11 ก.ค. 2021 เวลา 12:18 • สุขภาพ
Work from Home ในสงครามโควิด
เรากำลังอยู่ในสงครามที่อาจมีการสูญเสียชีวิตราวหมื่นคน
มีหลายคนที่เปรียบเทียบวิกฤตโควิด-19 เหมือนการทำสงคราม แต่พวกเราแต่ละคนอาจประเมินความรุนแรงไม่เท่ากัน
ทำให้มาตรการที่ภาครัฐออกมา และความร่วมมือของประชาชนขึ้นกับมุมมองของแต่ละฝ่าย
เป็นการคานน้ำหนักกันระหว่างเศรษฐกิจกับสุขภาพ ซึ่งทั้งคู่มีผลกระทบกับชีวิต
เรากำลังอยู่ในขาขึ้นของการระบาด ขณะนี้มีคนเสียชีวิตราวเกือบร้อยคนต่อวัน หากการระบาดยังดำเนินต่อไปอีก 3 เดือน จะมีผู้เสียชีวิตราวหมื่นคน ไม่รวมกับจำนวนที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้
ใครที่ไม่ตามข่าว อาจจะยังไม่ทราบว่าขณะนี้ไทยเรามีจำนวนผู้เสียชีวิตในแต่ละวันต่อจำนวนประชากรสูงกว่าอินเดียแล้ว ดูจากกราฟด้านล่าง (ข้อมูลจากเว็บ Our world in data)
แล้วเราจะมีผู้เสียชีวิตรายวันพุ่งขี้นไปถึงแค่ไหน
ถ้าดูจากจุดสูงสุดของอินเดีย เรายังห่างอยู่ราว 3 เท่าตัว แต่ในอีกแง่หนึ่งก็คือ worse case scenario เราอาจไปถีงจุดนั้น คือ 200-300/วัน
ถ้าเราเปรียบเทียบกับสงครามจริง ที่มีความสูญเสียเท่านี้ เราจะรู้สึกกับมันอย่างไร
ช่วงนี้รัฐบาลออกมาตรการหลายอย่าง เช่น ล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว เพื่อลดการพบปะกัน ลดการรวมกลุ่มให้มากที่สุด ซึ่งจะมีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
แต่มีมาตรการหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือมาตรการ work from home
มาตรการนี้ต่างจากอันอื่นตรงที่ ต้องอาศัยความสมัครใจ และร่วมมือกันของทุกฝ่ายจึงจะประสบความสำเร็จ
ประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า ได้ผลเพียงระยะแรกเท่านั้น ไม่นานก็กลับสู่สภาพเดิม
สาเหตุเพราะมาตรการนี้มีต้นทุน ทำให้มีผลิตภาพลดลง
รวมทั้งคนที่จะตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ คือเจ้าของกิจการ ลูกน้องทำเองไม่ได้
ทำให้แม้แต่ภาคราชการเองก็ยังทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ดังนั้นรัฐบาลต้องหาวิธีที่จะช่วยเยียวยาภาคเอกชนที่ร่วมมือด้วย
สาเหตุที่มาตรการ wfh สำคัญก็เพราะว่า หากเราดูข้อมูลของผู้เสียชีวิต จะพบว่า ประมาณครี่งหนึ่งได้รับเชื้อจากคนในบ้านและที่ทำงาน ซึ่งคนในบ้านส่วนหนึ่งก็ติดมาจากที่ทำงานนั่นเอง
รวมทั้งการเดินทางไปทำงานโดยรถโดยสารสาธารณะ นั่งทำงานในออฟฟิศที่มีหลายคนเป็นเวลานาน ใช้ห้องน้ำร่วมกัน กินอาหารใกล้กัน เป็นความเสี่ยงสำคัญ
ความสำเร็จของมาตรการ work from home จึงอาจเป็น key factor ของการต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19 ในระยะที่การฉีดวัคซีนยังไม่ครอบคลุม
น่าแปลกที่รัฐบาลโดย ศบค. ไม่มีการแถลงรายละเอียดในส่วนนี้ รวมทั้งยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมนัก ปล่อยให้เป็นวิจารณญานของหัวหน้าหน่วยงานในการดำเนินการ ซึ่งก็อาจตีความได้หลากหลาย โดยเฉพาะเป้าหมายที่ว่า 100% คือยังไง และจะทำอย่างไร
ที่สำคัญคือมาตรการเยียวยาด้วย
จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นกับความสามัคคีของคนไทย ทั้งภาคราชการและเอกชนครับ
โฆษณา