12 ก.ค. 2021 เวลา 00:00 • สุขภาพ
Rapid Antigen Test ตรวจง่ายขึ้น พบติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะรับมืออย่างไร
เมื่อวาน (11 ก.ค.) อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ปลดล็อกชุดตรวจโควิด-19 แบบ Rapid Antigen Test หลังจากที่ อย. มีมติเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว
1
โดยอนุมัติให้โรงพยาบาทั้งรัฐและเอกชน ศูนย์บริการสาธารณสุข สามารถตรวจผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคและมีประวัติเสี่ยงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาการรอตรวจ RT-PCR ของประชาชนที่มีเป็นจำนวนมาก
และจะเปิดขาย Rapid Antigen Test Kit ในร้านขายยาให้ประชาชนทั่วไปซื้อไปตรวจเองด้วย คาดว่าราคาจะอยู่ที่ 300-400 บาทต่อชุด ซึ่งตอนนี้มี 24 บริษัทที่ผ่านการรับรองจาก อย. แล้ว โดยจะดำเนินการตั้งแต่วันนี้ (12 ก.ค.) เป็นต้นไป
แล้ว Rapid Antigen Test คืออะไร
- Rapid Antigen Test เป็นการตรวจองค์ประกอบไวรัส เก็บตัวอย่างทางจมูก ลึกถึงคอหรือเก็บจากลำคอ
- ทราบผลภายใน 10-30 นาที
- ต้องรับเชื้อมาแล้ว 5-14 วัน จึงจะได้ผลที่แม่นยำ หากผลเป็นลบยังจำเป็นต้องกักตัวต่อไป แต่หากผลเป็นบวก ต้องไปตรวจซ้ำด้วย RT-PCR เพื่อยืนยันผลอีกครั้ง
Photo : https://diagnostics.roche.com/be/en/products/params/sars-cov-2-rapid-antigen-nasal-test.html
สำหรับความกังวลว่าเมื่อมีการตรวจมากขึ้นแล้วพบผู้ป่วยมากขึ้น จะมีมาตรการรองรับอย่างไร
กระทรวงสาธารณสุขจะนำ 2 มาตรการมาใช้ คือ การแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) และการกักตัวในชุมชน (Community Isolation) เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้เริ่มใช้ไปบ้างแล้ว
แต่ก็ต้องมีการประเมินด้วยว่าทำได้หรือไม่ เช่น ถ้ากักตัวที่บ้านก็ต้องแยกห้องกันชัดเจน ถ้าที่บ้านไม่สามารถแยกได้ก็ให้กักตัวในชุมชน โดยใช้วัดและโรงเรียนเป็นสถานที่
Photo : https://www.salika.co/2021/06/29/everything-need-to-know-about-home-isolation-covid/
การทำ Home Isolation และ Community Isolation ผู้ติดเชื้อจะได้รับเครื่องวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด มีการติดตามอาการจากแพทย์และพยาบาล สื่อสารกับผู้ป่วยผ่านเทเลคอนเฟอเรนซ์ และวิดีโอคอล
สำหรับแนวทางนี้ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีและน่าจะมาถูกทาง เพราะช่วยแบ่งเบาภาระแพทย์ พยาบาลได้มาก แต่ต้องรอดูการปฏิบัติจริงว่าจะสามารถทำได้ตามมาตรการที่วางไว้หรือไม่ เพราะหากไม่สามารถควบคุมได้ ผู้ป่วยอาจแพร่เชื้อให้คนในครอบครัวเพิ่มได้ด้วยเช่นกัน
และประเด็นเรื่องราคา 300-400 บาทต่อชุด มันดูจะแพงเกินไป หากประชาชนที่ไม่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องการจะซื้อมาตรวจเอง ถ้ามีงบสนับสนุนจะดีมากครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา