Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
9 ก.ค. 2021 เวลา 10:02 • กีฬา
7 ปี กับเหตุการณ์สุดคลาสสิค บราซิลแพ้คาบ้าน 7-1 เกิดเรื่องอะไรในวันนั้นบ้าง เราจะย้อนอดีตไปรำลึกส่วนสำคัญอีกครั้ง
ในวันนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว (9 กรกฎาคม 2014) ผมอยู่ที่ประเทศบราซิล เพื่อทำข่าวฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และได้สัมผัสบรรยากาศ ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริง นั่นคือเจ้าภาพบราซิล โดนเยอรมนี ถล่มเละเทะคาบ้าน 7-1
ในฟุตบอลโลก 2014 ทีมงานสยามกีฬา 11 คน ไปทำข่าวทั้งทัวร์นาเมนต์ที่บราซิล โดยในรอบรองชนะเลิศมีสองคู่ บราซิล vs เยอรมัน ที่สนามมิเนเรา ในเมืองเบโล ฮอริซอนเต้ ส่วนอีกคู่คือ อาร์เจนติน่า vs ฮอลแลนด์ ที่เมืองเซาเปาโล ซึ่งนักข่าวก็ต้องแยกกันไป ว่าใครจะไปดูสนามไหน
2
แอดมิน เลือกชมเกมอาร์เจนติน่า vs ฮอลแลนด์ อยู่กับพี่หมวย มาเฟียรี่ ส่วนอีกสนาม จะมีพวกพี่เจมส์ ลาลีกา, พี่โต ซันเดย์ และคุณอานิกร ก.ป้อหล่วน
เกมบราซิล ปะทะเยอรมัน ผมไม่ได้เข้าไปชมในสนามก็จริง แต่ก็เข้าไปเก็บบรรยากาศใน Fan Festival ที่เมืองเซาเปาโล ซึ่งแฟนบอลบราซิลหลายหมื่น มารวมตัวกันดูทีวีจอยักษ์ คือแต่ละคนดูจะมั่นใจมากจริงๆ ว่าจะผ่านเยอรมัน แล้วเข้ารอบชิงชนะเลิศได้แน่ๆ
แต่แล้ว สิ่งที่เหลือเชื่อก็มาถึง เมื่อเยอรมันค่อยๆนำ 1-0, 2-0, 3-0, 4-0 และ 5-0 ในเวลาแค่ 29 นาทีเท่านั้น
2
ใครๆ ก็คิดก่อนเกม ว่าน่าจะเป็นนัดที่สูสี แต่ความจริงคือ มันเอาต์คลาสกันแบบคนละเรื่องเลย เหมือนเด็กเล่นกับผู้ใหญ่ สู้กันไม่ได้เลย
ตอนนี้แฟนบอลบราซิลที่ Fan Festival ในจุดที่ผมอยู่ เริ่มเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง จุดไฟเผาเสื้อกันตรงนั้นเลย มีการขว้างปาข้าวของกันมั่วไปหมด
1
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่พอพูดภาษาอังกฤษได้ เห็นผมเป็นคนเอเชีย เลยเข้ามาเตือนว่า ยังไงบอลจบแล้วรีบกลับโรงแรมเลยดีกว่า อย่าเดินเถลไถล ไม่ต้องไปคิดจะเก็บบรรยากาศอะไรแล้ว เพราะคนมันโมโห มันแค้น พร้อมจะทำอะไรก็ได้ เจอคนเอเชียเดินๆ อยู่ อาจจะปล้นจี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นเอาตัวเองให้ปลอดภัยไว้ก่อน
ในบอลโลกครั้งนั้น ผมได้โอกาสดูบราซิลลงเล่น 2 เกม และเห็นชัดเจนเลยว่าผู้คน "คลั่ง" ในทีมชาติแค่ไหน มันคือจิตวิญญาณของประเทศอย่างแท้จริง และเมื่อรักมาก พอแพ้เละแบบนั้นมันก็แค้นมากเป็นธรรมดา
1
ครึ่งแรกจบ 5-0 พอเข้าครึ่งหลังโยอาคิม เลิฟ ส่งสำรอง อันเดร เชือร์เล่ ลงเล่น และเชือร์เล่ก็ยิงได้อีก 2 ลูก รวมเป็น 7-0 ถึงตรงนี้แฟนบอลบราซิลบ้ากันไปแล้ว พวกเขาเชียร์ให้โดนยิง 10 ลูกไปเลย ให้อับอายกันสุดๆ แต่สุดท้ายเกมก็จบลงที่สกอร์ 7-1 โดยบราซิลได้ประตูปลอบใจจากออสการ์ ซึ่งลูกนี้ ใครเห็นก็รู้ว่าเยอรมันปล่อยแล้ว
1
เอาจริงๆ พวกเขาจะถล่มให้เละ 10-0 ก็ทำได้ เพราะครึ่งหลังบราซิลบุกจนไม่คิดอะไรแล้ว ถ้าเยอรมันโต้กลับเร็ว และไม่ถอดตัวหลักออก บดให้กระจุยจนยิงสิบลูก ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่เยอรมัน มีเกมต่อไปคือนัดชิงชนะเลิศที่รออยู่ ดังนั้นก็เลยถอดเอาตัวหลักออกไปพัก ทั้งมิโรสลาฟ โคลเซ่ และ ซามี เคดิร่า แถมยังผ่อนเกม เล่นไปเรื่อยๆ ตามจังหวะ ไม่เร่งร้อน เกมก็เลยจบแค่ 7-1 เท่านั้น
1
เมื่อเกมจบลง ความรุนแรงเกิดขึ้นจริงๆ คนโมโหกราดเกรี้ยว ซึ่งผมอยากเก็บบันทึกภาพเอาไว้เยอะๆ นะครับ แต่ตอนนั้นรู้สึกกลัวตายมากกว่า ก็เลยกลับโรงแรมไว ตามคำแนะนำของตำรวจ
3
ในตอนเช้า หน้า 1 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับคือด่าเละ ผมชอบมากๆ คือหนังสือพิมพ์ชื่อ Falha De S.Paulo ลงภาพเด็กผู้หญิงคนนึงกำลังร้องไห้อยู่ แล้วมี quote เขียนข้างๆว่า "พ่อคะ บอกให้พวกเขาเลิกยิงเราเสียทีได้ไหมคะ"
1
หนังสือพิมพ์ Lance! มีหน้าปกเป็นสีขาวว่างทั้งหน้า พวกเขาบอกว่า ไม่รู้จะเขียนพาดหัวว่าอะไร เพราะมันอัปยศจริงๆ
หนังสือพิมพ์ EXTRA ลงหน้า 1 ว่า ดีใจด้วยนะ ทีมชาติชุด 1950 ในที่สุดพวกเราก็เจอชุดที่อัปยศยิ่งกว่าพวกคุณแล้ว โดยบอลโลก 1950 บราซิลเล่นในบ้านตัวเอง โดยเกมนัดตัดสินเจอกับอุรุกวัย ขอแค่เสมอก็ได้แชมป์โลกแล้ว แต่สุดท้ายโดนอุรุกวัยบุกมายิงคาสนามมาราคาน่า 2-1 ต่อหน้าแฟนบอลเกือบ 2 แสนคน โดย นสพ. ฉบับนี้บอกว่า การแพ้ 7-1 อัปยศกว่านัดนั้นเยอะ
ส่วนหนังสือพิมพ์ O Globo ให้คะแนนนักเตะตัวจริง 11 คน สำรอง 3 คน และเฮดโค้ชหลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ 0 คะแนนทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ออสการ์คนยิงได้ ก็ได้ 0 คะแนนเหมือนกัน คือมันแพ้กระจุยขนาดนี้ การได้ 0 ทั้งทีม ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
2
สิ่งที่แฟนบอลบราซิลกล่าวโทษ คือนักเตะตัวเองห่วย ยิ่งไม่มีเนย์มาร์ที่บาดเจ็บ และ ติอาโก้ ซิลวาที่ติดโทษแบนพอดี พวกเขาจึงกลายเป็นทีมดาดๆ ที่ไม่คู่ควรกับการเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยซ้ำ
ผมจำความรู้สึกในวันนั้นได้เป็นอย่างดีครับ มันเป็นความสลดทั้งประเทศ ทุกอย่างอึมครึม ตึงเครียด บรรยากาศครื้นเครง ร้องรำทำเพลงแบบคนบราซิล ไม่มีเหลืออยู่เลย
2
แล้วบราซิลก็ยิ่งเพิ่มความแค้นไปอีกเมื่อวันรุ่งขึ้น อาร์เจนติน่า ชนะฮอลแลนด์ จากจุดโทษ เข้ารอบชิงได้สำเร็จ
1
แอดมินไปชมเกมอาร์เจนติน่า กับฮอลแลนด์ โดยแฟนอาร์เจนติน่าจะมี 2 มุกเอาไว้เล่นกัน มุกแรกคือนับ 1 2 3 4 5 6 และ 7 ก่อนจะฮูเรรรร เป็นการเย้ยหยันบราซิลที่แพ้ 7 ลูก
และอีกมุก แฟนบอลอาร์เจนติน่า คิด Chant หรือเพลงเชียร์ขึ้น สำหรับใช้ในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยมีเนื้อหาว่า "บราซิล บอกฉันซิว่าแกรู้สึกอย่างไร ที่พ่อแกมาข่มแกถึงบ้าน ผ่านไปอีกกี่ปี เราไม่เคยลืมที่ดีเอโก้ หลอกพวกแกจนหัวทิ่ม และเคลาดิโอ ทำแกร้องไห้ในอิตาลีหรอกนะ และวันนี้แกจะเมสซี่บุกมาชูถ้วยแชมป์คาบ้านตัวเอง และแน่นอน มาราโดน่าเก่งกว่าเปเล่โว้ยย"
1
ใครอยากไปฟัง ลองเสิร์ชในยูทูบได้นะครับ ในชื่อ Brazil tell me how it feels! เสิร์ชไปก็เจอเลย แต่แอดมินอยากบอกว่า บรรยากาศของจริง มันคึกกว่าในคลิปประมาณ 100 เท่า
2
ในมุมของบราซิลจึงเป็นความอับอายอย่างที่สุด บอลก็แพ้เละ ไม่เคยมีเกมรอบรองที่ไหน จะมาโดนยิง 7 ลูกแบบนี้ แถมยังโดนคู่ปรับตลอดกาลเยาะเย้ยถากถางอีก
1
จากจุดนั้นเองของบราซิลที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง นักเตะเก่าๆ โดนโละไป เหลือแค่คนที่สำคัญจริงๆ และพวกเขาก็ตั้งใจ จะกลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งให้ได้อีกครั้งในอนาคต
2
นั่นคือมุมของฝั่งบราซิลครับ ส่วนสื่อเยอรมัน เป็นความรู้สึกที่ต่างออกไปจริงๆ หนังสือพิมพ์ Bild พาดเฮดไลน์ว่า Ohne Worte! แปลว่า "ไม่มีคำบรรยาย" ก็มันเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้นอ่ะนะ ส่วนหนังสือพิมพ์ TZ พาดหัวว่า "ฝันไปหรือเปล่า"
ในขณะที่มุมของบราซิลมองว่าตัวเองพลาดเอง นักเตะห่วยเอง แต่ฝั่งสื่อเยอรมันระบุว่า ทุกอย่างมาจากการวางแผนอย่างรอบคอบแล้ว ของโยอาคิม เลิฟ ระบบแผนการเล่นทุกอย่าง มันเป็นการโจมตีจุดอ่อนของบราซิลอย่างตั้งใจ
ฟิลิปป์ ลาห์มกัปตันทีม เปิดเผยว่า "เรารู้ว่าแนวรับของบราซิลจะเสียทรงได้ง่ายมาก ดังนั้นถ้ามีจังหวะเราจะรีบแย่งบอลทันที ตอนที่พวกเขากำลังจะเซ็ตเกม"
ในมุมของบราซิล เมื่อไม่มีเนย์มาร์แล้ว พวกเขาไม่มีตัวบุกอื่นๆอีกเลย เฟร็ด-แบร์นาร์ด-ฮัลค์ ไว้ใจไม่ได้สักคน 3 คนนี้ 5 เกมที่ผ่านมายิงได้รวมกัน 1 ประตู คือกองหลังอย่างดาวิด ลุยซ์ ยังยิงเยอะกว่าเสียอีก
เมื่อแนวรุกไม่มีประสิทธิภาพ สโคลารี่จึงต้องใช้กลยุทธ์โจมตีด้วยฟูลแบ็ก นั่นคือมาร์เซโล่ และไมคอน ซึ่งนี่แหละ เป็นรูโหว่ที่เยอรมันตั้งใจจะมาเจาะ คือนักเตะอย่างมาร์เซโล่ ถ้าเน้นรุก ก็จะมีช่องว่างในเกมรับ
2
สัญญาณอันตรายจากมาร์เซโล่ จริงๆ เริ่มตั้งแต่นาทีที่ 4 เมื่อมาร์เซโล่ดันสูงเกินไป จึงโดนเยอรมันโต้กลับในพื้นที่ฝั่งซ้าย แต่โชคดีของบราซิลที่การส่งครั้งสุดท้ายของโคลเซ่ ไปไม่ถึงโทมัส มุลเลอร์
จากนั้นนาทีที่ 7 มาร์เซโล่ยืนผิดตำแหน่ง อยู่ห่างจากมุลเลอร์มากเกินไป จนโดนครอสบอลเข้ามา และสุดท้ายเกือบเสียประตู ตามด้วยนาทีที่ 11 มาร์เซโลน่าพยายามสับขาหลอก เพื่อกระชากผ่านนักเตะเยอรมัน แต่โดนมุลเลอร์แย่งบอลเอาไว้ได้ โดยช็อตนี้ มาร์เซโล่มาแก้ตัวได้สำเร็จ ด้วยการสกัดบอลจนเสียแค่เตะมุม
แต่เตะมุมลูกนี้แหละ ที่ทำให้เยอรมันขึ้นนำ 1-0 และเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะทั้งปวง
นาทีที่ 22 มาร์เซโล่ จ่ายบอลแรงเกินไป จนโดนตัดบอลได้ เยอรมันโต้กลับมาแล้วได้ลูกทุ่ม ซึ่งลูกทุ่มลูกนั้นแหละ เป็นที่มาของประตู 2-0
เยอรมันรู้หมดแล้วว่าบราซิลจะเล่นอย่างไร พวกเขาวางแผนดักไว้หมด กลยุทธ์ที่จะใช้มาร์เซโล่โจมตี ก็ไม่ได้ผลเลย ยิ่งไปกว่านั้นกองกลางบราซิล เวลาโดนเพรสซิ่งเร็วก็ตั้งตัวไม่ติด มึนๆ งงๆ เหมือนลูก 4-0 ที่พอเขี่ยบอลปั๊บ แฟร์นันดินโญ่ ไม่คาดคิดว่าจะโดนเยอรมันเพรสเร็วขนาดนี้ จนโดนโทนี่ โครสแย่งบอลไปจากเท้า และสุดท้ายก็ยิงประตูได้ง่ายๆ
โทมัส มุลเลอร์กล่าวหลังจบเกมว่า การเจอบราซิลนัดนี้ เยอรมัน "เล่นง่าย" กว่าคู่แข่งทีมอื่น เพราะบราซิลบุกแบบไม่ระวังตัวเลย แถมบุกขึ้นมาก็จบไม่ได้อีกต่างหาก นั่นทำให้เยอรมันมีพื้นที่ให้โต้กลับเยอะไปหมด
มัทส์ ฮุมเมิลส์ เปิดเผยว่าตอนจบครึ่งแรก ทั้งทีมคุยกันว่าจะไม่ทำให้บราซิลอับอายมากไปกว่านี้ และจะไม่โชว์เทคนิคเหนือๆ เพื่อให้ความเคารพคู่แข่ง คือเอาจริงๆ เยอรมันจะถล่มมากกว่านั้นก็ทำได้สบายมาก แต่พวกเขาไม่ทำ สุดท้ายหยุดไว้แค่ 7 ลูกพอ
1
แน่นอน แฟนบราซิลก็คิดกันว่าถ้ามีเนย์มาร์ กับติอาโก้ ซิลวา อะไรๆ ก็คงจะดีกว่านี้ อย่างน้อยก็คงไม่ฝากความหวังที่มาร์เซโล่ขนาดนั้นจนหลังรั่ว อย่างไรก็ตาม นี่ล่ะ คือจุดวัดฝีมือของโค้ช เพราะในทัวร์นาเมนต์คุณจะเจอเรื่องตัวเจ็บ ตัวแบน ตลอดเวลาอยู่แล้ว ถ้าเป็นโค้ชที่เก่งจริง ก็จะพลิกแพลงสถานการณ์เอาตัวรอดได้ ไม่ใช่โดนถล่มเละเทะขนาดนี้
1
เมื่อเยอรมันชนะบราซิล 7-1 ถึงตรงนั้น ไม่มีใครหยุดยั้งพวกเขาได้อีกต่อไป แม้คู่ชิงจะเป็นอาร์เจนติน่าก็เถอะ ก็ต้านไม่ไหว เยอรมันก้าวไปเป็นแชมป์โลกได้ในที่สุด
1
สำหรับเหตุการณ์ 7-1 มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Agony of Mineirao หรือ วันเศร้าแห่งมิเนเรา
และเป็นรอยแผลเป็นที่เจ็บปวดที่สุดตลอดกาลของทีมชาติบราซิล และจากวันนั้น ต้องใช้เวลาอีกถึง 4 ปี กว่าที่ทีมชาติบราซิล จะยอมกลับไปเล่นที่สนามเดิม ในเมืองเบโล ฮอริซอนเต้อีกครั้ง
1
เรื่องราว 7-1 ของบราซิล เป็นเหตุการณ์ที่กระชากอารมณ์ที่สุด ฝั่งบราซิลก็เสียใจสุด ฝั่งเยอรมันก็ดีใจสุด ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นแฟนบอลทั้งสองทีม มีความรู้สึกเดียวคือ "เหลือเชื่อ" แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ
3
และเมื่อเจอโศกนาฏกรรมแบบนั้น สโคลารี่ในฐานะโค้ช ประกาศลาออกทันที เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะเขายอมรับว่าตัวเองมือไม่ถึง เช่นเดียวกับนักเตะหลายๆ คน อย่างเฟร็ด ก็ประกาศอำลาทีมชาติไปเลย แล้วให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ ก้าวขึ้นมาแทนที่ในยุคต่อไป
มีคำกล่าวว่า "ถ้าเจ็บถึงที่สุด แล้วจะหยุดได้เอง" สำหรับบราซิลเมื่อแพ้ 7-1 แล้ว ไม่มีอะไรจะตกต่ำกว่านี้อีกแล้ว พวกเขาจึงค่อยๆ รวบรวมสติ เก็บเศษซากแห่งความเจ็บปวด แล้วคัมแบ็กกลับมาได้
1
ณ เวลานี้บราซิลมีองค์ประกอบที่ดีขึ้น โครงสร้างทีมมีความสดชื่นมากขึ้น ก่อนที่จะค่อยๆกลับมาชนะ แล้ว ก้าวไปถึงแชมป์โคปาอเมริกาในปี 2019 ตามด้วยเข้าชิงอีกครั้งในปี 2021 และเตรียมพร้อมที่จะทวงศักดิ์ศรีของแชมป์โลก 5 สมัย คืนมาในฟุตบอลโลกปี 2022
แต่ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่โมเมนต์ 7-1 จะไม่มีวันถูกลืมตลอดไป และมันจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ทีมชาติบราซิลได้รู้ว่า พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองตกต่ำขนาดนั้นอีกอย่างแน่นอน
1
#BRAZIL
16 บันทึก
38
2
8
16
38
2
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย