3 ส.ค. 2021 เวลา 00:55 • นิยาย เรื่องสั้น
5.20. พญามัจจุราชจำแลง
ซุนแจ้ง ผู้นำตระกูลซุน - ซุนของ ซุนลอง คลื่นลมระลอกใหม่
โลซกเร่งร้อนถอนสมอออกจากท่าเรือเมืองเกงจิ๋วกลับสู่เมืองต๋องง่อทันทีที่ได้ทราบข่าวสะท้านแผ่นดินของพยัคฆ์น้อยซุนกวน บัดนี้ ภาพลักษณ์ของนายน้อย ซุนกวนคล้ายกับเสือติดปีก มีความฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ย่อมพร้อมที่จะบุกเมืองหับป๋าตามแผนต่อเนื่องที่ได้ปรึกษากันไว้แต่แรก
ส่วนตัวมันเอง ใจหนึ่ง คิดหาหนทางรับมือกับการตายของเตียวเจียว เสาหลักแห่งกังตั๋ง ปรับเปลี่ยนให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและพันธมิตรใหม่ ใจหนึ่ง คิดถึงสถานที่ซุกซ่อนของสำคัญทั้งสองชิ้นว่า ยังอยู่ดีเรียบร้อยเช่นไร เพราะมันละทิ้งไว้เนิ่นนานย่ิงนัก
ความตายของเตียวเจียวตอกย้ำถึงอันตรายที่มันกำลังเผชิญอยู่ กวนอูปากว่าเชื้อเชิญให้เป็นพี่ใหญ่ แต่ในใจคิดเห็นเป็นเช่นไร ใครจะรู้ หากแม้นมันไม่ยอมร่วมมือ คงทิ้งชีวิตไว้ที่เกงจิ๋วตามเตียวเจียวไปเปล่าๆ มันจึงจำยอมลื่นไหลไปตามน้ำเชี่ยว ตกลงร่วมมือกับกวนอู เตียวเลี้ยวไปก่อน อย่างน้อยก็เพียงพอให้ชีวิตมันรอดพ้นบ่วงมรณะครั้งนี้ไปได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะถึงเมืองต๋องง่อในยามมืดค่ำแล้ว มันยังต้องเร่งรีบเข้าสู่ห้องประชุมใหญ่ของซุนกวนก่อน บทบาทของมันในขณะนี้ คือ การแจ้งตอบรับความร่วมมือโจมตีเมืองหับป๋าจากกวนอูแห่งเกงจิ๋วให้ซุนกวนรับทราบ
จังหวะที่โลซกกำลังก้าวเดินเข้าห้องประชุมใหญ่ กลับมีเงาร่างหนึ่งเดินสวนทางมาจากอีกฝั่ง บรรจบกันที่ประตูห้องแทบจะเดินชนกันพอดี พอเงยหน้ามองให้ถนัดตา ถึงกับเป็นเตียวเจียว เสนาบดีฝ่ายบุ๋น ที่เพิ่งถูกสังหารโดยเตียวเลี้ยว เดินปัดเช็ดเสื้อผ้าที่คล้ายมีโลหิตเปียกชุ่มอยู่
“เฮ้ย ผีหลอก” ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง และสิ้นเปลืองความคิดไปมากหลายตลอดการเดินทาง โลซกจึงสะดุ้งตกใจอย่างรุนแรง นึกไม่ถึงว่ายามค่ำคืนเพิ่งกล้ำกรายมา ก็ปรากฏฝีสางให้เห็นได้แล้ว ถึงกับหลุดปากพูดคุยกับปีศาจที่อยู่ตรงหน้า “ท่านเพิ่งตายหยกๆ ถึงกับเป็นปีศาจมาหลอกหลอนกันเลยรึนี่”
เตียวเจียวทำสีหน้ามึนงง ก้มลงมองดูตนเอง พลันนึกขึ้นได้ เลยแย้มยิ้มชี้แจง “มิได้ๆ ท่านโลซก ตัวเราแก่ชรา มือไม้อ่อนแรง กลับทำสุราโลหิตจากต่างแดนหกรดใส่เสื้อผ้าตนเอง จนเปรอะเปื้อนไปหมด เลยต้องออกไปเช็ดล้างกลิ่นคราบสุราเท่านั้นเอง ไม่ใช่ปีศาจที่ไหนดอก”
โลซก ควบคุมสติได้ สังเกตว่า ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ผีสางแน่แล้ว กลับขบคิดต่อไป “หรือว่าเป็นฝ่ายใดปลอมตัวมาอีก” ทางหนึ่ง แสร้งเสียหลักลื่นล้มเข้าหาตัวเตียวเจียว ทางหนึ่ง ใช้มือลอบดึงหนวดเคราฝ่ายตรงข้ามเสียเต็มแรง จนเตียวเจียวร้องโอดโอย แต่ไม่กล้าเอาผิดกับเสนาบดีฝ่ายบู๊ ผู้ทรงอำนาจได้
“มิใช่หนวดเคราปลอม หรือว่า เตียวเลี้ยวเองที่มีปัญหา จัดหาหัวคนอื่นมาหลอกลวงพวกตน” โลซกประเมินสถานการณ์ต่อไป จะทำเช่นไรให้เกิดผลดีต่อตนเองเป็นสำคัญ พันธมิตรแห่งฟากฟ้านั่น คงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้นไปอีกแล้ว
โลซกรีบกลบเกลื่อนพิรุธ แล้วชักนำเตียวเจียวเข้าสู่ห้องประชุม ไม่ทันสังเกตสีหน้าของเตียวเจียวที่บิดเบี้ยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ภายในที่ประชุมทหารวันนี้ ถือว่าเป็นการประชุมชุดใหญ่ ประกอบด้วยฝ่ายบู๊ อันได้แก่ โลซก เสนาบดีฝ่ายบู๊ กำเหลง จิวท่าย ลิบอง พัวเจี้ยง เล่งทอง ฝ่ายบุ๋น อันได้แก่ เตียวเจียว เสนาบดีฝ่ายบุ๋น โกะหยง จูกัดกิ๋น และฝ่ายตระกูลซุน ได้แก่ ซุนของ ซุนลอง น้องทั้งสองคนของซุนกวน คงขาดก็เพียง ลกซุน ที่ยังไม่กลับมาจากภารกิจเท่านั้น
เมื่อโลซกรายงานสถานการณ์ทางฝ่ายเกงจิ๋วเสร็จเรียบร้อย ซุนกวนสอบถามอีกเล็กน้อย จึงสั่งการให้จัดกองทัพใหญ่สิบหมื่น มุ่งหน้าจากเมืองชีสอง เข้าโจมตีเมืองหับป๋าในอีกเจ็ดวันข้างหน้า โดยซุนกวนจะเป็นผู้นำทัพไปด้วยตนเอง ให้จูกัดกิ๋นเป็นกุนซือใหญ่ประจำทัพ ร่วมกับขุนพลกุนซืออีกจำนวนมาก เว้นแต่โลซก เสนาบดีบู๊ กับโกะหยงให้อยู่รักษาการเมืองต๋องง่อแทน และขุนพล กำเหลง จิวท่าย เล่งทอง ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาจากเมืองอ้วนเซีย ก็ให้อยู่พักรักษาตัวไปก่อน
การที่โลซกที่เป็นถึงเสนาบดีบู๊ แต่ไม่ได้ออกศึกรบนั้น ไม่ได้ถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับวิถีแดนใต้แต่อย่างใด เพราะตั้งแต่ศึกเซ็กเพ็กเป็นต้นมา การประชุมก่อนรบจะเกิดขึ้นเพื่อหยั่งท่าทีความพร้อม และความมุ่งมั่นของแต่ละคน
หากคนใดคัดค้านไม่เห็นด้วยในการศึก ก็จะได้รับหน้าที่ดูแลรักษาเมือง คนใดสนับสนุนการรบจึงจะได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งทัพอันสำคัญ แต่เดิม จิวยี่ เคยทำไว้เป็นแนวทางได้อย่างน่าสนใจ ครั้งนี้ ซุนกวนจึงนำมาประยุกต์ใช้เช่นกัน
ค่ำคืนนั้น โลซกพยายามเก็บเกี่ยวข้อมูลออกมาจากที่ประชุมทหารครั้งนี้มาให้มากที่สุด เพื่อทำร่างแผนการรบลงในแผ่นกระดาษใบเล็กใบเดียว จัดส่งให้กับพันธมิตร กวนอู ทางพิราบสื่อสารที่ใช้งานอยู่เป็นประจำ แต่การสื่อสารครั้งนี้ นับว่า สำคัญต่อจังหวะชีวิตของมันยิ่งกว่าครั้งใดๆ เพราะหากถูกจับได้ ก็คือ ข้อหากบฏ สถานเดียว
มันขบคิดไม่กระจ่าง หัวของเตียวเจียวที่เตียวเลี้ยวนำมาแสดงต่อกวนอูนั้น เป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่ แต่ศึกครั้งนี้ ซุนกวนขาดขุนพลฝีมือดีไปหลายคน และยังไม่ประสานเชื่อมโยงกับขุมกำลังตระกูลซุนที่เพิ่งเปิดตัวไปหยกๆ จึงนับว่า เป็นช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุด กอปรกับการที่มันได้ทำหน้าที่รักษาการแทนที่เมืองต๋องง่อ หากจะลงมือ ก็สมควรจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว หลังจากนี้ไป เกรงว่าจะสายเกินไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น โลซกโดยสารรถม้าประจำตำแหน่ง พร้อมองครักษ์จำนวนหนึ่ง เดินทางมุ่งหน้าสู่สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของดินแดนกังตั๋ง สถานที่ที่มันควบคุมการก่อสร้างด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ ที่มีนามว่า หอส่องศึก หอคอยริมฝั่งแม่น้ำไต้กัง ที่ตั้งของอนุสาวรีย์ซุนเซ็ก - ไต้เกี้ยว ในเมื่อใกล้จะออกทัพจับศึก การมากราบไหว้สักการะเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คน ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสายตาบุคคลทั่วไป
ภายในหอสูงหลายชั้นนั้นเอง ณ ตำแหน่งประธานชั้นบนสุด ยังมีรูปปั้นของซุนเกี๋ยน ต้นสกุลผู้ก่อสร้างรากฐานสำคัญในดินแดนทางใต้ให้กับตระกูลซุน สร้างขึ้นในท่านั่งบนเก้าอี้ใหญ่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า โลซกจัดทำพิธีเซ่นไหว้ด้านล่างตามธรรมเนียมปฏิบัติ และสั่งการให้ทั้งหมดรอคอยเพียงนอกประตูใหญ่ แล้วเดินขึ้นมาบนหอสูงตามลำพัง ทรุดตัวคุกเข่าลงคารวะต่อรูปปั้น
จนเมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้คนแล้ว จึงค่อยล้วงนกพิราบสื่อสารออกจากอกเสื้อ ปล่อยออกไปทางหน้าต่าง เพียงพ้นผ่านชั่วอึดใจ นกพิราบก็จะบินข้ามแม่น้ำกว้างใหญ่ นำความลับทางทหารชิ้นสำคัญมุ่งสู่เป้าหมาย ยากแก่การถูกสังเกตพบพิรุธใดๆ
จากนั้น โลซกจึงเดินอ้อมไปทางด้านหลังเก้าอี้ใหญ่ที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง แล้วใช้มีดสั้นกรีดเซาะร่องจางๆบนลวดลายของเก้าอี้จนเกิดเป็นช่องเล็กๆ ค่อยงัดแผ่นไม้ออกอย่างระมัดระวัง ล้วงหยิบเอาห่อผ้าใบน้อยออกมา ภายในห่อผ้าบรรจุกล่องอัญมณีขนาดเล็กบรรจุตราหยกประจำแผ่นดิน และป้ายประจำตัวของเล่าปี่ เอาไว้ เนื่องจากสิ่งของสองสิ่งนี้มีคุณค่าไม่น้อย แต่ต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม โลซกจึงสู้อุตส่าห์สิ้นเปลืองเรี่ยวแรง สร้างที่ซ่อนลึกลับเอาไว้เก็บรักษาไว้ต่างหาก
โลซกเก็บซ่อนของสำคัญไว้ในอกเสื้อ แล้วค่อยปกปิดร่องรอยเก้าอี้ไม้กลับคืนสู่สภาพเดิม และขยับจะก้าวเดินลงจากหอคอยด้วยท่าทีปกติ แต่แล้ว ด้านหลัง กลับปรากฏเสียงดังทึบที่ต้นคอ แล้วมันก็หมดสติลงไปในทันที
เสียงโครมดังสนั่นพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดจากแรงกระแทก โลซกฟื้นขึ้นจากการหมดสติ รับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มันกำลังจะจมน้ำ สัญชาตญาณทำให้มันพยายามขยับตัวดิ้นรน แต่เหมือนตนเองจะถูกกระชากเสื้อออกมามัดรั้งแขนตัวเองไว้อย่างแน่นหนา จนขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้ กวาดตามองดูรอบๆ คล้ายกับเป็นบ่อน้ำดื่มขนาดใหญ่ ด้านหลังหอส่องศึกนั่นเอง
มันพยายามถีบเท้าพยุงร่างตนเอง หรือแม้แต่กางขายันตัว แต่ก็ทำได้ไม่นานนัก นี่คงเป็นวาระสุดท้ายของมันแล้ว มันเริ่มสำลักน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาเลื่อนลอย และร่างกายค่อยๆจมลงไปเบื้องล่างอย่างช้าๆ
“ตัวท่านผิดที่มีหยกติดตัว จึงต้องรับชะตากรรมเช่นนี้ หากมิเช่นนั้นแล้ว เราคงเพียงจับตัวท่านไปสำนึกผิดกับท่านซุนกวน” เสียงคุ้นหูดังมาจากปากบ่อน้ำ ภาพสุดท้ายที่โลซกมองเห็น คือ ใบหน้าเรียบเฉยของกุนซือพยัคฆ์คะนอง ลกซุน หนึ่งบุ๋นแห่งกังตั๋ง ปรากฏขึ้นที่ด้านบน
โลซก นักการเมืองวานิชผู้ยิ่งใหญ่ เสาหลักแห่งกังตั๋ง ผู้เป็นพี่ใหญ่ในพันธมิตรแห่งฟากฟ้า กลับถูกลอบสังหารตายไปอย่างงมงายเช่นนี้เอง
ศพของโลซกอยู่ในสภาพเปียกโชก ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ทำร้าย คล้ายคนพลาดพลั้งตกบ่อน้ำตายไปเอง ถูกค้นพบโดยกลุ่มองครักษ์ที่ติดตามไปด้วย และทั้งหมดช่วยกันนำซากร่างกลับมารายงานต่อซุนกวนเป็นการลับ เพื่อปกปิดข่าวร้ายไว้ชั่วคราว ทำให้ซุนกวนต้องเรียกประชุมคนที่ไว้วางใจที่ห้องหนังสือส่วนตัวของตนเองเป็นการด่วน
ซุนกวนนั่งอยู่เป็นประธาน ด้านขวามีซุนของ ซุนลอง น้องชายทั้งสอง ด้านซ้าย เป็นเตียวเจียว ลกซุน ตามศักดิ์ฐานะของลกซุนที่เป็นตัวแทนสหพันธ์การค้าพยัคฆ์หยก และผลงานความสามารถของมัน ทำให้มันเป็นบุคคลสำคัญที่ “ไว้วางใจได้” คนหนึ่งของซุนกวน หากจะมีส่วนเกินความคาดหมาย ก็คงเป็นเตียวเจียว เสนาบดีฝ่ายบุ๋น ที่เพิ่งมาถึงในภายหลัง
เมื่อครบองค์ประชุมแล้ว ลกซุนจึงประคองส่งแผ่นกระดาษที่ขีดเขียนข้อความทางทหารด้วยลายมือของโลซกให้กับซุนกวน
“หลังจากที่ท่านจัดฉากให้โลซกหลงเชื่อแล้ว มันก็ถึงกับลอบส่งข้อมูลความลับทางทหารให้กับกวนอูจริงดั่งคาด ข้าน้อยตามสะกดรอยไปตลอดทาง จนสามารถดักจับพิราบสื่อสารไว้พร้อมหลักฐานชัดเจน แต่เสียดายที่ทำให้มันรู้ตัวเสียก่อน มันคงเกรงกลัวความผิด จึงโดดลงบ่อน้ำฆ่าตัวตายไปเอง ข้าน้อยจึงไม่เปิดเผยตัวในที่เกิดเหตุ ปล่อยให้เหล่าองครักษ์ตามหาไปจนพบซากศพในบ่อน้ำกันเอง” ลกซุนรายงาน แต่ปกปิดเรื่องตราหยกกับป้ายประจำตัว และสาเหตุการตายที่แท้จริงของโลซก
ซากศพของโลซกถูกวางไว้กลางห้องหนังสือ แน่นอนว่า เป็นการตายจากการจมน้ำอย่างแท้จริง แสดงว่า ลกซุนได้จัดแจงแต่งเรื่อง ลอบฆ่าโลซก เพื่อชิงของสำคัญเอาไว้เสียเองแล้ว
ภายในใจซุนกวนยังรู้สึกไม่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่อย่างไร คนร้ายก็ได้ตายไปแล้ว จึงได้แต่พยักหน้ารับเรื่องไว้อย่างเงียบงัน การตายของโลซกอาจจะส่งผลกระทบต่อศึกใหญ่ที่เพิ่งสั่งการออกไปเมื่อคืน
เตียวเจียวเหมือนรู้ใจ จึงรีบกล่าวเสริมขึ้น “การตายของโลซก ไม่จำเป็นต้องเผยแพร่ตามความเป็นจริง หลังจากการศึกผ่านพ้นไป เพียงประกาศว่า โลซกป่วยตายกระทันหัน และแสร้งส่งเสริมอุ้มชูทายาทให้รับตำแหน่งราชการต่อไป ก็จะไม่มีผลร้ายทางการเมืองแต่อย่างใด ตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายบู๊ที่ว่างลง อาจรั้งรอไว้ก่อน ก็ให้ลิบองรักษาการไปพลางๆ ส่วนเครือข่ายอื่นๆที่อาจเชื่อมโยงกับโลซกนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อยกับลกซุน ค่อยๆจัดการริดรอนออกไปก็ได้”
ความขัดแย้งระหว่างนายทหารเลือดเก่าสายโจรสลัด กำเหลง จิวท่าย กับคนรุ่นใหม่ สายนักรบ ลิบอง พัวเจี้ยง ภายใต้การดูแลจัดการของเสนาบดีบู๊ โลซก หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีการผ่อนคลายลงกว่าแต่ก่อนมากแล้ว หลังจากที่มีการฝึกฝนกลุ่มนักรบโลกันต์ ทำให้ลิบอง พัวเจี้ยง ฉายแววการทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า จนกำเหลง จิวท่ายให้การยอมรับนับถือคนทั้งสองมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนับว่า ขนบธรรมเนียม และวินัยทางทหารของฝ่ายกังตั๋งเป็นระบบระเบียบยิ่งนัก
“ครั้งนี้ นับว่า ลกซุนมีความชอบใหญ่หลวง พบเบาะแสคนทรยศได้โดยบังเอิญ แถมยังเปิดโปงจับผิดได้พร้อมหลักฐานชัดเจน สมควรได้รับการยกย่องให้เป็นรองเสนาบดีฝ่ายบู๊ จะได้ช่วยกันจัดการกองทัพร่วมกับลิบอง” ซุนกวนตัดสินใจ ยกย่องหนึ่งบุ๋นแห่งกังตั๋งให้เติบโตในสายงานราชการ แทนที่จะจมปลักอยู่กับสหพันธ์การค้าต่อไป “ส่วนงานของสหพันธ์การค้า ให้ค่อยๆส่งมอบให้กับซุนลองไปดูแลแทนเถิด”
ที่แท้ ลกซุนที่หลบหนีพวกหน่วยปักษาสวรรค์ออกจากป่าไม้ด้านหลังหุบเขาละทิ้งอดีต ก็ลัดเลาะมาตามริมแม่น้ำไต้กัง เสาะหาหนทางกลับสู่เมืองต๋องง่อ จนมาถึงขบวนเรือของฝ่ายกังตั๋งที่จอดเทียบท่าอยู่ที่เมืองเกงจิ๋วในยามค่ำคืน
มันสังเกตเห็นเรือรับรองของโลซกแยกตัวออกมาจากขบวน ดูผิดปกติ จึงแอบติดตามขึ้นเรือไป จนเผอิญได้ยินการก่อตั้งพันธมิตรแห่งฟากฟ้า จากปากคำของกวนอู โลซก และเตียวเลี้ยว รวมทั้งข้อมูลเบื้องลึกที่น่าตระหนก เช่น การชิงโจมตีขุมกำลังลับ ไม่ว่าจะเป็น นิกายแสงจรัส พรรคฟ้าเหลือง และเครือข่ายสุมา ที่เตียวเลี้ยวเคยสังกัดอยู่
มันรู้สึกถึงความเร่งรีบในการขัดขวางแผนการของพันธมิตรกลุ่มใหม่ และประเมินว่า ฝ่ายกังตั๋งมีเพียงโลซกที่เข้าร่วมในขบวนการครั้งนี้ จึงเสาะหาจนพบตัวลิบอง จูกัดกิ๋นในค่ำคืนนั้น รีบบอกเล่าความจริง และช่วยกันถ่วงเวลาโลซกเอาไว้ เพื่อให้ตัวลกซุนสามารถเดินทางล่วงหน้าไปอธิบายเรื่องราวสำคัญให้กับซุนกวนก่อน และเตียวเจียวจึงเสนอให้จัดฉากทดสอบความภักดีในที่ประชุมทัพ เพื่อให้โลซกตกหลุมพราง สร้างหลักฐานมัดตัวเอง
แน่นอนว่า ลกซุนก็แปลกใจที่เตียวเจียวยังมีชีวิตอยู่เป็นปกติดี ทั้งๆที่เห็นหัวของเตียวเจียวกับตาเช่นกัน แต่เตียวเจียวกล่าวกลบเกลื่อนว่า คงเป็นกลลวงของพวกกวนอู เตียวเลี้ยว เพื่อใช้ขู่ขวัญโลซก จึงพอกล้อมแกล้มรับฟังได้อยู่
จากเหตุการณ์ความชอบในเรื่องนี้ จึงทำให้ซุนกวนพลอยละเลยความผิดที่ลกซุนเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์ที่โจโฉถล่มหุบเขาละทิ้งอดีต อันเป็นสาเหตุให้นางซุนไท่ไถ้ มารดาบุญธรรมของซุนกวนตายไปด้วย
ร่างของโลซกถูกนำออกไปจัดการตามพิธีกรรม ลกซุน ซุนของ ซุนลอง จากไปหมดแล้ว เหลือเพียงเตียวเจียวยังคงนั่งจิบชาตามลำพังกับซุนกวน ผู้นำคนปัจจุบันแห่งกังตั๋ง พลันบังเกิดหยดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม จนซุนกวนต้องลุกจากที่นั่งมากุมมือให้กำลังใจผู้เฒ่า “ลำบากท่านกุนซือมากแล้ว ผู้ตายคงเป็นพี่ชายฝาแฝดของท่านที่แฝงตัวทำงานอยู่ทางฝั่งโน้นมาเน่ินนาน ครั้งนี้ กลับพลาดท่า ถูกเตียวเลี้ยวหักหลังเข้าแล้ว”
เสียงกลไกผนังลับดังขึ้นจากตู้หนังสือ คนเล่นพิณในชุดหรูหรา ก้าวเดินมานั่งลงแทนที่ซุนกวน แล้วนักทำนายร่างทรงค่อยก้าวตามออกมานั่งลงด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ชายชราคนแรกค่อยเอ่ยปากกับเตียวเจียวก่อน
“ท่านกุนซือ ความแค้นของท่านต้องได้รับการชดใช้อย่างแน่นอน เตียวเลี้ยวบังอาจหักหลังพวกเรา ลงมือสังหารเตียวเหียน แฝดผู้พี่ของท่านไปเช่นนี้ แสดงว่า มันเปลี่ยนใจเลือกข้างฝั่งพันธมิตรแห่งฟากฟ้า นับได้ว่า เป็นศัตรูของพวกเราอย่างแท้จริงแล้ว ชีวิตของมันต้องไม่แตกต่างไปจากตันก๋ง คนทรยศเมื่อครั้งก่อน” คนเล่นพิณปลอบประโลมผู้เฒ่าเตียวเจียว แสดงว่า รับรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของสองพี่น้องอยู่ไม่น้อยเลย
“เราสองคนพี่น้อง รวมทั้งท่านพี่เตียวก๊กอีกสามพี่น้อง ล้วนสืบเชื้อสายมาจากท่านบรรพบุรุษเตียวเหลียง พวกเราสกุลเตียวกับสกุลซุน ต่างก็ได้รับสืบทอดวิชามาจากสำนักหุบเขาปีศาจ และนับถือผูกพันกันมาเนิ่นนานหลายชั่วอายุคน จนมาครั้งนี้ ท่านซุนเกี๋ยนมีปณิธานยิ่งใหญ่ ต้องการพลิกฟ้าเปลี่ยนแผ่นดิน อาศัยที่ซินแสโลกทิพย์ตรวจสอบดวงชะตา พบว่า ท่านซุนเกี๋ยน ซุนกวน พ่อลูก จะสืบทอดความย่ิงใหญ่เหนือผู้คนทั่วไป จึงสร้างรากฐานความยิ่งใหญ่ของหุบเขาปีศาจให้ปรากฏเช่นนี้ ความตายที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ย่อมเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้” เตียวเจียวย้ำเตือนความในใจ
“กาลเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนานนัก ผู้คนก็ทะยอยล้มตายไปมากมายจริงๆ ท่านกวนลอ จะให้ข้าต้องรอไปถึงเมื่อไรหรือ” คนเล่นพิณหันกลับไปไต่ถามนักทำนายด้วยชื่อแซ่ที่แท้จริง ซึ่งก็คงจะเป็นซินแสโลกทิพย์ กวนลอ แล้ว
หากมิใช่เพราะซินแสผู้นี้ทำนายได้แม่นยำเกินไป มันคงตัดใจลงมือไปหลายครั้งแล้ว การทำนายครั้งแรกพบหน้าของกวนลอ ทำให้มันได้พบกับผู้วิเศษกระเรียน จนกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมัน และจึงได้ยอมรับนับถือกวนลอเข้ามาเป็นหมอดูประจำตัว นับแต่นั้นเป็นต้นมา มันก็มีโอกาสพิสูจน์ความแม่นยำของกวนลอได้อีกหลายครั้ง จนต้องยอมเชื่อต่อคำทำนายที่เหนือความคาดหมายมาตลอด แม้แต่การถล่มเมืองอ้วนเซียครั้งล่าสุด ก็เป็นกวนลอที่ชี้แนะให้ซุนแจ้งออกโรงเคลื่อนไหวช่วยชีวิตซุนกวนได้ทันท่วงที แต่ก็คงเป็นเพราะบันทึกเล่มนั้นด้วยบางส่วน
“อีกไม่นานหรอกนายท่าน อีกไม่นาน” กวนลอหลับตานับนิ้วทบทวนดวงชะตา ฉับพลัน ร่างกายกลับสั่นเทิ้ม ตาเหลือกขึ้น มองเห็นเพียงตาขาว กล่าวด้วยเสียงแปร่งประหลาด “ดาวข่มชะตาของเจ้ายังมีพลังอยู่ หากเจ้าปรากฏตัวออกไป จะดวงตกถึงขั้นสิ้นชีพในทันที จงรอคอยต่ออีกไม่นาน ดาวข่มจักตกอับสิ้นชะตากรรม แล้ว สำนักหุบเขาปีศาจจะฟื้นคืน สกุลซุนจะได้เป็นราชันย์ครองแผ่นดิน”
คนเล่นพิณคล้ายยังขุ่นข้องใจที่ยังคงถูกห้ามปรามอีกครั้ง แต่กวนลอชิงหลับตาทำคอพับนิ่งเงียบไปแล้ว แสดงว่า คำทำนายสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ มันจึงได้แต่ทำตาขวางใส่ซุนกวนที่ยังยืนสงบเสงี่ยมอยู่เบื้องหน้า
“หลงเหลือเพียงโจโฉ เล่าเหียบ (ชื่อเดิมของกษัตริย์เหี้ยนเต้) เล่าปี่ ขวางทางเจ้าอยู่เบื้องหน้า จงขยับขยายดินแดนกังตั๋งออกไปทางฟากฝั่งนั้น โน้มน้าวจิตใจคนให้มาภักดีกับฝ่ายเราให้มากขึ้น” ชายชราสั่งการเสียงกร้าว “เร่งกำจัดเตียวเลี้ยว ทำลายพันธมิตรแห่งฟากฟ้า ล้างแค้นแทนเตียวเหียน กุนซือของพวกเรา อ้อ อีกประการหนึ่ง อย่าเพิ่งไว้วางใจลกซุนจนเกินไป ข้ายังสงสัยใจในบางเรื่องราวของมันอยู่”
“ขอรับ ท่านพ่อ” ซุนกวนก้มหน้ารับคำ ในขณะที่เตียวเจียวน้ำตารินไหล คารวะขอบคุณไม่หยุดยั้ง กลับไม่มีใครทันสังเกตเห็นกวนลอที่ลอบถอนหายใจอย่างแช่มช้า
ท่านพ่อของซุนกวน ย่อมหมายถึง ซุนเกี๋ยน ต้นสกุลซุนผู้สร้างรากฐานแดนใต้ เดิมที เตียวเจียวเคยใส่ร้ายป้ายสีว่า ซุนเกี๋ยนถูกฝ่ายเล่าเปียวลอบสังหาร แต่ที่จริงนั้น เป็นเตียวเจียวล่อลวงคนไปให้เตียวหยุน ประมุขพรรคฟ้าเหลือง และกลุ่มสัตตดารา รุมสังหาร ซึ่งนั่นเป็นเรื่องราวที่น้อยคนนักจะได้ล่วงรู้
ส่วนเตียวเจียวเอง เคยได้ชื่อว่า เป็นสายลับให้กับพรรคฟ้าเหลือง โดยอ้างว่า เตียวล่อแห่งฮันต๋ง คือ ประมุขพรรค แต่เหตุไฉน ซุนกวนจึงยังคงกล้าใช้งานเตียวเจียวในตำแหน่งสูงส่งเรื่อยมา และครั้งนี้ ก็มานั่งเป็นหนึ่งในที่ประชุมเฉพาะคนไว้วางใจเสียด้วย ไม่ว่า ฝ่ายเล่าเปียว หรือ พรรคฟ้าเหลือง จะเคยมีคดีความกับซุนกวน แต่น่าแปลกใจที่ซุนกวนไม่เคยหยิบยกเรื่องนี้มาใส่ใจเอาความ แสดงว่า เรื่องนี้สมควรมีเบื้องหลังอยู่บ้าง
ที่จริงนั้น ซุนเกี๋ยนมีพี่ชายฝาแฝดเช่นกัน นามว่า ซุนเฉียง เป็นผู้นำตระกูลซุน ต่อจากซุนจง ผู้เป็นบิดา ดูแลสืบทอดทรัพย์สินและกิจการของตระกูล ซึ่งก็รวมถึงสำนักหุบเขาปีศาจด้วย ในขณะที่ซุนเกี๋ยนออกหาประสบการณ์ในหน้าที่ราชการ จนภายหลังถูกคนรุมสังหารตาย และ ซุนเฉียง ผู้นำตระกูล ก็พลอยป่วยตายไปอีกคน ทางสายราชการ จึงเป็นซุนเซ็ก บุตรชายสืบทอด ทางสายกิจการ จัดการให้ซุนแจ้ง น้องชายรับช่วงต่อ
ตรงจุดนี้ คล้ายเป็นเงื่อนงำสำคัญ หรือว่า ที่แท้ ซุนเกี๋ยนคิดการใหญ่ ส่งฝาแฝดซุนเฉียงเข้าไปตายแทน เพื่อตนเองจะได้สวมรอยฮุบทรัพย์สินก้อนโตของตระกูล และเป็นทุนทรัพย์ในการก้าวลงสู่ขบวนการใต้ดินอันยิ่งใหญ่
ตอนนี้ ซุนเกี๋ยน เจ้าพ่อคนดัง ต้นสกุลซุนแห่งดินแดนกังตั๋ง ยังไม่ตาย ซ้ำยังเปิดทางให้ภรรยาตนเองอยู่ร่วมกับเกียวชวนในหุบเขาละทิ้งอดีต เพื่อคงสถานะเป็นคนเล่นพิณ ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังสำนักหุบเขาปีศาจของตระกูลซุน หรือ นิกายแสงจรัส ตามความเข้าใจ (ที่ผิดเพี้ยน) ของเฒ่ากระเรียนมาโดยตลอด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา