว่างการคุมขัง
ในปี 1991 ปาโบลยอมรับเงื่อนไขและยอมมอบตัวในที่สุด เขาถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปี
อย่างไรก็ดี หนึ่งในเงื่อนไขการมอบตัว คือการที่ปาโบลสามารถกักขังตัวเองอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งก็ได้ นั่นจึงทำให้เขาสร้างคุกส่วนตัวขึ้นมา แล้วก็เข้าไปอยู่ในคุกซะเอง
ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่า'คุก' แต่จะเรียกว่าเป็นคุกซะเต็มปากก็คงไม่ได้ เพราะภายในนั้นหรูหราเป็นอย่างมาก มีทั้งสนามบอล บาร์ อ่างจากุซซี่ ควรจะเรียกว่ารีสอร์ทส่วนตัวซะมากกว่า
แถมท้ายที่สุดแล้ว การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนก็ไม่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ในปีเดียวกัน ว่าห้ามไม่ให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนโดยเด็ดขาด
จุดนี้เองที่เป็นข้อถกเถียงว่า ปาโบล ซื้อตัวนักการเมืองบางคนให้ออกกฎหมายข้อนี้รึเปล่า
La Cathedral คุกส่วนตัวของ Escobar
[สร้างเอง แหกเอง]
ตั้งแต่รับโทษ ปาโบลก็อาศัยอยู่ในคุกของตัวเอง ใช้ชีวิตหรูหรา และยังคงดำเนินธุรกิจโคเคนต่อไป
จนกระทั่งเรื่องราวของเขาเริ่มหลุดออกไปสู่สาธารณะมากขึ้น
มีเสียงวิพากวิจารณ์เกิดขึ้นตามมา ว่าติดคุกยังไง ทำไมยังสั่งการได้ สร้างคุกเอง เข้าไปอยู่เอง แบบนี้จะเรียกว่าติดคุกได้หรอ
ทางการเริ่มรับเสียงวิจารณ์ไม่ไหว จึงทำให้เกิดคำสั่งย้ายปาโบลให้ไปอยู่ในคุกอื่นที่ได้มาตรฐานกว่าเดิมแทน
แต่ด้วยเส้นสายของปาโบลที่แทบจะมีอยู่ทุกที่ จึงทำให้เขาสามารถรับรู้แผนย้ายตัวของทางการ และหลบหนีออกมาจากคุกตัวเองได้ทัน
หลังจากนั้น ปาโบลต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆตลอดมา
[ทางการเตรียมล่า]
ในขณะเดียวกับช่วงที่ปาโบลหลบหนีไป ทางการก็ได้ตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อตามล่าเขาโดยเฉพาะ โดยใช้ชื่อว่า 'เซิร์ชบล็อค' (Search Bloc)
เซิร์ชบล็อคเป็นหน่วยงานที่ร่วมมือกันระหว่าง 2 ฝ่าย ได้แก่กองกำลังนาวิกโยธินของอเมริกา และหน่วยตำรวจลับเฉพาะกิจของโคลอมเบีย
และหลังจากที่ปาโบลต้องซ่อนตัวเป็นเวลายาวนานถึง 16 เดือน ชีวิตของเขาก็ต้องเป็นอันสิ้นสุดลง..
[จุดจบของราชายาเสพติด]
ในวันที่ 2 ธันวาคม 1993 หน่วยดักฟังของทางการสามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ของปาโบล และสามารถรับรู้ถึงที่ซ่อนของเขาได้
เจ้าหน้าที่จำนวน 8 รายจากหน่วยเซิร์ชบล็อค ได้ทำการบุกเข้าไปยังที่ซ่อนของปาโบลในทันที พวกเขาพังประตูและบุกเข้าไปภายในบ้านพัก
เกิดการดวลปืนกันขึ้น ปาโบลและผู้ติดตามอีกหนึ่งคนพยายามจะหนีขึ้นหลังคาเพื่อหลบหนีการตามล่าออกไปยังซอยด้านหลังบ้าน แต่พวกเขาก็ไปไม่รอด ทั้งคู่ถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่
ปาโบลนั้นเสียชีวิตบนหลังคาบ้าน เป็นอันปิดฉากเจ้าของฉายา'ราชายาเสพติด'
(จบ)
เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพกับศพของปาโบลเป็นที่ระลึก หลังจากสังหารเขาได้
[เกร็ดเสริมเล็กน้อย]
เรื่องราวชีวิตของปาโบล ถูกนำไปสร้างเป็นซีรี่ย์ชื่อว่า 'Narcos'
โดยจะบอกเล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเริ่มไปจนถึงจุดจบชีวิตของเขา รวมไปถึงเหตุการณ์หลังจากที่ปาโบลเสียชีวิตแล้ว ว่าได้ก่อให้เกิดความชิบหายวายป่วงตามมาขนาดไหน
ซึ่งตัวซีรี่ย์นั้นก็เล่าออกมาได้ดีมากๆ เผยให้เห็นแง่มุมต่างๆที่เราไม่คิดว่าตัวร้ายจะมี นั่นทำให้ปาโบลในแบบฉบับของตัวซีรี่ย์ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวร้ายในดวงใจของใครหลายคน
ผู้อ่านท่านใดที่อยากจะเสพความเป็น'พ่อค้าแป้ง'อย่างเต็มตัว สามารถลองไปหารับชมกันได้ครับ (Netflix มีนะ)
"มันคือแป้งงงง!!!"
Pablo Escobar ใน Narcos
Movie Trailer,
โฆษณา