12 ก.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ทุกคนทำเพื่อเขา ]
หลังจบเกมโกปา อเมริกาในรอบรองชนะเลิศที่ต้องตัดสินด้วยการยิงลูกจุดโทษ ก่อนอาร์เจนตินาเชือดโคลอมเบีย ผ่านเข้าชิงได้สำเร็จ
ลิโอเนล เมสซี่ สับกงล้อเท้าอย่างเต็มที่ พร้อมเปิดอ้อมแขนเข้าหา เอมิลิอาโน่ มาร์ตีเนซ เพื่อนร่วมทีมด้วยความปลาบปลื้มตื้นตัน
เพราะ เอมิ นี่เองที่โชว์ความปราดเปรียวเหนียวหนึบเซฟถึง 3 จุดโทษด้วยกัน ช่วยให้ทัพฟ้าขาวได้ไปต่อยันนัดชิง
สำคัญไม่น้อยกว่ากันเลยก็คือ จุดประกายความหวังให้ เมสซี่ ซึ่งตลอดอาชีพค้าแข้งจนอายุ 34 ปีแล้ว ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในนามทีมชาติ ซึ่งหมายถึงแชมป์ระดับเมเจอร์คือฟุตบอลโลกและโกปา อเมริกาเลย
เต็มที่เคยได้เหรียญรางวัลฟุตบอลชายโอลิมปิกในปี 2008 เท่านั้นเอง ซึ่งยังไม่สุดจริง ต้องการเติมเต็มด้วยแชมป์ 2 รายการดังกล่าว
ในฐานะที่ตัวเขาเองครองความเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้นๆของโลกมายาวนานนับสิบปี ได้บัลลงดอร์ซึ่งการันตีความเจ๋งส่วนตัวถึง 6 สมัย อีกทั้งอาร์เจนติน่าเองก็เป็นชาติมีทรัพยากรนักเตะฝีเท้าดีมากมาย ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
แต่ เมสซี่ ยังไม่เคยได้ฉลองความสำเร็จเลย เต็มทีคือผ่านเข้าชิงแล้วต้องคอตกได้รับความเจ็บปวดชอกช้ำแทนจากการเป็นเพียงแค่อันดับ 2
เรายังคงจำภาพโกปา อเมริกาในนัดชิงปี 2015 และ 2016 ที่ เมสซี่ สวมปลอกแขนกัปตันทีมได้ดี (ปี 2007 ก็ได้รองแชมป์กับอาร์เจนตินาด้วย แต่ยังไม่มีบทบาทเท่าไรนัก)
เขานั่งลงกับพื้นสนามด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ที่มาไกลจนสุดถึงนัดชิงก็ยังต้องแบกความเจ็บช้ำเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
เช่นเดียวกับฟุตบอลโลกปี 2014 อาร์เจนตินาพ่ายให้เยอรมัน เป็นได้แค่รองแชมป์ที่ไม่มีใครอยากจดจำ
3 ปีติดต่อกันที่ต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ มันเกิดขึ้นซ้ำซากและถี่มาก ใครก็ตามที่มีประสบการณ์ตรง ย่อมโดนความรู้สึกท้อแท้เกาะกินเป็นธรรมดา
เมสซี่ เคยแย่ถึงขั้นจะรีไทร์จากทีมชาติด้วยซ้ำ เพราะไม่รู้ว่าจะเล่นต่อไปทำไม เพื่อให้ตัวเองโดนตราหน้าว่าเป็นผู้ล้มเหลวมืออาชีพเมื่อต้องมาเล่นให้อาร์เจนตินา
มีการนำเขาไปเปรียบเทียบกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า รุ่นพี่ระดับตำนาน ที่เคยบันทึกประวัติศาสตร์ไว้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยเท้าซ้ายอันทรงประสิทธิภาพ
หาก เมสซี่ อยากเทียบชั้นจริง ก็ต้องพาประเทศบ้านเกิดประกาศศักดาบ้าง ไม่ใช่เก่งแต่ในสโมสร เรื่องนี้จึงกลายเป็นเหมือนปมในใจเรื่อยมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโกปา อเมริกาที่โยกมาหวดกันในปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งมวลความหวังมหาศาลที่ เมสซี่ ต้องการจะครองแชมป์ให้ได้
ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะออกอาการดีใจสุดขีด เมื่อเห็น เอมิ เซฟจุดโทษอย่างน่าทึ่ง ช่วยให้ไปถึงชิง
หลังจบเกมดังกล่าวผู้รักษาประตูจากแอสตัน วิลล่า ซึ่งสมัยอยู่อาร์เซน่อลแทบไม่มีใครมองเห็นค่า ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่ดังและฟังชัดทั่วกันว่า
"ผมจะทำทุกอย่างเพื่อ เมสซี่ ทำให้ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมา ผมจะช่วยให้อาร์เจนตินาครองแชมป์ให้จงได้"
เกมนัดชิงซึ่งถือว่าหนักหนาโหดหินสุดแล้ว ต้องมาเจอบราซิลเจ้าถิ่นที่มาราคานา สังเวียนแข้งแห่งตำนาน
1
แน่นอนการชนะบราซิลที่สนามแห่งนี้ จะเป็นสิ่งพิเศษสำหรับอาร์เจนตินาอย่างมาก แต่พิเศษยิ่งกว่าคือ เมสซี่ จะได้เหรียญรางวัลที่ต้องการมาคล้องคอนั่นแหล่ะ
รูปเกมนั้นสูสีเห็นได้ชัดเลยว่าผู้เล่นทั้งสองทีมเต็มไปด้วยความตั้งใจ เพราะรู้ดีว่าชัยชนะย่อมหอมหวานอย่างมาก
1
อย่างไรก็ดีอาร์เจตินาได้ประตูออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 22 จาก อังเคล ดิ มาเรีย แล้วหลังจากนั้นดูเหมือนนักเตะแต่ละคนจะมุ่งมั่นมากๆ ราวกับว่ามีแรงขับเคลื่อนบางอย่างพล่านอยู่ข้างใน
ไม่เกินเลยไปนักหรอกหากจะบอกว่า นอกเหนือจากความสำเร็จส่วนตัวและทีมชาติที่ต้องคำนึงแล้ว เพื่อนนักเตะทุกคนอยากจะเห็น เมสซี่ ลบล้างอาถรรพ์ที่ฝังรากลึกมาช้านานให้ได้
ชัดเจนสุดเลยก็คือเมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น เมสซี่ คุกเข่าลงกับพื้น จากนั้นแข้งอาร์เจนไตน์แทบทุกคนวิ่งมาสวมกอดด้วยความยินดีที่สุด
พิธีการจากนั้นไม่ต้องพูดถึง แสงสปอร์ตไลต์ส่องมาที่เขาคนเดียวเท่านั้น อยากรู้ทุกอิริยาบถ โดยเฉพาะตอนนำทีมขึ้นรับโทรฟี่ นั่นคือวินาทีที่แฟนบอลแทบทั้งโลกรู้สึกประทับใจมากๆ สำหรับการได้เห็นแข้งซูเปอร์สตาร์ที่รอคอยความสำเร็จนี้มายาวนานสิ้นสุดลงสักที
ช็อต เมสซี่ บรรจงจุมพิตโทรฟี่อย่างดูดดื่มนั้น ต้องบอกว่าเข้าถึงอารมณ์ร่วมเป็นอย่างดี เขาน่าจะเป็นหนึ่งในคนที่มีความสุขมากสุดในโลกตอนนั้น
อีกคนที่ดีใจสุดๆที่ได้สานฝัน เมสซี่ ซึ่งนับถือเหมือนพี่ชายเห็นจะเป็น เอมิ มาร์ตีเนซ นั่นแหล่ะ
"ผมแทบจะพูดไม่ออกเลยทีเดียว มันทำให้ฝันเป็นจริง ยิ่งไปกว่านั้นคือการคว้าแชมป์ที่สนามแห่งนี้"
"แต่ที่แน่ๆ ผมต้องการมอบแชมป์ให้กับนักเตะดีสุดในโลก เขาสมควรได้รับแล้ว ฝันของเขาถูกเติมเต็มเช่นเดียวกัน"
ส่วนฮีโร่ผู้ยิงประตูชัยอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย ก็อยู่ในอารมณ์ร่วมสุดขีด ไม่ได้ต่างจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่นสักเท่าไร
"เมสซี่บอกขอบคุณผม ส่วนผมก็ขอบคุณเขาด้วยเหมือนกัน ก่อนเกมเขาบอกว่าจะต้องทำให้สำเร็จ แล้วมันก็เป็นจริง"
อีกแข้งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จคือ โรดริโก้ เดอ ปอล เพราะทำงานอย่างหนักในแดนกลาง รวมทั้งแอสซิสต์ให้ ดิ มาเรีย ส่องชัยอย่างยอดเยี่ยม
"เขาเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม ผมมองเห็นอย่างนั้นและพอมาร่วมงานจริงๆ ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่มีอะไรปิดบังเลย"
"หาก เมสซี่ คือกัปตันทีมของคุณ รับรองรองไว้คุณจะลงไปต่อสู้อย่างเต็มที่หากเขาขอให้ทำ"
ความสามัคคีและบรรยากาศในทีมอันยอดเยี่ยมนี้เอง คืออีกตัวแปรสำคัญผลักดันให้อาร์เจนตินาประสบความสำเร็จบ้างสักที หลังได้เป็นเพียงแค่รองแชมป์เรื่อยมา
ทุกคนรู้ดีว่าแชมป์นี้สำคัญ แต่สำหรับ เมสซี่ มันมีความพิเศษมากสุด ถ้าจะแขวนสตั๊ดจริง ก็คงไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไปแล้ว
แต่ไม่ใช่ว่าเพื่อนร่วมทีมเท่านั้นต่อสู้เพื่อกัปตัน แต่เขายังลงสนามไปฟาดฟันห้ำหั่นสุดพลังเช่นเดียวกัน
4 ประตู 5 แอสซิสต์ นอกจากครองโกลเด้น บูทหรือดาวยิงสูงสุดแล้ว ยังส่งให้ได้นักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์อีกต่างหาก
เมสซี่ ลงเล่นตลอดเต็มๆทั้ง 7 เกม รวมแล้ว 630 นาทีด้วยกัน ไม่มีขาดสักวินาทีเดียวและมีส่วนร่วมโดยตรง 9 จาก 12 ประตูที่อาร์เจนตินาทำได้
นี่คือความสำเร็จที่โคตรคุ้มค่าต่อการรอคอยและเป็นรางวัลที่หอมหวานสำหรับความทุ่มเททุกอณู ซึ่งสะท้อนได้จากการไม่ยอมแพ้ให้ชะตากรรมง่ายๆอีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจหรอกว่าทำไมแฟนบอลบราซิลบางคนจึงอยากเห็น เมสซี่ ได้ชูโทรฟี่ เล่นเอา เนย์มาร์ ถึงกับหัวเสียที่กองเชียร์ตัวเองแท้ๆ แต่ไปส่งใจช่วยฝั่งตรงข้าม
อาจเพราะฟุตบอลคือลมหายใจของประเทศบราซิลและ เมสซี่ นี่แหล่ะที่โชว์ให้เห็นถึงความแตกต่าง ไม่มีใครทำได้เหมือนเขาอีกแล้ว
แทบทุกคนอยากเห็นภาพนั้นเหมือนกัน ความพิเศษมันอยู่ตรงนี้ นักเตะสักคนที่เอาชนะกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามได้น่าเหลือเชื่อ
เมสซี่ เองก็สมควรได้รับแล้ว อย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลงน่ากังขาเลยจริงๆ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา