Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Amazing tech
•
ติดตาม
14 ก.ค. 2021 เวลา 08:30 • สุขภาพ
4 นาฬิกา สมาร์ทวอทช์ ระบบเอนดรอย ที่ดีที่สุดในปี 2021
สำหรับในยุคที่ผู้คนหันมารักสุขภาพกันมากขึ้น และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การมีนาฬิกาที่ใช้สำหรับเป็นตัวช่วยในการออกกกำลังกายนับ เป็นตัวช่วยที่ดีอย่างมากในปัจจุบัน
นาฬิกา สมาร์ทวอทช์ หลายๆค่ายได้แข่งกันผลิตนาฬิกา ออกกำลังกายออกมาให้ตอบโจทย์ผู้ออกกำลังกายมาให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นค่าย Garmin,fitbit และอย่างค่ายที่ผลิตโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว เช่น xiaomi,samsung,Apple
นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องมี ฟีเจอร์เหล่านี้ เช่น วัดอัตราการเต้นหัวใจ,มีGPS ใช้วัดระยะทาง วัดความเร็ว,การตรวจจับออกซิเจนในเลือด,sensor ตรวจจับการออกกำลังกายหลากหลายแบบ อย่าง การยกเวท การออกกำลังกายแบบ cardio
สำหรับผู้ที่ใช้ Apple watch อยู่จะรู้ดีว่า ถ้าใช้นาฬิกาเชื่อมกับโทรศัพท์ที่เป็นระบบเอนดรอย จะถูกปิดกั้นการใช้งานบางฟีเจอร์ ไม่ให้สามารถใช้งานได้ T^T ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่ใช้โทรศัพท์ของApple ใช้มั้ยครับ
งั้นเรามาดู 4 นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ที่รองรับระบบเอนดรอยที่มีฟีเจอร์รองรับ และระบบที่ดีที่สุดในปี 2021 กันเลยครับ
1. Fitbit Versa 3
สรุปฟีเจอร์เด่นๆ
1.มีช่องไมโครโฟน 2 ตัว สำหรับเอาไว้รับคำสั่งเสียงหรือใช้สนทนาสายโทรศัพท์ พร้อมทั้งยังมีลำโพงในตัวอีกด้วย
2.มีเมนูที่มีเนื้อหาาข่าวสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อเป็นข้อมูลให้ติดตามและบอกวิธีในการป้องกันตัวให้ปลอดภัย
1
3.วัดอัตรการเต้นของหัวใจ ทั้งในเวลาออกกำลังกายและเวลาพัก และยังมีตัวแบ่งโซนให้เห็นว่า หัวใจเราเต้นในระยะไหน ซึ่งมีผลต่อสุขภาพร่างกายของเรา
4.วัด SpO2 วัดค่าออกซิเจนในเลือด
5.Active Zone Minutes เป็นโหมดที่ดีมากๆ สำหรับคนที่ต้องการวางแผนเพื่อการออกกำลังกาย ระบบจะคำนวนจากข้อมูลส่วนตัวของเรา เพื่อกำหนดให้เราว่า ต้องออกกำลังกายในระดับใดบ้างเพื่อที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างเหมาะสม ซึ่งระบบของฟิตบิทจะแบ่ง Heartrate Zone สำหรับการออกกำลังกายเป็น 3 โซนด้วยกัน
-Fat Burn zone อัตราการเต้นของหัวใจในระยะที่ร่างกายจะดึงเอาไขมันที่สะสมไว้มาเผาผลาญ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก
-Cadio Zone สำหรับการออกกำลังกายเพื่อฝึกฝนกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งของร่างกาย
-Peak Zone เป็นช่วงที่ร่างกายออกกำลังกายจนถึงในระดับที่ร่างกายอาจจะรับไม่ไหว เป็นโซนที่เราไม่ควรขึ้นมาอยู่นาน โดยเฉพาะคนที่ร่างกายไม่ได้แข็งแรง
6.ระบบ GPS ออกกำลังกายกลางแจ้ง มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ(ทั้งในสระ และ Open water) ฟิตเนส,เทรนนิ่ง,คาร์ดิโอ
7.นอกจากนี้ยังใช้งานด้านอื่นๆได้อีกด้วยเช่น
-แจ้งเตือนสายโทรเข้า ซึ่งสามารถกดรับหรือวางสายจากที่นาฬิกาได้ และกดรับสายสามารถสนทนาผ่านไมโครโฟนของ Fitbit Versa 3 ได้เลย
-แจ้งเตือนข้อความ SMS, ตารางนัดหมาย, และข้อความจากแอพต่างๆ มาแสดงผลที่นาฬิกาได้ แต่มีข้อจำกัดว่า ไม่สามารถแสดงผลภาษาไทยได้
-ฟังเพลง เราสามารถใช้ควบคุมการเล่นเพลงจากตัวนาฬิกาไ้ด้ ทั้งตัวแอพ Music หลักในสมาร์ทโฟน และยังใช้ร่วมกับบริการเพลงสตรีมมิ่งได้หลายอย่าง ทั้ง Spotify, Deezer, Pandora และล่าสุดสามารถใช้กับ JOOX ได้แล้ว
-Fitbit Pay ผูกบัตรเครดิตกับระบบ แล้วใช้ในการชำระเงินด้วยการสัมผัสกับเครื่องรูดบัตรในร้านค้า ที่ตอนนี้รองรับใช้งานในไทยแล้ว
-หน้าปัดแสดงผลแบบตลอดเวลา Alway on Display และมีรูปแบบ Watch Face ให้เลือกเปลี่ยนได้มากมาย
สำหรับผู้ที่สนใจสินค้า สามารถดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ
>>>
https://bit.ly/2TaH33p
2.Samsung Galaxy Watch Active 2
1
สรุปฟีเจอร์เด่นๆ
1.หน้าจอแบบ SUPER AMOLED
หน้าจอของ Galaxy Watch Active 2 เป็นหน้าจอสัมผัสแบบ Super AMOLED ที่มีความสดใสและคมชัดมากๆ ใส่กลางแดดมองเห็นได้สบายๆ
ซึ่งปกติแล้วเราสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้หน้าจอติดเป็นเวลาเท่าไหร่ (ได้ตั้งแต่ 10 วินาที – 5 นาที) แต่เราก็สามารถตั้งค่าให้หน้าจอแสดงผลแบบ Always on ได้ด้วย
โดยเข้าไปที่เมนู Setting > Watch Faces > Watch always on ซึ่งถึงแม้ว่าหน้าจอแบบ Always on จะลดแสงสว่างลงไปกว่าปกติ และเปลี่ยนการแสดงผลบางส่วนให้เป็นสีดำ (ขึ้นกับแต่ละ Watch faces ที่ใช้) แต่ยังไงมันก็จะกินแบตเตอรี่มากกว่าการตั้งค่าปกติที่จอดับพักเป็นช่วงๆ
2.ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ที่พัฒนาโดย Samsung เอง เพราะฉะนั้นการดาวน์โหลดแอปต่างๆ มาติดตั้งก็จะต้องดาวน์โหลดผ่าน Galaxy Store ซึ่งเข้าได้จากทั้งทางหน้าจอนาฬิกา และมือถือ
ก็จะมีทั้งแอปประเภทเกมสำหรับเล่นบนนาฬิกา, แอปกดชัตเตอร์กล้อง, Browser สำหรับเข้าเว็บบนจอนาฬิกา, อัดเสียงจากนาฬิกา, ดูแผนที่ ออฟไลน์-ออนไลน์
เวลาที่มีข้อความเข้า หรือมีการแจ้งเตือนต่างๆ ขึ้นมา เราสามารถปัดหน้าจอไปทางขวาเพื่อดูได้เลยว่ามีอะไรบ้าง
และถ้าหากว่าเป็นการแจ้งเตือนจากแอปประเภท Messenger, Whatsapp หรือ LINE เราก็ใช้คีย์บอร์ดบนหน้าจอเพื่อพิมพ์ตอบไปได้เลย (บอกไว้ก่อนว่าไม่ถนัดสุดๆ)
เท่านั้นยังไม่พอ ยังรองรับ Esim ที่เป็นเหมือนโทรศัพท์พกพาที่ข้อมือเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรเข้า รับสาย ท่องอินเตอร์เน็ต ดูยูทูป ความคุ้มค่าเกินคำว่านาฬิกาไปมากครับ
3.การใช้งานด้านสุขภาพ
Galaxy Watch Active 2 ยังมีฟีเจอร์สำหรับสายสปอร์ตในการออกกำลังกาย เพราะมีฟีเจอร์ที่จะช่วยเป็นโค้ชเพื่อให้เราออกกำลังกายได้ถึง 39 แบบ
ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, ปั่นจักรยาน, ยกเวท,
ซิทอัพ, วิดพื้น หรือแม้แต่ว่ายน้ำก็ยังได้ (กันน้ำที่มาตรฐาน 5ATM และ IP68 ใส่ว่ายน้ำได้สบายๆ)
ซึ่งในระหว่างที่เราออกกำลังกายมันก็จะคอยวัดอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการวัดระยะทางด้วย GPS สำหรับการออกกำลังประเภทเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน และเมื่อจบแล้วก็จะคำนวณออกมาว่าเราเผาผลาญแคลลอรี่ไปได้ทั้งหมดเท่าไหร่แล้ว
สำหรับผู้ที่สนใจสินค้า สามารถดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ
>>>
https://bit.ly/3yVJWUV
3.Garmin Venu Sq
สำหรับนาฬิกาออกกำลังกาย Garmin ไม่มีตัวไหนที่คุ้มค่า ทั้งคุณภาพ และราคาที่คุ้มที่สุดเท่ารุ่นนี้อีกแล้ว
สรุปฟีเจอร์เด่นๆ
1.วัดออกซิเจนในเลือด หรือ Pulse ox ฟังก์ชั่นที่ Garmin มีมาก่อน Apple Watch สำหรับวัดคุณภาพการนอน
2.วัดอัตราการเต้นของหัว อัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมดูข้อมูลย้อนหลังผ่านกราฟ และค่าเฉลี่ยน RHR
3.ติดตามการดื่มน้ำ เพื่อบันทึกข้อมูลปริมาณน้ำที่ดื่มไป พร้อมคำนวณให้ตลอดทั้งวัน
4.Body Battery ระดับพลังงานคงเหลือในร่างกาย ตรวจสอบพลังงานก็เริ่มทำกิจกรรม
5.VENU SQถูกออกแบบให้สวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน ไม่จำเป็นต้องใส่ตอนออกกำลังกายเท่านั้น ทาง Garmin จึงได้ใส่ฟังก์ชั่นในด้านสมาร์ทวอทช์เข้ามาอีกเพียบ ถูกใจคนที่ชอบลูกเล่นเยอะๆอย่างแน่นอน เช่น การฟังเพลงผ่านนาฬิกา (รุ่นมิวสิค), ควบคุมเพลงจากสมาร์ทโฟน, ระบบจ่ายเงิน NFC, นาฬิกาปลุก, ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน, ตามหาสมาร์ทโฟน และอื่นๆอีกมากมาย
-รองรับการเปิดใช้งาน ระบบแจ้งเตือนอัตราการเต้นหัวใจผิดปกติ
-ระบบความปลอดภัย ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือเหตุฉุกเฉิน จะส่งข้อความและพิกัดไปยังรายชื่อที่กำหนดไว้ (ต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วย เพื่อส่งข้อความ)
-เฉพาะ VENU SQ Musicสามารถจัดเก็บเพลงในนาฬิกาได้สูงสุด 500 เพลง โดยต้องเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธกับนาฬิกาก่อนฟังเพลง
6.ในด้านออกกำลังกาย โหมดการติดตามพื้นฐานมีให้ครบ
ตั้งแต่ วิ่ง, จักรยาน, ว่ายน้ำ, กอล์ฟ, คาร์ดิโอ, ยกเวท และอีกมากมาย
โดยมีระบบ GPS สำหรับติดตามตำแหน่ง ระยะทาง Pace สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
ส่วนใครที่ตามหาโหมด ฟุตบอล, ตะกร้อ ขอแนะนำให้ใช้โหมดคาร์ดิโอแทน เพราะโหมดฟุตบอล, ตะกร้อ เหล่านี้ไม่ได้ใช้การติดตามแบบเฉพาะ แตกต่างกับ วิ่ง, จักรยาน, ว่ายน้ำ ที่ต้องแสดงผลข้อมูลแบบเจาะลึก
สำหรับผู้ที่สนใจสินค้า สามารถดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ
>>>
https://bit.ly/3kl3HRF
4.Amazfit Bip U
ถ้าจะพูดถึงเรื่องความคุ้มค่าที่สุด และราคาถูกที่สุดใน กลุ่มนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ หล่ะก็ ยังไงก็หนีไม่พ้นตัวนี้ครับ บอกเลยว่าราคาถูกมากๆๆๆๆๆ เมื่อเทียบกับความที่ยัดฟีเจอร์เด็ดๆมาให้ขนาดนี้
สรุปฟีเจอร์เด่นๆ
1.สมาร์ทแทร็คเกอร์รุ่นนี้มีเซ็นเซอร์ต่างๆ มากมาย โดยฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการเก็บข้อมูลก้าวเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการเผาผลาญแคลอรี่ในแต่ละวันสามารถทำได้อยู่แล้ว
แต่จุดเด่นของรุ่นนี้ยังสามารถตรวจจับและเก็บข้อมูลการออกกำลังกายได้มากกว่า 60 แบบ และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่สามารถตรวจวัดได้ในนาฬิกาหลักพันกว่าบาท
2.วัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือค่า SpO2 มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์
เป็นการวัดระดับค่าออกซิเจนในเม็ดเลือด ซึ่งค่าที่วัดได้ตามปกติจะอยู่ที่ 95% หรือมากกว่า
แต่หากวัดตอนนอนจะอยู่ที่ 90% หรือมากกว่า ซึ่งการวัดค่าจะใช้เวลาประมาณ 1 นาที
3.วัดระดับความเครียด (Stress) โดยการวัดค่าความเครียดจะอาศัยค่าอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งหากมีอัตราการเต้นสูง ก็จะทำให้ค่าความเครียดสูงตามไปด้วย
4.PAI (Personal physiological Activity Indicator) หรือคะแนนการทำกิจกรรมต่างๆ โดยอ้างอิงจากอัตราการเต้นของหัวใจ
ซึ่งหากเราทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้หัวใจเราเต้นเร็ว อย่างเช่นการเดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน เล่นโยคะ หรือเล่นกีฬา ทำกิจกรรมอื่นๆ สมาร์ทแบนด์ก็จะทำการบันทึกค่าระยะเวลาการทำกิจกรรม
โดยแต่ละสัปดาห์ควรจะทำให้ได้ถึง 100 PAI หรือมากกว่า ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมในการออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์
5.คุณภาพการนอนหลับ เราสามารถดูระยะเวลาการนอนหลับของเราคร่าวๆ ได้จากหน้าปัดนาฬิกา แต่หากต้องการดูข้อมูลการนอนหลับแบบละเอียดสามารถเปิดแอพฯ ดูได้
และยังมีระบบการให้คะแนนการนอนหลับในแต่ละคืนด้วยโดยอิงจากระดับการนอนหลับ ซึ่งสามารถตรวจจับได้ตั้งแต่ Deep Sleep, Light Sleep, REM และ Awake หากหลับลึก หลับนานก็จะได้คะแนนสูง แต่หากตื่นบ่อยก็จะได้คะแนนน้อย
6.แบตเตอรี่ สำหรับระยะเวลาการใช้งานโดยปกติแล้วจะใช้แบตเตอรี่เพียงวันละ 10% ซึ่งก็จะได้ประมาณ 10 วัน
ได้มากกว่าสเป็คที่ระบุไว้เพียง 9 วัน แต่หากใช้งานหนักๆ อย่างเช่นออกกำลังกาย หรือดาวน์โหลดหน้าปัดเล่นบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้ระยะเวลาการใช้งานสั้นลง
สำหรับผู้ที่สนใจสินค้า สามารถดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ
>>>
https://bit.ly/3hEOAAO
2 บันทึก
10
2
9
2
10
2
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย