“อังกฤษ หรือ สหราชอาณาจักร หรือ united kingdom เป็นเจ้าของภาษาที่ใช้สื่อสารกันทั่วโลก” ลุงวิชญ์เริ่มจ้อ หน้าตาแจ่มใส แสดงถึงอาการชื่นชมในสิ่งที่กำลังพูดถึง “แม้จำนวนคนพูดอังกฤษจะไม่มากเท่าพวกที่พูดจีนหรือสเปนแต่ก็ใช้กันกว้างขวาง แค่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวก็น่าทึ่งแล้วใช่มั้ยว่าพวกอังกฤษเขาทำกันได้ยังไง”
“แล้วเขาทำได้ยังไง” ผมถาม
“ช่วงศตวรรษที่ 18 อันเป็นยุคล่าอาณานิคม” ลุงวิชญ์ว่า “อังกฤษแผ่อิทธิพลไปครอบครองประเทศต่างๆ พร้อมนำ ภาษา เศรษฐกิจ การเมือง การทหาร วิทยาการ วัฒนธรรมไปเผยแพร่ ทำให้ประ เทศต่างๆใช้ภาษาอัง กฤษเป็นภาษาทางการกันมากมาย บางประเทศใช้เป็นภาษาที่สอง แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของแผ่นดินที่ชื่ออังกฤษ และเป็นธรรมดาที่ใครๆก็อยากสัมผัสอะไรที่มหึมาเกรียงไกรใช่มั้ย ซึ่งทางเดียวที่จะทำได้คือไปให้ถึงประเทศนั้นๆ อังกฤษจึงอยู่ในความคิดผมมาตลอด”
“ลุงประทับใจเรื่องภาษาอย่างเดียวหรือ” ผมถาม
“คำว่า“ผู้ดีอังกฤษ”ด้วย” ลุงว่า “ซึ่งเกี่ยวข้องกับคำว่าป้อมปราการอันแสดงถึงความบึกบึนน่าเกรงขาม ปราสาทราชวังที่สวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย ผมอยากไปเห็นว่าผู้ดีอังกฤษเป็นยังไง พวกเขาแต่งตัวหรูหราเดินกรีดกรายในป้อมปราการปราสาทราชวังตามที่เราเห็นในหนังใช่มั้ย”
“ตอนไปเรียนโทอังกฤษ” ผมหัวเราะก๊าก “ผมไม่เคยเจอใครแต่งตัวแบบที่ลุงว่าเดินในป้อมปราการหรือปราสาทราชวังเลยเว้นตอนเขามีงานโบราณราชประเพณี”
“แค่เทียบให้ฟัง” ลุงวิชญ์หัวเราะตาม “เท่าที่พิเคราะห์ดู คำว่าผู้ดีอังกฤษน่าจะแยกเป็น 2 อย่าง หนึ่งการแต่งกายแบบโบราณราชประเพณี รวมระเบียบปฏิบัติต่างๆที่เรียก วัฒนธรรม เช่นวัฒนธรรมการแต่งกายที่มีขั้นตอนมากมาย วัฒนธรรมการเดิน การกิน เช่นการเสิร์ฟอาหารแบบมีพิธีรีตอง วัฒนธรรมการดื่มชา กินขนม อย่างที่สอง การวางตัว เช่นความเป็นระเบียบเรียบร้อย พูดจาดี ขอโทษและขอบคุณจนเป็นนิสัย ตรงต่อเวลา ไม่ซอกแซกเรื่องคนอื่น ทั้งหมดคือคุณสมบัติของผู้ดีอังกฤษที่ทั้งหรูหรา มีระเบียบวินัย และเป็นสากล ซึ่งถ้าชาติไหนทำตามได้จะถือว่าเป็นผู้ดี สรุปคือผมอยากไปเห็นคนอังกฤษ”
“ผมก็ชอบคนอังกฤษ” ผมพูด “แล้วลุงประทับใจอะไรอีก”
“รูปร่างหน้าตาที่สวยงามราวเทพบุตรนางฟ้าของมนุษย์สายพันธุ์คอเคเซียนของคนประเทศนี้” ลุงวิชญ์ว่า “หนูณัฏฐาชนเผ่ามองโกลอยแบบเดียวกับเราที่ว่าสวยนักหนายังเทียบแหม่มคอเคเซียนที่หน้าตาธรรมดาๆไม่ ได้ พวกนี้หน้าตาดีจนผมคิดว่าชาติหน้าขอไปเกิดเป็นมนุษย์สายพันธุ์คอเคซอยบ้างเหอะ จะได้หล่อๆกะเขามั่ง ”
“ขอให้สมมาดปรารถนา” ผมอวยพร “แล้วป้อมปราการปราสาทราชวังอะไรไม่อยากเห็นบ้างหรือ”
“อยาก” ลุงวิชญ์ตอบ ตาเป็นประกายอย่างชื่นชม “มันแสดงถึงประวัติศาสตร์การสู้รบการสร้างชาติอันยาวนานของประเทศนี้ ยังไงต้องไปเห็นกับตาไปจับไปต้องด้วยมือตัวเองให้ได้ ไม่ใช่เห็นแค่ในภาพ”
“หลังไปสัมผัสประเทศนี้” ผมพูด “ลุงว่าทุกอย่างยิ่งใหญ่จริงตามที่ลุงคิดฝันไว้มั้ย”
“แล้วคุณภูมิคิดว่าไง” ลุงวิชญ์ย้อนถาม “คุณเคยไปมาแล้วนี่”
“ผมว่าลุงต้องฝันค้างแน่ๆ” ผมตอบ “ไม่มีอะไรในโลกที่ดีพร้อมหรือเป็นตามที่เราคิดฝันและดิ้นรนที่จะไปเห็นให้ได้ด้วยตาตัวเองแบบเป๊ะๆ”
ลุงวิชญ์เงียบ แสดงว่าคงไปเจออะไรที่ทำให้ฝันแกสลาย สิ่งที่แกคาดหมายไม่ได้ดีวิเศษเลิศเลอจริง
ซึ่งทำให้ผมมีกำลังใจ เพราะมันหมายถึงสิ่งที่พ่อแม่ใฝ่ฝัน อาจไม่ได้ perfect อย่างที่ท่านคิด อัจฉรียาธรอาจไม่ใช่คนที่จะมาช่วยให้กิจการพ่อยิ่งใหญ่อย่างที่ท่านคาดหมาย
ซึ่งทั้งพ่อและแม่ควรตระหนักถึงความเป็นไปได้ตรงนี้ให้มากๆ