คิดจะพักคิดถึงหมู่เกาะสุรินทร์
แต่พอไปจริงๆ ไม่เคยได้พัก!! :: EP.3
กว่าจะได้ภาพสวยๆแบบนี้ต้องแลกกับอะไรบ้าง!!!!!
😰😰😰
——————————-
ตอนสุดท้ายแล้วที่จะเล่าถึงการมาติดเกาะอยู่ที่หมู่เกาะสุรินทร์แห่งนี้ และอย่างที่ได้ลงคลิปไปวันก่อนแล้วน่าจะเป็นบรรยากาศที่ทุกๆคนชื่นชอบ
นั่นก็คือ ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก 🌅
ช่วงเวลาที่ทุกอย่างดูเงียบสงบ การนั่งดูพระอาทิตย์ค่อยๆ จมลงไปในผืนน้ำ และแสงสว่างที่ค่อยๆ ถูกปกคลุมด้วยความมืด
บรรยากาศถูกย้อมสีด้วยแสงสีส้มอมม่วง กับประกายน้ำทะเลที่เริ่มมืดลง เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำจริงๆ
เกริ่นมาโรแมนติกขนาดนี้ เราก็คาดหวังว่าเราจะได้ความโรแมนติก แต่สิ่งที่ต้องแลกมานั้น… ไม่เบาเลย
ที่นี่มีจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่สวยมากๆ อยู่จุดนึง
ชื่อว่า อ่าวกระทิง
.
.
ซึ่งจุดนี้เราสามารถนั่งมองพระอาทิตย์ตกลงไปในทะเลได้อย่างเต็มอิ่ม เราจะได้เห็นประกายน้ำทะเลเป็นสีทองอร่ามวิบวับ ด้วยแสงจากดวงอาทิตย์สีส้มแดงดวงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งนั่นเป็นภาพประทับใจที่หาไม่ได้จากที่ไหนๆ พูดได้เต็มปากเลยว่าพระอาทิตย์ที่ไหนก็ไม่สวยสะใจเท่าที่นี่
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ก็ไม่ค่อยจะเป็นใจสักเท่าไหร่นัก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวีรกรรมที่ อย่าหาทำ ⚠️⚠️ เลยก็ว่าได้
เพราะมันเหนื่อยมากก!! เหนื่อยแบบเหนื่อยจริงๆ 🥲🥲
ก็ไม่คิดว่าการจะได้ดูพระอาทิตย์ตกสวยๆ สักที จะต้องเหนื่อยอะไรขนาดนี้
เริ่มจากที่ว่า อ่าวกระทิง ตั้งอยู่ระหว่าง อ่าวไม้งามกับอ่าวช่องขาด ซึ่งเราสามารถเดินไปที่นี่ได้ด้วยเส้นทาง ธรรมชาติลัดเลาะไปตามป่าเขา
ทีนี้!! ช่วงวันที่เราไปอ่ะ เป็นช่วงที่เค้ากำลังก่อสร้างทำทางใหม่ มันเลยดูเหมือนว่าเราไม่สามารถเดินจากอ่าวไม้งามไปตรงอ่าวกระทิงได้โดยตรง เพราะเค้าก่อสร้างทางอยู่ เราก็เลยขอให้เรือที่พาเราออกไปดำน้ำไปส่งที่อ่าวช่องขาด
และด้วยใจรัก เราก็เดินย้อนจากอ่าวช่องขาดไปตามเส้นทางธรรมชาติจนไปถึงอ่าวกระทิง นั่งเล่นและเฝ้ารอพระอาทิตย์ตก
.
.
.
🧡🧡
.
.
ระหว่างนั้นก็คุยกันว่า เราจะกลับกันยังไงดี จะลองเดินต่อไปไหม แต่ก็ไม่รู้ว่าเดินได้แค่ไหนอีก แต่มองจากสายตา จากตรงอ่าวกระทิงกลับไปที่อ่าวไม้งาม ระยะทางมันก็ดูไม่ได้ไกลนักอะนะ ก็เลยได้ความว่า จะว่ายน้ำกลับไป!!!
พอเราดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยสะพรึง จนแสงใกล้จะหมดแล้วนั้น ช่วงเวลาเซอไวเวอร์ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เราเก็บของทุกอย่างใส่ถุงกันน้ำ เอารองเท้าสวมไว้ในมือเอาไว้ช่วยว่าย แล้วเราก็ค่อยๆ ลอยตัว เดินๆ เลาะๆ ตามแนวหินไปเรื่อยๆ ระยะทางที่ดูเหมือนใกล้ในตอนแรกนั้น ก็รู้สึกเหมือนจะค่อยๆ ไกล ทำไมมันไม่ถึงสักที เข้าใจประโยคนึงเลยที่ว่าใกล้ตา ไกลตี…น
คือดูเหมือนจะไม่ไกล แต่ก็ไปไม่ถึงสักที และมีบางช่วงเหมือนน้ำจะลึก เดินๆ อยู่จะจม! ใจหายยย จะกลั้นใจว่ายๆๆๆ ไม่หยุด ก็กลัวว่าจะเป็นตะคริว อดทนค่อยๆ ไปพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ
🌅🌄🌌
ตอนนั้นฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้ว แสงที่เคยมีอยู่น้อยนิดก็เริ่มหายไป สายตาเริ่มมองอะไรไม่ค่อยเห็น แต่อีกนิดนึงก็ดูเหมือนใกล้จะถึงแล้วแหละ ในขณะที่เราตั้งใจเอาชีวิตกลับไปให้ได้ สายตาเราก็เหลือบไปเห็นทางขวา
มองเห็นมีผู้ชายคนนึงใส่เสื้อสีขาว!! (ทำไมต้องเสื้อขาวด้วย.. คิดในใจ) ผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งชิวๆ พร้อมกล้องตั้งอยู่บนโขดหิน
เราก็เลยตะโกนถามเค้า ว่าเค้ามายังไง… เค้าก็ตอบกลับมาแบบเรียบง่ายมากๆ
“เดินมาครับ.. เดินมาจากอ่าวไม้งาม” (ทางที่กำลังทำ) 😰
.
.
.
นี่ก็แบบโหยย แล้วชั้นเกิดจะมาอยากไตรกีฬาอะไรตอนนี้ ว่ายน้ำข้ามเกาะเป็นโตโน่รึ แต่ก็คิดซะว่าได้ออกกำลังกายแหละ พอไปถึงก็เรียกว่าร่างแหลกกกก อยากจะอาบน้ำนอนให้สลบไปเลย
แต่คืนวันอันยาวนานก็ยังไม่จบด้วยการนอนหลับได้ง่ายๆ เพราะอย่างที่บอกว่า การมานอนที่หมู่เกาะสุรินทร์แห่งนี้ คือการมานอนเต็นท์ริมทะเล
ในยามที่แสงหมดลง สิ่งที่เข้ามาเติมเต็มความมืดก็คือดวงดาวนั่นเอง
🌟🌟🌟
ก่อนจะเอนตัวลงในเต็นท์ ก็ออกมานอนรับลมชมบรรยากาศอีกสักนิด วันดีคืนดีก็มีดาวตกให้เห็นด้วยแหละ มันก็ช่วยรักษาความเหนื่อยล้าที่เจอมาทั้งวันได้ดีเหมือนกัน
ตัดภาพมาจากบรรยากาศโรแมนติกนั้นอีกครั้ง
.
.
.
ด้วยความเราอยู่กับป่ากับเขา อยู่บนเกาะและเวลายามค่ำคืนก็จะเงียบและมืด และถึงแม้จะยังมีไฟที่ห้องน้ำอยู่บ้าง เวลาดึกๆ ที่เกิดอยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ
มันก็จะวังเวงนิดๆ คือถ้าเราไม่คิด มันก็จะไม่คิดนะ แต่พอคิดปุ๊ป มันก็จะรู้สึกปั๊ป กลัวไง สมองสั่งสร้างภาพหลอนแล้วก็จะต้องลากคนข้างๆ ให้ออกไปเป็นเพื่อนด้วย ทั้งที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก
🌚
เล่ามาจนถึงตอนจบแล้วแต่ก็ยังไม่เคยพูดถึงเรื่องอาหารการกินบนเกาะนี้เลยสักเท่าไหร่ ก็เลยอยากจะขอพูดถึงมุมของโรงอาหารสักนิด
เป็นอีกมุมยอดฮิตของคนที่พักบนเกาะเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นแหล่งจ่ายไฟเพียงจุดเดียวที่มีไว้ให้บริการ ภาพที่ทุกคนเห็นคือ จุดศูนย์รวมของ ปลั๊กไฟ ที่พ่วงในพ่วงในพ่วง ต่อๆ กันไปเพื่อชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์ต่างๆ
คือเอาแค่คนเดียวอ่ะ ชาร์จแบตมือถือ ชาร์จพาวเวอแบงค์ ชาร์จแบตกล้อง ก็คือเต็มแถวละนะ และคนเป็นสิบๆ คนพร้อมใจกันมาชาร์จตอนนั้น ก็คือแน่น!!! ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนเป็นปฏิมากรรมอะไรสักอย่าง
.
.
.
แล้วที่นี่จะมีครัว เมนูอาหารก็จะคล้ายกับร้านอาหารตามสั่งทั่วไป และแน่นอนที่ว่าการมีเพียงแค่ครัวเดียว ถ้ามาในช่วงคนเยอะๆ ก็รอวนไปสักพัก แต่ถ้าใครที่พกมาม่ามา หรือใครที่รอไม่ไหว ก็มีร้านขายของชำอยู่นะคะ
ไม่ต้องกลัวว่าจะอดตาย เค้ามีน้ำร้อนหม้อใหญ่ต้มเอาไว้บริการตลอดเวลา สำหรับ ชงกาแฟ มาม่า ดื่มกินได้ตามที่ต้องการ
....สุดท้ายแล้วก็มาถึงเวลาที่ต้องลาจาก....
เราเชื่อว่าทั้งหมดที่เราเล่ามา ว่า
คิดจะพักคิดถึงหมู่เกาะสุรินทร์
แต่พอไปจริงๆ ไม่เคยได้พัก!!
แน่นอนว่าเราหาทำกิจกรรมจนแทบไม่ได้พักจริงๆ
แต่ก็น่าแปลก ในขณะที่ร่างกายเราแทบไม่ได้หยุด
แต่ความรู้สึกลึกๆ ในใจเรานั้น กลับรู้สึกเหมือนว่าเราได้รับการชาร์จแบตมาอย่างเต็มเปี่ยม เพื่อรอวันเวลาที่จะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง
.
.
.
พูดแล้วก็คิดถึงขึ้นมาอีกแล้วแหละ
จนกว่าจะกลับมาพบกันใหม่..
หมู่เกาะสุรินทร์ 🧡