13 ก.ค. 2021 เวลา 07:10 • นิยาย เรื่องสั้น
ตอนที่ 3 บ้านที่(ไม่)อยากอยู่
วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานตามปกติ หลังจากที่หยุดยาวมาหลายวัน แต่สำหรับเป้ยแล้วนั้น วันนี้ก็เป็นยังวันทำงานปกติ คงเพราะด้วยอาชีพของตนที่เป็นกุมารแพทย์จึงทำให้ต้องมาทำงานทุกวัน วันนี้ก็เช่นกัน ปกติแล้วงานของเป้ยก็ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการให้คำแนะนำและรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็ก แต่เคสของวันนี้กลับทำให้ชีวิตของเป้ยเปลี่ยนไป
"คุณหมอคะ ฉันควรจะทำยังไงดีคะ?"
"เดี๋ยวก่อนนะคะ ลูกของคุณแม่เป็นอะไรเหรอคะ?" เป้ยถาม
"ลูกไม่ยอมกินข้าวที่บ้านค่ะ!"
คุณแม่คนหนึ่งเข้ามาปรึกษากับหมอเป้ยเรื่องที่ลูกของตนไม่ยอมกินอาหารที่บ้าน
"คุณแม่ทำกับข้าวไม่ถูกใจน้องหรือเปล่าคะ ลองถามน้องดูว่าชอบทานอะไรหรือเปล่า?"
"ฉันเคยถามแล้วค่ะ เขาก็ตอบว่า "ทานอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อาหารที่แม่ทำ" นี่มันหมายความว่าไงคะ?"
"อืม น้องอาจจะไม่ชอบอาหารฝีมือคุณแม่ก็ได้นะคะ ลองซื้ออาหารข้างนอกบ้านมาทานแทนดูสิคะ" เป้ยให้คำแนะนำ
"ค่ะ จะลองทำตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ ขอบคุณมากค่ะ"
หลายวันต่อมา
หลังจากที่ให้คำปรึกษาไปวันนั้น ผู้หญิงคนเดิมก็กลับมาหาเป้ยอีกครั้งหนึ่ง
"อ้าว! สวัสดีค่ะคุณแม่ เป็นยังไงบ้างคะ?"
"คุณหมอคะ ฉันลองทำตามที่คุณหมอแนะนำดูแล้วนะคะก็พอช่วยได้นิดหนึ่งค่ะ แต่ว่าลูกก็ไม่ยอมกินข้าวในบ้านอยู่ดีค่ะ เขามักจะนำอาหารที่ฉันซื้อมาไปกินหน้าบ้านค่ะ ลูกของฉันป่วยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?"
"ใจเย็นก่อนค่ะ น้องเขาอาจจะไม่ชอบบรรยากาศภายในบ้านหรือเปล่าคะ? ก็เลยมักจะไปทานที่หน้าบ้านแทน"
"แล้วฉันควรจะแก้ปัญหายังไงดีค่ะ?"
"ตอนนี้คุณแม่ก็ลองเปลี่ยนมาทานอาหารที่หน้าบ้านไปสักระยะหนึ่งก่อนนะคะ นาน ๆ ไปน้องก็อาจจะเบื่อแล้วกลับมาทานข้างในบ้าน"
เป้ยพยายามที่ให้คำแนะนำที่ดีที่สุดไป เพราะเป้ยคิดว่าเด็กอาจจะไม่ชอบอยู่ในบ้านเพราะบ้านอาจจะเล็กเลยรู้สึกอึดอัด จากนั้นก็ผ่านมาหลายวัน ผู้หญิงคนเดิมก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
"เป็นอย่างไรบ้างคะ น้องกลับเข้ามาทานอาหารข้างในบ้านหรือยังคะ?" เป้ยถาม
"ยังเลยค่ะ ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่วันลูกฉันก็ไม่มีท่าทีจะกลับเข้ามากินข้าวข้างในเลยค่ะ"
ไม่ว่าเป้ยจะแนะนำวิธีไหนไป ปัญหาเดิมก็ไม่ถูกแก้ไขสักทีจนบางครั้งเป้ยก็รู้สึกจนมุม
"เอาอย่างนี้นะคะ เดี๋ยวอีกสองวันหนูจะลองไปหาน้องที่บ้านนะคะ หนูจะลองไปคุยกับน้องดูค่ะ"
"จริงเหรอคะ!? ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวฉันให้ที่อยู่ไปนะคะ"
จากนั้นสองวัน เป้ยก็ไปที่บ้านหลังนั้น พอไปถึงก็พบว่าบ้านหลังนั้นเป็นห้องแถวสองชั้นสภาพไม่เก่ามาก เป้ยค่อย ๆ เดินไปที่ประตูรั้วบ้านเพื่อเรียกให้คนข้างในออกมาเปิดประตูรั้วให้ หลังจากตะโกนเรียกไปสักพัก ผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกมาเปิดประตูให้
"สวัสดีค่ะคุณหมอ พอดีฉันกำลังซักผ้าอยู่หลังบ้านค่ะ ก็เลยไม่ได้ยิน"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ว่าแต่... น้องอยู่บ้านหรือเปล่าคะ?"
"ตอนนี้ไม่อยู่หรอกค่ะ ออกไปเล่นข้างนอก สักพักก็คงกลับค่ะ คุณหมอนั่งรอก่อนนะคะ"
จากนั้นเป้ยก็นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ส่วนคุณแม่ก็เดินไปหลังบ้านเพื่อซักผ้าต่อ ภายในห้องรับแขกมีรูปภาพแขวนเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นภาพวาดคน ภาพเหล่านั้นทำให้เป้ยรู้สึกแปลก ๆ ตลอดเวลาเหมือนกับว่าถูกคนหลาย ๆ คนจ้องอยู่ตลอดเวลา
หลังจากซักผ้าเสร็จ คุณแม่ก็เดินมานั่งคุยกับคุณหมอ
"ขอโทษนะคะคุณหมอ ที่ฉันปล่อยแขกไว้คนเดียว"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ว่าคุณแม่มีภาพวาดคนเยอะจังเลยนะคะ คุณแม่ชอบภาพแนวนี้เหรอคะ?" เป้ยถาม
"ใช่ค่ะ เวลาฉันมองรูปพวกนี้แล้ว ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นดีค่ะ เหมือนกับว่าบ้านหลังนี้มีคนอยู่เยอะค่ะ"
"อย่างนั้นเหรอคะ? ...แต่สำหรับหมอแล้ว หมอคิดว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมน้องถึงไม่ชอบทานอาหารหรือเปล่าคะ? แบบว่ารู้สึกอึดอัดน่ะค่ะ"
"คุณหมอคิดอย่างนั้นเหรอคะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉันก็จะได้เอารูปพวกนี้ไปเก็บ"
"หมอคิดว่าหลังจากนี้ น้องเขาก็น่าจะกลับมากินอาหารข้างในบ้านแล้วล่ะค่ะ ...หมอคิดว่าน้องน่าจะยังไม่กลับมาในตอนนี้ หมอขอตัวกลับก่อนดีกว่า"
จากนั้นเป้ยก็ขอตัวกลับก่อนพอเดินออกมาหน้าบ้านก็เจอกับเด็กคนหนึ่งที่กำลังยืนแอบฟังอยู่
"ผมไม่ได้ไม่ชอบรูปครับ" เด็กคนนั้นพูด
"หนูว่ายังไงนะคะ?"
"ผมไม่ได้ไม่ชอบรูปครับ"
"น้องเป็นลูกบ้านนี้เหรอคะ?"
//พยักหน้า//
"อ้าว!? แล้วทำไมน้องไม่เข้าไปข้างใน? กลัวรูปเหรอคะ"
"ผมไม่ได้กลัวรูป... แต่ผมกลัวไม่อยากเข้าบ้านครับ"
"หมายความว่าไง? หมอไม่เห็นจะเข้าใจเลย?"
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้คุยอะไรต่อ แม่ของเด็กคนนั้นก็มาเรียกให้เข้าไปในบ้าน
"เก่ง! ทำอะไรอยู่น่ะ ทำไมไม่เข้ามาในบ้านสักที"
"คุณแม่เรียกแล้วนะคะ น้องเก่ง"
"ผมไม่อยากเข้าไปครับ!"
พูดเสร็จเก่งก็วิ่งหนีไป ทำเอาเป้ยงงไปหมดว่าสิ่งที่เก่งบอกว่ากลัวข้างในบ้าน มันหมายความว่าไง
หลังจากที่เลิกงานแล้ว เป้ยก็กลับมาที่ห้องเพื่อที่จะพักผ่อน หลังจากที่เอาข้าวเก็บไปเก็บเป้ยก็เดินไปเปิดทีวีเพื่อดูละคร ขณะกำลังดูละครอยู่นั้น ก็ได้มีข่าวด่วนแทรกเข้ามา
"ข่าวด่วนนะครับ! ตอนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถที่จะคลี่คลายเหตุการณ์คนหายต่อเนื่องในบริเวณอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลกได้ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่อง หากพบเบาะแสโปรดแจ้งมาที่เบอร์..." ผู้ประกาศข่าวพูด
"น่ากลัวจัง เหตุเกิดแถวบ้านเราด้วย เมื่อไรตำรวจจะจับได้สักที"
//โทรศัพท์ดัง//
หลังจากที่วางสายจากแม่แล้ว เป้ยก็ไปอาบน้ำเพื่อที่จะเตรียมตัวนอน หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังจะนอน ก็มีใครบางคนเคาะประตูห้องของเป้ย เป้ยจึงเดินไปดูที่ช่องตาแมวพบว่าคนที่มาเคาะคือน้องเก่ง เป้ยจึงเปิดประตูให้เข้ามา
"น้องเก่งคะ มาได้ยังไงคะ?" เป้ยถาม
"พอดีผมตามคุณหมอมาจากโรงพยาบาลครับ"
"แล้วน้องเก่งตามคุณหมอมาทำไมคะ?"
"พอดี... ผมอยากจะปรึกษาคุณหมอน่ะครับ"
//เป้ยพาเก่งมานั่งที่โต๊ะกินข้าว//
"ว่าไง น้องเก่งมีอะไรอยากจะปรึกษาหมอเหรอคะ?"
"คือ... ผมไม่อยากกลับบ้านครับ"
"อ้าว? ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรกับแม่หรือเปล่า?"
"ครับ ผมมีปัญหากับแม่ครับ"
"ถ้ามีปัญหาอะไรก็เล่าให้หมอฟังได้นะ เผื่อหมอจะช่วยได้"
"คือผมก็ไม่รู้จะปรึกษาคุณหมอได้หรือเปล่านะครับ แต่ว่า... ผมไม่อยากอยู่กับแม่แล้ว"
"ทำไมล่ะ คุณแม่ไม่ดียังไงเหรอ? เราถึงไม่อยากอยู่ด้วย"
"แม่ชอบบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำครับ ผมอึดอัด"
"อืม ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เบสิคนะ พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะบังคับลูกให้เรียนในสิ่งที่ลูกไม่ชอบ หรือสร้างกฎระเบียบที่เข้มงวดจนเกินไป แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้หมอจะไปคุยกับคุณแม่ให้นะ"
"คุณหมอไปคุยยังไง แม่ก็ไม่เปลี่ยนความคิดหรอกครับ เพราะว่าแม่ไม่ได้บังคับเรื่องการเรียนหรือสร้างกฎเกณฑ์อะไร"
"แล้วคุณแม่บังคับเรื่องอะไรล่ะ?"
"แม่ผมชอบบังคับให้ผมกินสมองของคนที่แม่ผมฆ่าน่ะครับ"
"ฮะ!? อะไรนะ?"
ยังไม่ทันที่เป้ยจะได้ถามอะไรต่อ เก่งก็ฉีดสเปรย์บางอย่างใส่หน้าเป้ยจนเป้ยสลบไป เป้ยฟื้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในที่ที่แปลกตา รอบห้องมีแต่รอยเลือดและแผงแขวนเครื่องมือต่าง ๆ
"ที่นี่มันที่ไหน! แล้วมาที่นี่ได้ไง!"
พอเป้ยจะลุกขึ้นเดินก็พบว่าตัวเองถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือกติดกับเก้าอี้ ส่วนปากก็มีผ้ามัดปากอยู่ สักพักก็มีคนสองคนเดินลงมา สองคนนั้นก็คือแม่ของเก่งกับเก่ง
"อ้าว ตื่นซะแล้ว เก่ง แม่บอกแล้วไงว่าให้ใช้ยาสลบแบบเม็ด แบบสเปรย์มันอยู่ได้ไม่นาน" แม่เก่งพูด
"ขอโทษครับ" เก่งพูด
"ช่างมันเถอะ รีบมาชำแหละดีกว่า ลูกค้ามันกำชับมาเลยว่าอยากได้อวัยวะของคนที่เป็นหมอ"
จากนั้นแม่เก่งก็ไปเดินไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับชำแหละร่างกายของเป้ย ส่วนเก่งก็เดินมากระซิบข้างหูเป้ย
"คุณอาจจะสงสัยใช่ไหมครับว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ ...นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณหมอถูกผมฉีดสเปรย์ยาสลบใส่ในห้องของคุณหมอ จากนั้นผมกับแม่ก็ช่วยกันแบบคุณหมอมาไว้ที่บ้าน... ใช่ครับ... นี่คือบ้านของผม แต่เป็นชั้นใต้ดิน ส่วนเหตุผลที่ว่าคุณหมอถูกจับมาทำไม นั่นก็เพราะว่า... แม่ผมเลือกคุณหมอ ใช่ครับ... แม่ผมมีอาชีพรับจ้างชำแหละอวัยวะเพื่อส่งขายตลาดมืด ส่วนผมก็เป็นผู้ช่วย แล้วก็แม่ผมมีความโรคจิตอย่างหนึ่งก็คือ... ชอบถ่ายรูปใบหน้าคนที่ถูกชำแหละแล้วเอาไปแขวนไว้ดูเล่น แต่ตรงนั้นผมก็ไม่ได้ไม่ชอบอะไรหรอกนะ ถ้าจะรู้สึกก็แค่รู้สึกอึดอัดเฉย ๆ แต่ที่ผมไม่ชอบจริง ๆ ก็คือ ตรงที่แม่ชอบเอาสมองไปทำเป็นเป็นอาหารแล้วเอามาให้ผมกินเพราะเชื่อว่าถ้าผมกินสมองคนฉลาดแล้วผมจะฉลาดตาม"
"เก่ง! มัวยืนพูดเล่นอยู่ได้ รีบมาช่วยแม่เตรียมอุปกรณ์เร็ว!" แม่พูดเร่ง
"ครับ เดี๋ยวไป! ...ลาก่อนนะครับคุณหมอ ผมบอกแล้วผมไม่ได้กลัวรูป แต่ผมกลัว... ข้างในบ้าน"
********************
สามารถมาติดตามอ่านตอนใหม่ ๆ ได้ก่อนที่
โฆษณา