Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่นหุ้นยังไงให้ไม่เจ๊ง
•
ติดตาม
10 ก.ค. 2021 เวลา 13:15 • หุ้น & เศรษฐกิจ
คำแนะนำสุดยอดในการลงทุนหุ้น จาก ปีเตอร์ลินช์
เมื่อเช้าผมได้มีโอกาสฟังคลิปสอนการลงทุนในตลาดหุ้นของปีเตอร์ลินช์ ซึ่งเนื้อหานั้นดีมากๆ เลยอยากนำมาฝากผู้อ่านทุกคนกัน สำหรับคนที่ยังไม่เคยฟัง หรือฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยถนัด
ผมสรุปเป็นข้อๆให้ตามที่ลินช์เล่าเลยนะครับ โดยที่จะมีข้อมูลสอดแทรกให้ เพื่อให้คุณผู้อ่านเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
ประเด็นที่ 1
ถ้าจะลงทุนในตลาดหุ้น คุณต้องลงให้ ”นาน” ครับ เช่น 5 ปี, 10 ปี, 30 ปี, หรือจนเกษียณ เป็นต้น เพราะตลาดมีขึ้นมีลง แต่ในระยะยาวแล้วนั้น จะให้ผลตอบแทนที่สูง ดังนั้นเงินที่คุณจะนำมาลงทุนในตลาดหุ้น ควรเป็นเงินที่คุณวางแผนว่าจะไม่ใช้เป็นระยะเวลานานเท่านั้น เช่น การออมเป็นเงินเก็บตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน ตัวอย่าง 1,000 บาท หรือ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น
ลินช์เน้นว่าถ้าเป็นเงินที่ต้องใช้ในระยะสั้นอย่านำมาลงทุนในตลาดหุ้นเด็ดขาด
ประเด็นที่ 2
เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว ดอกเบี้ยทบต้น (compound interest)จะทำงานได้ดีเยี่ยม แต่สิ่งที่จะคอยบั่นทอนการเติบโตนี้ คือ ภาษี เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาส ก็หาลงทุนในกองทุนที่ลดหย่อนภาษี
ประเด็นที่ 3
เราจะขายหุ้นเมื่อเจอตัวอื่นที่ดีกว่า
ประเด็นที่ 4
เราต้องทำการบ้าน คือ อ่านงบการเงินของบริษัทต่างๆ ประโยชน์ที่ลินช์ได้รับคือ เขาเคย เจอบริษัทที่มีเงินสดคงเหลือ(หักหนี้ที่ต้องชำระแล้ว) มากกว่าเงินที่เขาจ่ายไป สรุปง่ายๆคือ เหมือนได้หุ้นตัวนั้นมาฟรีๆ นี่คือประโยชน์หนึ่งของการทำงานหนัก
ประเด็นที่ 5
ลงทุนในหุ้นที่คุณชอบ ที่คุณรู้สึกอิน รู้สึกมีส่วนร่วม ให้คุณมีความเป็นเจ้าของ เพราะมันจะช่วยให้คุณไม่ขายหุ้นดีๆทิ้งตอนบริษัทเจอวิกฤต
ประเด็นที่ 6
รีเสอร์จ/research/ค้นคว้า ข้อมูลหุ้น
อ๊ะ!!! ไม่ใช่อย่างนั้น!!! ไม่ใช่อย่างคุณคิด
การค้นคว้าข้อมูลหุ้น ไม่จำเป็นต้องเข้าอินเตอร์เนต ใช้คอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือหนาเป็นปึกๆ ลินช์แนะนำว่า แค่คุยกับผู้คนที่พบเจอก็ได้แล้ว เช่น ลองสอบถามว่าแต่ละคนมีความชื่นชอบในอะไร คิดว่าธุรกิจอะไรกำลังเติบโต มันก็จะสะท้อนไปถึงได้ว่า หุ้นตัวไหนกำลังมา หรือ เริ่มดูรอบๆตัว เวลาเดินทาง เวลาดูหนัง คุณจะเริ่มเห็นหุ้นต่างๆมากมาย
ลินช์ย้ำ คุณไม่ต้องศึกษาเยอะ เลือกแค่ 2-3 หุ้นที่คุณเข้าใจมันดีก็เพียงพอแล้ว คุณจะรู้จักหุ้นรอบตัวคุณได้ลึกกว่าคนอื่นเพราะมันอยู่ใกล้คุณนั่นเอง
ประเด็นที่ 7
ไม่มีใครสามารถทำนายตลาดได้ เพราะมันคืออนาคต ไม่มีใครรู้อนาคต ลืมเรื่องกราฟเทคนิคไปได้เลย
ประเด็นที่ 8
แบ่งประเภทหุ้น สิ่งแรกที่ลินช์แนะนำให้ทำ เพราะหุ้นแต่ละชนิดจะมีการจัดการที่ไม่เหมือนกัน การจัดหมวดหมู่จะช่วยคุณได้มาก หุ้น 5 ประเภทมีดังนี้
1. Fast growers
2. Slow growers
3. Cyclical
4. Asset plays
5. Turnarounds
อย่างไรก็ดีหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงประเภทได้ ขึ้นอยู่กับเวลา ดังนั้นให้ใช้เป็นแค่ไกด์ในการจัดการหุ้นเอย่ายึดติดมาก ให้คอยประเมินอยู่เรื่อยๆ เพื่อจะได้จัดการหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ประเด็นที่ 9
Growth stocks หรือหุ้นเติบโต
ซื้อหุ้นเติบโตเมื่อมีโอกาส (ราคาจับต้องได้) แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อทันที่หุ้นเข้าตลาด ลินช์ยกตัวอย่างหุ้น วอลมาร์ท ว่าคุณยังทำกำไรได้ 20 เท่า แม้ว่าจะซื้อวอลมาร์ท 3 ปี หลังจากหุ้นเข้าตลาด เราสามารถค่อยๆใช้เวลา ตามดูงบการเงิน และผลประกอบการได้
ประเด็นที่ 10
Slow grower หุ้นโตช้า เฉลี่ย 3-5%
!!!อย่ามองข้ามหุ้นไม่โต!!! ลินช์เตือน
ข้อดีของหุ้นเหล่านี้คือนักลงทุนส่วนใหญ่มองข้าม ทำให้เราสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาเหมาะสม ลินช์อธิบายเพิ่มว่า ถ้ามีหุ้นตัวนึงไม่โตแล้วนะ ย้ำคือไม่โตเลย หุ้นราคา 40 บาท แต่จะจ่ายปันผลปีละ 10 บาท คุณจะซื้อมั้ย? ซื้อสิครับ ไม่โตก็ไม่เห็นเป็นอะไร ลงทุน 4 ปีได้ทุนคืนหมด ที่เหลือก็กำไรล้วนๆ
ประเด็นที่ 11
Cyclical หรือหุ้นวัฏจักร มันจะขึ้นๆ ลงๆตามวัฏจักรของหุ้นแต่ละตัว ไปเรื่อยๆจนบริษัทสิ้นอายุขัย
ลินช์เตือน สำหรับ Cyclic อย่ารอ อย่าหวัง ให้ดูความจริง ระวังกับดักปันผล (คือกู้เงินมาจ่ายปันผลเป็นต้น) จุดนี้การตรวจเช็คงบการเงินจะช่วยได้
ประเด็นที่ 12
Asset play
ตัวอย่างหุ้นประเภทนี้ ลินช์ยกตัวอย่าง Disney คือหุ้นที่มีสินทรัพย์อยู่แล้ว และใช้ประโยชน์จากมัน เช่น ดิสนีย์ใช้ลิขสิทธิ์มิกกี้เม้าส์ เปิดโรงแรมใน พื้นที่ดิสนีย์แลนด์ เป็นต้น
ประเด็นที่ 13
Turnaround
คือหุ้นที่กำลังแย่ แล้วกลับมาดีด้วยการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง เช่น เปลี่ยนผู้บริหาร หรือเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจ เป็นต้น ลินช์เตือนเหมือนหุ้นวัฏจักรคือ อย่าซื้อแล้วหวัง ให้ทำการบ้านดูผลประกอบการว่าหุ้นนั้นจะกลับมาได้จริงๆหรือเปล่า เข้าไปซื้อช้าซักปีสองปีก็ไม่เสียหาย รอดูให้แน่ชัดเสียก่อนดีกว่าเข้าไปแล้วสูญเงิน
ประเด็นที่ 14
ลินช์แนะให้ดูงบการเงินบริษัท เลือกบริษัทที่มี cash flow หรือกระแสเงินสดดี เหลือเงินสดในบริษัทอย่างน้อยเพียงพอที่จะจ่ายหนี้ระยะสั้น (หนี้ไม่เกิน 1 ปี) และควรมีหนี้น้อย
ลินช์เตือนตลอด ถ้าไม่ตรวจสอบงบการเงินของบริษัท ไม่ใช่แค่เราบกพร่องในการค้นคว้าข้อมูล แต่มันคือการพนันชัดๆ เพราะเราลงเงินโดยไม่ตรวจสอบความอยู่รอดของบริษัท
ประเด็นที่ 15
บริษัทควรมีหนี้ระยะยาวไม่เกิน 20% ของ Capitalize โดยที่ Capitalize หาคร่าวๆได้จาก หนี้ระยะยาวรวมกับส่วนผู้ถือหุ้นรวม (Total equity)
ประเด็นที่ 16
เพิ่มกำไร ทำได้เพียง 2 วิธี ไม่เพิ่มยอดขายขาย ก็ลดต้นทุน ดังนั้นลองดูงบการเงินให้ดีว่าธุรกิจได้กำไรมาจากให้ ต้องระวังกำไรพิเศษด้วย ถ้ามีสัดส่วนมากเมื่อเทียบกับกำไรจากการดำเนินงาน
ประเด็นที่ 17
ตรวจสอบ gross margin ของหุ้นที่เราสนใจเทียบคู่แข่ง ซึ่งผลลัพธ์ควรจะดีกว่าหรือใกล้เคียง
ประเด็นที่ 18
โอกาสซื้อ มาไม่บ่อยลินช์บอกจากประสบการณ์ส่วนตัวคือปีละประมาณ 2 ครั้ง หมายความว่าควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาส คือหุ้นที่จะซื้อและเงิน
ประเด็นที่ 19
จัดการความเสี่ยงให้ดี เสียก็อย่าให้เสียหนัก จัดการให้ดี จากประสบการณ์ลินช์ ได้ 60% เสีย 40%
ประเด็นที่ 20
คอยติดตามดูผลประกอบการของบริษัท
ไม่ใช่ดูวันละสามรอบ แต่ก็ไม่ใช่ทิ้งไปแบบไม่ดูเลย
เอาที่เหมาะสมกับเรา ซึ่งการเฝ้าดูราคาไม่นับ
ประเด็นที่ 21
สิ่งที่เราควรรู้และทำคือ ตรวจสอบว่า บริษัททำอะไร คู่แข่งเป็นยังไง ไม่ต้องเชื่อข่าวลือ ถ้าเกิดอะไรผิดปรกติ ให้หาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร คอยประเมินบริษัทอยู่เรื่อยๆให้เป็นกิจวัตร
ประเด็นที่ 22
ลินช์ย้ำ หุ้น ให้ ผลตอบแทนสูงในระยะยาว
ประเด็นที่ 23
คุณต้องทำงาน(หาหุ้น ประเมินมูลค่าและราคา)ไม่ใช่แค่ซื้อแล้วหวังให้โต
ประเด็นปิดท้าย
สิ่งที่ลินช์เล่ามาทั้งหมดนี้ใช้ได้ผลดีสำหรับเขาเอง แล้วลินช์หวังว่ามันจะจะใช้ได้ผลกับทุกคน และลินช์อยากให้ทุกคนสนุกกับการลงทุน
ประเด็นทิ้งทวน
เราควรเขียน Story หรือ เรื่องเล่าหุ้น สั้นๆ เข้าใจง่ายเอาไว้ ง่ายแบบเด็กปอห้าฟังแล้วเข้าใจเพื่อบอกตัวเอง ว่าหุ้นนั้นเป็นยังไง ควรซื้อ หรือควรขาย
2 บันทึก
1
3
2
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย