Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รู้ก่อนลงทุน
•
ติดตาม
10 ก.ค. 2021 เวลา 11:36 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รู้จัก BDMS ผู้นำกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน "อันดับ 1 ของประเทศไทย"
BDMS หรือชื่อเต็มๆคือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) ประกอบธุรกิจหลักคือธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน หรือที่ทุกคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในชื่อ “โรงพยาบาลกรุงเทพ”
โดยมี คุณ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวน 2,384,186,340 คิดเป็นสัดส่วน 15% ของหุ้นทั้งหมด (อ้างอิง ข้อมูล ณ วันที่ 9/07/64)
2
ทางบริษัทฯมีลักษณะการประกอบธุรกิจ 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่
1.ธุรกิจด้านการรักษาพยาบาล รพ.ต่างๆ โดยเป็นการดำเนินงานผ่านบริษัทและบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อโรงพยาบาล ทั้งหมด 6 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ, กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลบี เอ็น เอช, กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท, กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล
1
2.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องและสนับสนุน ได้แก่ บริษัทผลิตและจำหน่ายยา น้ำเกลือ วัสดุภัณฑ์ทางการแพทย์ ร้านขายยา ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
1
ซึ่งเรียกได้ว่า BDMS ค่อนข้างจะมีวงจรธุรกิจที่แข็งแกร่งเลยทีเดียว หรือถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ คือ พอบริษัทฯผลิตยาออกมาแล้วก็สามารถจัดจำหน่ายไปยัง รพ.ในเครืออีกทีนั้นเอง
1
แล้ว BDMS ใหญ่แค่ไหนกัน ?
จากรายงานประจำปี 2563 บริษัทฯ มีโรงพยาบาลอยู่ในเครือรวมทั้งหมด 49 แห่ง โดยแบ่งเป็น 47 แห่งในประเทศไทยและ 2 แห่งในประเทศกัมพูชา
และจากรายงานประจำปี 63 BDMS มีจำนวนเตียงจดทะเบียนทั้งหมดอยู่ที่ 8,600 เตียง มีแพทย์กว่า 12,000 คน พยาบาล 8,000 และพนักงาน 24,000 คน
2
อีกทั้งในปี 2568-2569 บริษัทฯมีแผนจะขยายเตียงเพิ่มอีก ให้ได้ประมาณ 9,500 เตียงเลยทีเดียว
1
และในปัจจุบัน หุ้น BDMS มี Market Cap. ราว 380,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนที่ติด Top 5 อันดับแรกของโลกเลยทีเดียว
1
บริษัทฯมีสัดส่วนของรายได้มาจากอะไรบ้าง?
โดยรายได้หลักของ BDMS ก็จะมาจากกลุ่มผู้ป่วยใน หรือ IPD(In-Patient-Department) คิดเป็น 53% และกลุ่มผู้ป่วยนอก หรือ OPD(Out-Patient-Department) อีก 47%
อธิบายง่ายๆ คือ ผู้ป่วยใน คือผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาและนอนพักรักษาตัวที่รพ. ส่วน ผู้ป่วยนอก คือ ผู้ป่วยที่รักษาเสร็จแล้วกลับบ้านได้เลย โดยที่อาจจะมียากลับไปหรือไม่มีก็ได้
1
มาต่อกันที่สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยกันบ้าง สัดส่วนของรายได้หลักจะมาจากผู้ป่วยที่เป็นชาวไทย คิดเป็น 79% และชาวต่างชาติ 21% โดยผู้ป่วยส่วนมากจะชำระเป็นเงินสดเป็นหลัก หรือคิดเป็นสัดส่วนที่ 53%
แต่สิ่งที่น่าสนใจและช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับทาง BDMS ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คือสัดส่วนรายได้ของผู้ป่วยที่มาจากกลุ่มประกันที่มีอัตราการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ จนครองสัดส่วนรายได้ถึง 31% ในปัจจุบัน
ซึ่งสอดคล้องกับการที่ประเทศไทยกำลังเข้าใกล้สู่สังคมของผู้สูงอายุ โดยเห็นได้อย่างชัดเจนว่าประชากรส่วนใหญ่เริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพและเริ่มที่จะหันมาทำประกันสุขภาพกันมากขึ้น
1
ผลการดำเนินงานย้อนหลังของ BDMS เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2561 รายได้รวม 81,097 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9,191 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้รวม 92,535 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15,517 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้รวม 69,057ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,214 ล้านบาท
1
โดยในปี 2563 นั้น จากการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ได้สร้างกระทบต่อตัวธุรกิจ BDMS เช่นกัน ทำให้บริษัทฯมีรายได้ที่ลดลงอย่างชัดเจน ที่มีสาเหตุหลักมาจากกำลังซื้อที่ลดลงของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ของสภาวะเศรษฐกิจไทยในตอนนี้เลยทีเดียว
2
ซึ่ง BDMS เองได้มีการปรับตัวเช่นกัน และได้มีการพัฒนาการให้บริการด้านการแพทย์แก่ผู้ป่วยด้วยระบบ Telecare ที่เป็นการนำนวัตกรรมการดูแลสุขภาพเบื้องต้นมาใช้ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถติดต่อปรึกษาแพทย์ผ่านระบบการรักษาออนไลน์ อีกทั้งยังลดโอกาสการติดเชื้อ รวมถึงการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยภายหลังรับคำแนะนำและการรักษาจากแพทย์ เป็นต้น
1
อย่างไรก็ตาม จากผลประกอบการในไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้รวม 16,281 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,338 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าในไตรมาสเดียวกันของปี 63 ที่ 20,003 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,568 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องนั้นเอง ทำให้บริษัทฯขาดรายได้จากสัดส่วนที่ลดลงของผู้ป่วยชาวต่างชาตินั่นเอง
1
โดยสรุปภาพรวมธุรกิจของโรงพยาบาลเอกชนนั้น แม้การรักษาพยาบาลจะดูเหมือนดีและมั่นคง แต่ก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มาจากการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อของผุ้บริโภคภายในประเทศลดลง บวกกับข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศไทยที่มีความเข้มงวดมากขึ้นนั้นเอง
1
ซึ่งพวกเราก็คงต้องคอยติดตามกันต่อไป ว่า BDMS จะสามารถกลับมามีรายได้เทียบเท่ากับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ได้อีกทีเมื่อไหร่กัน ?
**หมายเหตุ** ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจ ก่อนลุงทุนทุกครั้งเสมอ
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก
investor.bangkokhospital.com/th/home
,
set.or.th
-กดติดตาม รู้ก่อนลงทุน-
อัพเดทบทความน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนในทุกวัน
13 บันทึก
16
14
13
16
14
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย