13 ก.ค. 2021 เวลา 14:52 • การศึกษา
ใครที่กำลังสนใจในการหาทุนไปเรียนต่างประเทศ หรือดูรายละเอียดการวัดผลระดับภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัย ก็มักจะเห็นการรับเกณฑ์ของ IELTS, TOEFL และในบางครั้งก็จะมีเกณฑ์ของทาง Duolingo English Test มาด้วย
แล้ว Duolingo English test คืออะไร? ในบทความนี้ ผมจะมารีวิวแบบจบครบในที่เดียวให้ฟังครับ
จัดทำโดย Canva
Duolingo English Test เป็นแพลตฟอร์มการทำข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ออนไลน์ โดยมีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยที่รองรับกว่า 1,700 แห่ง สามารถดูได้ในลิงก์นี้เลยครับ https://englishtest.duolingo.com/institutions
โดยในการสอบแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาทีและเวลารอรับผลสอบเพียงแค่ภายใน 48 ชั่วโมงเท่านั้น โดยข้อสอบประกอบไปด้วย 2 ส่วน
ส่วนที่ 1: ใช้สำหรับการวัดทักษะทั้ง 4 ส่วน ประกอบด้วยการฟัง, พูด, อ่าน, เขียน ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ส่วนที่ 2: ช่วงสัมภาษณ์ผ่านการเปิดกล้อง
ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ซึ่งสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในการสอบก็จะมี
- หนังสือเดินทาง ใบขับขี่ หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายและออกโดยส่วนราชการ
- ห้องที่เงียบจากเสียงรบกวนและมีแสงสว่างเพียงพอ
- มีเวลาว่าง60นาที
- การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เสถียร
- คอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป โดยต้องมี
1) กล้องด้านหน้า
2) ไมโครโฟน
3) ลำโพง
- และค่าสอบประมาณ 49 USD หรือประมาณ 1,600 บาท
[และคราวนี้ผมก็จะมารีวิวจากที่ผมได้สอบมานะครับ]
แต่ก่อนที่จะรีวิว ทาง Duolingo ก็มีให้ลองทำข้อสอบฟรีด้วยนะครับ ตามลิงก์นี้เลย
https://englishtest.duolingo.com/th ที่ปุ่ม "ทำการทดสอบ" หรือ "TAKE A TEST"
มารีวิวกันเลยดีกว่า!
โดยหลังจากการลงโปรแกรมพร้อมกับจัดเตรียมความพร้อมประมาณ 5 นาที ก็จะเริ่มสู่บททดสอบครับ
ในส่วนที่ 1 ที่ใช้สำหรับทดสอบทักษะทั้ง 4 ส่วน
ผมใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการทำข้อสอบ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหลายข้อ โดยแต่ละข้อก็จะมีวิธีการทำที่ไม่เหมือนกัน อย่างเช่น
- ให้เติมคำที่เว้นไว้จากชุดประโยคมาประมาณ 3-5 บรรทัด อย่างเช่น
I _ _ here too. โดย _ จะแทนกล่องที่เติมตัวอักษรได้กล่องละตัว สำหรับผม พาร์ทนี้ทดสอบได้หลายอย่างมาก ทั้ง Grammar, คำศัพท์, และการอ่านครับ
- เขียนตามคำบอกจากบทสนทนาหรือประโยคผ่านเสียงที่ให้มา สำหรับพาร์ทต้องตั้งใจฟังมาก ๆ ครับ
- ให้เลือกกล่องที่พูดภาษาอังกฤษด้วยการสะกดที่ถูกต้อง ต้องพึ่งสกิลหูทองเลยครับ ใครที่ฟังคนพูดภาษาอังกฤษบ่อย ๆ ก็จะได้เปรียบในส่วนนี้ครับ
และส่วนที่ 2 ที่จะเป็นการสัมภาษณ์ ทางโปรแกรมก็จะให้ชุดคำถามมาเพื่อเลือกตอบ 1 ข้อ โดยจะเป็นคำถามที่ค่อนข้าง Advance พอสมควร แต่ยังพอถูไถได้ครับ 555+ ซึ่งถ้าอยากให้ได้พาร์ทนี้เยอะ ๆ ก็ควรที่จะตอบไปตามที่ความเห็นของเราเลยครับ ไม่ต้องกังวลถึงแกรมมามากเกินไป (ให้เน้นเรื่องพูดคล่องมากกว่าแกรมมาครับ)
จริง ๆ ยังมีอีกแต่ทางผู้เขียนจำได้เท่านี้ครับ;-;
โดยระหว่างสอบให้ระวังในเรื่องกล้อง หากว่ากล้องไม่เห็นตัวผู้สอบก็จะมีคำเตือนขึ้น
และเรื่องเมาส์ด้วยครับ โดยพยายามอย่านำเมาส์ออกนอกขอบของตัวโปรแกรมสอบนะครับ เพราะถ้าโดนเตือนเยอะ ๆ ก็มีโอกาสโดนให้สอบใหม่เลย (คนเขียนเองก็โดนมาแล้วว T_T)
ข้อแนะนำในการเตรียมพร้อม
- จริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไรที่เป็นข้อให้เราปฎิบัติตามเป็นกฎหรอกครับ ผมเลยคิดว่าการทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ ฟัง podcast ภาษาอังกฤษ โดยที่ผมชอบฟังเลยก็คือของ KND Podcast กับ TED Talk ครับ
และอีกอย่างนึงคือการนอนพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อความปลอดโปร่งในการใช้ความคิดครับ
โดยคะแนนแบบ Overall จะมีเป็นช่วง ตั้งแต่ 0-160 คะแนน
และแบ่งออกเป็น Sub-score อีก 4 ส่วนครับ โดยจะมี
Literacy - Ability to read and write
Comprehension - Ability to listen and read
Conversation - Ability to speak and listen
Production - Ability to write and speak
โดยประเมินผลการใช้ภาษาผ่านช่วงคะแนน ดังนี้ครับ
10 – 55 คะแนน
- สามารถเข้าใจคำและวลีระดับพื้นฐานในภาษาอังกฤษ
- สามารถจัดการกับข้อมูลง่ายๆ ทั่วไป และแสดงออกมาในบริบทที่คุ้นเคยได้
60 - 85 คะแนน
- สามารถเข้าใจประเด็นหลักของการพูดหรือการเขียนเชิงรูปธรรมเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นกิจวัตร เช่น ที่ทำงาน และโรงเรียน
- สามารถบรรยายประสบการณ์ ความทะเยอทะยาน ความคิดเห็น และวางแผน แม้ว่าจะเป็นไปด้วยความงุ่มง่ามและความลังเล
90 – 115
- สามารถบรรลุเป้าหมายของการสื่อสารโดยส่วนใหญ่ แม้ว่าจะเป็นหัวข้อที่ไม่คุ้นเคย
- สามารถเข้าใจประเด็นหลักของการเขียนเชิงรูปธรรมและนามธรรมได้
- สามารถโต้ตอบกับผู้พูดภาษาที่มีความชำนาญได้อย่างง่ายๆพอควร
120 – 160
- สามารถเข้าใจความหลากหลายของภาษาเขียนและภาษาสนทนารวมถึงภาษาเฉพาะทางที่ใข้ในสถาณการณ์ต่างๆ
- สามารถเข้าใจความหมายโดยนัยหรืออุปมาอุปไมยที่ซ่อนอยู่ ในทางปฏิบัติ และในทางภาษาสำนวนโวหาร
- สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสำหรับวัตถุประสงค์ทางสังคม วิชาการ และวิชาชีพส่วนใหญ่
(ขอขอบคุณคำอธิบายจากลิงก์ https://www.siuk-thailand.com/study-guide/duolingo-english-test-uk/ ด้วยนะครับ)
โดยสรุปแล้ว ข้อดีของ Duolingo English Test
- ราคาถูกกว่าสถาบันทดสอบภาษาเจ้าอื่น ๆ ประมาณ 1,600 บาทเท่านั้น
- เป็นการสอบรูปแบบออนไลน์ จึงทำให้สะดวกมาก สอบได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา
- รอประกาศผลสอบได้ใน E-mail ของผู้สมัครภายใน 2 วัน
- เริ่มมีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยที่เปิดรับการวัดผลมากขึ้น
- สามารถเทียบคะแนนกับการสอบจากสถาบันอื่น ๆ ได้
โดยการเทียบคะแนนของ Duolingo และ IELTS
Duolingo IELTS
10 1.5
15 2
20-25 2.5
30-40 3
45-50 3.5
55-60 4
65-70 4.5
75-80 5
85-90 5.5
95-100 6
105-110 6.5
115-120 7
125-130 7.5
135-140 8
145-150 8.5
155-160 9
การเทียบคะแนนของ Duolingo และ TOEFL
Duolingo TOEFL
150-160 120
145 119
140 116-118
135 113-115
130 108-112
125 103-107
120 97-102
115 92-96
110 86-91
105 80-85
100 74-79
95 68-73
90 62-67
85 56-61
80 50-55
75 44-49
70 38-43
65 32-37
60 26-31
55 20-25
50 14-19
45 9-13
40 5-8
35 2-4
30 1
10-25 0
จบไปแล้วนะครับสำหรับรีวิว Duolingo English Test แบบจบครบในบทความเดียว
โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Official website: https://englishtest.duolingo.com/
ถ้าหากมีอะไรให้ผมปรับปรุงก็สามารถมาคอมเมนต์ฟีดแบ็กได้เลยนะครับ
-CurioCity-
โฆษณา