Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Amarinbooks
•
ติดตาม
19 ก.ค. 2021 เวลา 13:00 • ธุรกิจ
อีลอน มัสก์ และ เจฟฟ์ เบโซส ต่างก็เป็นเจ้าแห่งวิสัยทัศน์ นักธุรกิจ และนักนวัตกรรมแห่งยุคอยู่แล้ว และชัดเจนว่าโควิดทำให้สองราชาแห่งอุตสาหกรรมโลกยิ่งผงาดแบบตีคู่สูสี!
1
เจฟฟ์ เบโซส สร้าง Amazon มากับมือจนกลายเป็นอาณาจักรแห่งนวัตกรรมการค้า ที่ขับเคลื่อนด้วย Cloud ที่ใหญ่สุดในโลก และ AI ขณะที่อีลอน มัสก์ เดินหน้าโปรเจ็กต์อวกาศของ SpaceX อย่างดุเดือด ซึ่งเสริมศรัทธาให้ Tesla ยานยนต์ไฟฟ้ามูลค่าตลาดสูงสุดของโลก และโครงการสุดล้ำอื่นๆ บนพื้นโลก เหมือนแต่ก็ต่าง และนี่คือความต่างที่น่าสนใจมากทั้งด้านอุปนิสัยส่วนตัวและในฐานะผู้นำ
- ชอบเก็บเงียบ VS ชอบประกาศ
ทั้งสองใช้วิธีสื่อสารวิสัยทัศน์และเป้าหมายของตัวเองต่างกันโดยสินเชิง เจฟฟ์ สงวนถ้อยคำกว่า อีลอน แต่เหตุผลอาจไม่ใช่แค่เรื่องนิสัย เพราะจุดมุ่งเน้นหนึ่งเดียวของ Amazon คือ ลูกค้า ซึ่งการจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีเลิศ คุณไม่ได้ต้องเอิกเกริก แค่ต้องเฝ้าจับตาลูกค้าและเร็วกว่าคู่แข่ง แต่จุดมุ่งเน้นของ อีลอน คือ นวัตกรรมล้ำโลก และเขาชอบที่จะประกาศอย่างอหังการในทุกช่องทาง เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้าในอนาคต รวมถึงทุนรอนและทรัพยากรต่างๆ ทั้งที่เป็นตัวเงินและคน แต่ขนาดว่าเป็นโปรเจ็กต์อวกาศเหมือนๆ กัน ก็ยังเดินหมากคนละแบบ ปี 2000 เจฟฟ์ก่อตั้งบริษัท Blue Origin ของเขาขึ้นมาเงียบๆ จนทุกวันนี้ บางคนก็ยังไม่รู้เลยว่านี่คือภารกิจหนึ่งของเจ้าพ่อแอมะซอน ขณะที่ตอนก่อตั้ง SpaceX ในปี 2002 อีลอนประกาศอึกทึกให้โลกรู้ว่า จะพาคนไปอยู่บนอาณานิคมดาวอังคาร แถมราคาค่าเดินทางเสร็จสรรพว่า อาจไม่ถึงครึ่งล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะเรื่องใด เบโซสดูจะสนุกกับการทดลองและเรียนรู้เงียบๆ มากกว่า
1
- ใส่ใจเรื่องกิน-นอน VS งานมาก่อนทุกอย่าง
เจฟฟ์ เบโซส พยายามเลี่ยงไม่ประชุมตอนเช้ามากๆ เพื่อจะได้กินมื้อเช้าที่มีประโยชน์แบบไม่ต้องรีบ และต้องไม่ใช่อาหารเช้าสำเร็จรูปไขมันเพียบแบบที่คนอเมริกันทั่วๆ ไปชอบกินกัน เล่าต่อกันมาว่า ตอนยังไม่หย่ากับภรรยา แมคเคนซี เบโซส เขาชอบใช้เวลาตอนเช้ากับครอบครัวและลูกๆ ทั้งสี่ เจฟฟ์ใส่ใจอาหารเช้ากระทั่งลือกันว่า ระหว่างประชุมช่วงเช้าครั้งหนึ่ง เขาสั่งมื้อเช้าหรูหราจัดเต็มที่ประกอบด้วยปลาหมึกจากเมดิเตอเรเนียน เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่ง เบคอน กรีนการ์ลิกโยเกิร์ต และไข่ดาวน้ำ มากินไปด้วย
ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแอมะซอน อาณาจักรการค้าดิจิทัลอันดับ 1 ของโลก ยังห่วงเรื่องนอนมาก ๆ และเคยบอกไว้ว่า การนอน 8 ชั่วโมงเต็มๆ สำคัญต่อการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ของผู้บริหารระดับสูงอย่างเขามาก ″การนอนกับไม่ได้นอนแปดชั่วโมงมีผลต่างกันมากสำคัญผม…จำนวน [8 ชม.] ชั่วโมงทำให้รู้สึกมีแรงและตื่นตัว” เบโซส เคยบอกกับ Trive Global
ส่วนคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องเร็วเข้าว่า อีลอน เคยเปิดเผยว่า เขาไม่ค่อยกินอาหารเช้า ถ้ากินก็กินแค่ช็อคโกแลต Mars สักแท่ง จนถึงกับมีการล้อขำๆ ว่า ก็เหมาะแล้วสำหรับชายที่คิดว่าตัวเองอยู่ไหนก็ได้ กระทั่งบนดาวอังคาร "ผมก็พยายามจะลดของหวานๆ อยู่นะ ผมควรจะกินไข่กวนกับกาแฟมากกว่า" เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ และว่ากันว่า เขามักจะ "สูด" อาหารอะไรก็ตามแต่ที่ผู้ช่วยยกมาให้หมดในเวลาแค่ 5 นาที ส่วนมื้อเย็นที่ว่าเน้น ก็มักกินไปทำงานไปอยู่ดี
1
ไม่เกิน 6 ชั่วโมง คือตัวเลขการนอนของผู้บริหาร Tesla เขายังถึงกับเคยเล่าว่า เขาจะมีถุงนอนอยู่ในห้องประชุมใกล้ๆ สายพานการผลิตของ Tesla เพื่อจะได้ตรวจดูชิ้นงานที่เสร็จออกมาได้ แถมยังชอบทวีตแผนฟุ้งฝันอะไรดึกๆ ดื่นๆ ตีหนึ่ง ตีสอง อีลอนขึ้นชื่อเรื่องนอนน้อยจนสื่อด้านสุขภาพมากมายเอานิสัยการนอนของเขาไปวิเคราะห์เจาะลึก และออกมาเตือนกันคึกโครมว่า เขาอยู่ในจุดสุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพ จะโทรมน้อยกว่านี้และจะเฉียบคมกว่านี้มาก ถ้าใส่ใจเรื่องการนอนให้มากขึ้น
- ชอบฟัง VS ชอบควบคุมใกล้ชิด
เจฟฟ์ เบโซส ชอบเป็นคนพูดคนสุดท้ายในที่ประชุม ที่เขาชอบฟังคนอื่นพูดก่อนก็เพราะไม่อยากให้ความคิดเห็นของเจ้าขององค์กรอย่างเขาไปมีอิทธิพลกับคนอื่นๆ ชอบที่จะให้ทีมที่เขาเลือกสรรแล้วปลดปล่อยความคิดพรั่งพรูออกมา "ในบริษัทใหญ่ๆ คุณควรมีหลายๆ เส้นทางเพื่อไปสู่คำตอบหนึ่งคำตอบ" หลักการ "Disagree and commit" (ไม่เห็นด้วยแต่ก็เอาด้วย) จึงเป็นปรัชญาโด่งดังข้อหนึ่งของในหมู่ผู้บริหารแอมะซอน "ไอเดียนี้ดูไม่ค่อยเข้าท่าสำหรับผมเลย และผมจะพูดตรงๆ เหตุผลคือ…แต่ผมก็จะพูดว่า แต่คุณเป็นคนที่มีวิจารณญาณที่ดี งั้นเรามาลองกัน" เจฟฟ์บอกว่า เขาชอบพูดแบบนี้
ส่วนอีลอน แม้จะโด่งดังเรื่องวิธีคิดแบบ "First Principle Thinking" ที่เน้นการคิดให้ลึกไปถึงแก่นแท้ โดยไม่ใช้การเปรียบเทียบ ไม่สนว่าใครเคยสร้างหรือคิดอะไรมาก่อน และถ้าใครจะคุยกับเขาก็ต้องคุยภาษานี้ เขาถึงจะฟัง แต่การฟังของเขาดูจะมีขอบเขตมากว่า อีลอนเลือกจะเป็นผู้นำแบบจับตาใกล้ชิดทุกความเคลื่อนไหว คิดแง่หนึ่งได้ว่า รถและจรวด มีชีวิตคนแขวนอยู่ เขาจึงเลือกที่จะควบคุมแบบไม่ละสายตา อีลอนพร้อมจะบอกระงับการตัดสินใจหรือการดำเนินงานบางอย่างทันที ถ้าเขาคิดว่ามันผิด ว่ากันว่านั่นเป็นเหตุให้ ทีมงานของมัสก์มี "เสถียรภาพ" น้อยกว่าเพราะแรงกดดันหนักหน่วงที่ต้องเผชิญ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่เหมือนกันมาก คือ จิตวิญญาณของนักจับผิดตัวเอง
1
ภายใต้หลักการคิดแบบ "Critical thinking" ที่ทุกคนควรมี ประกอบด้วยทักษะสำคัญยิ่งประการหนึ่ง คือ การรู้ว่าอะไรคือความผิดพลาด ไม่เข้าท่า ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบมาพากล และนั่นคือทักษะที่ผู้นำที่จะสร้างนวัตกรรมและความมั่งคั่งยั่งยืนได้อย่างแท้จริงจะต้องมี "ผมมองหาข้อผิดพลาดอยู่เสมอ เพื่อทำให้ดีขึ้น…ผมคิดอย่างใคร่ครวญมากๆ" มัสก์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เพราะการมองเจาะข้อผิดพลาดอย่างไม่คลาดสายตา คือ แรงผลักดันมหาศาลให้แก่ Tesla เบโซส เองก็เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เขาสังเกตเห็นว่า คนที่ฉลาดที่สุดจะทบทวนความเข้าใจของตัวเองเสมอ หมั่นเอาปัญหาที่คิดว่าเจอทางออกแล้วมาคิดทบทวนใหม่ คุณล่ะ คิดว่าผู้นำแบบไหนโดนใจ (หรือเร้าใจ) คุณมากกว่า?
1
ข้อมูลจาก
https://www.forbes.com/.../leading-like-jeff-bezos-or.../
...
https://www.scmp.com/.../weird-eating-habits-jeff-bezos
...
https://www.inc.com/.../intelligent-minds-like-elon-musk
...
https://www.cnbc.com/.../how-many-hours-of-sleep-do
...
ภาพ
deccanherald.com
11 บันทึก
5
9
11
5
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย