4.วิเคราะห์ไม่เป็น เทรดไม่เป็น
ต้องพึ่งพาคนอื่นทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกหาก ”รู้ตัวเอง” ไม่ทะเล่อทะล่าเข้าไปซ่าในตลาด กลุ่มนี้แนะนำใช้บริการมืออาชีพเช่น บลจ. กองทุนต่าง ๆใช้ Robot หรือ AI มาช่วยในการลงทุน หากเปรียบเทียบก็เหมือนยืมจมูกคนอื่นหายใจ ไม่ใช่ว่าจะยืมใครก็ได้ ต้องใช้กระบวนการตัดสินใจเพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระจายความเสี่ยง ผลตอบแทนที่คาดหวัง กับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ในระหว่างนั้นก็พัฒนาความสามารถทั้งสองเพิ่มขึ้นไปด้วย
สุดท้ายนี้อะไรก็ตามไม่สำคัญเท่าวินัยในการลงทุน
หากเป็นสายเทคนิคดูกราฟ ถึงจุดซื้อต้องซื้อ ถึงจุดขายต้องขาย ไม่ใช่ดื้อ
หากเป็นสายพื้นฐาน เมื่อปัจจัยพื้นฐานบริษัทเปลี่ยนก็ตัดตัดใจ ไม่ใช่รั้งเอาไว้
หากเป็นสายผสมก็เอาตามแผนที่วางไว้
#อารมณ์ (“รู้งี้ไม่ขายดีกว่า”-“ชอบวันที่หุ้นเขียว เกลียดวันที่หุ้นแดง”)
หากคุณยังทำการซื้อขายตามความเคยชินในอดีต ขาดสติ เอาอารมณ์ เอาความโลภและความกลัวเป็นที่ตั้ง
(ถึงขนาดมีดัชนีชี้วัด) ชอบซื้อหุ้นที่ขึ้นเป็นเครื่องบิน และขายล้างพอร์ตเมื่อลงแรงๆ หากขาดทุนอยากจะ
“เอาคืน” เดี๋ยวนั้น แ/ละมักอยากรู้ว่าทำไมตลาดลงหลังจากตกใจขายหุ้นไปแล้ว
#ความเชื่อ มีการซื้อขายหุ้นตามข่าว หรือ เชื่อตามที่นักวิเคราะห์บอกมา (Insider ไม่มีจริง..กล่าวลอยๆ)
เชื่อว่านักวิเคราะห์หรือวงในทั้งหลายจะทำให้ตัวเองรวยได้ ชอบคนที่มีความคิดเห็นตรงกับตัวเอง และโทษคนอื่นที่ทำให้เสียหาย ใครมาอวยฟังหมด ใครมาเตือนไม่ฟัง
#พฤติกรรม
พฤติกรรมการถือหุ้น (ถือทน ต่างกับทนถือนะ)
หากคุณยังตัดสินใจซื้อหุ้นเร็วและชอบถือหุ้นระยะสั้นมาก ไม่ชอบ let profit run แต่จะถือหุ้นนานเมื่อติดดอยโดยไม่คิดแก้ไขใดๆ ปลอบใจตัวเองว่าได้กินปันผล เพราะตัดใจไม่เป็น มักซื้อหุ้นตัวเดียวเต็มพอร์ทแบบ all-in ที่น่ากลัวมากสุดๆคือมักจะขายหุ้นที่มีกำไรออกไปและถือหุ้นที่ขาดทุนไว้แทน เพราะไม่อยากขาดทุน
พฤติกรรมการเลือกหุ้น (รู้ว่าเสี่ยงแต่ยังต้องขอลอง)
ชอบเล่นหุ้นตัวเล็กๆ มักจะซื้อหุ้นตัวเดิมๆ ที่เป็นหุ้นปั่น หุ้นเน่า ไม่รู้ว่ากิจการหุ้นที่ซื้อว่าทำอะไร ซื้อๆไปก่อน เดี๋ยวมันก็ปั่น บางธุรกิจจะตายไปอยู่แล้วก็ยังจะบินเข้ากองไฟไปเล่น