Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกการเดินทาง
•
ติดตาม
15 ก.ค. 2021 เวลา 13:09 • ท่องเที่ยว
เจาะอารยธรรมโบราณที่เนปาล ตอน10 (ดูรบาร์สแควร์ Kathmandu Durbar Square)
ในหุบเขากาฐมาณฑุ มีมหานครโบราณที่สร้างและเจริญในเวลาไล่เลี่ยกัน และแข่งขันด้านการสร้างศิลปวัฒนธรรมกันอย่างเต็มเหนี่ยว คือ เมือง ปักตาปูร์ เมืองปาตันหรือลลิตปูร์ และเมืองกาฐมาณฑุ ทั้ง 3 เมือง ต่างก็มีจตุรัสกลางเมืองชื่อ ดูรบาร์สแควร์ เหมือนกัน และ ทั้งสามเมืองโบราณนี้ก็ได้รับเลือกเป็นเมืองมรดกโลกทั้งสามเมือง
เนื่องจากจตุรัสดูรบาร์สแควร์อยู่ใกล้กับ ทาเมล ที่เราพักอยู่ เราสามารถเดินจากที่พักไปที่นี่ได้สบายๆ จึงเก็บที่นี่ไว้ท้ายๆของทริป
จากโรงแรม Escess เราเดินลงมาทางใต้ของทาเมล เช้าๆอย่างนี้ ทาเมลที่แน่นขนัดตอนกลางคืนดูโล่ง เงียบเหงาเหมือนกัน แต่อากาศที่เย็นสบายทำให้เราเดินเก็บภาพได้อย่างเพลิดเพลินเหมือนกัน
เดินมาได้พักหนึ่ง ยังไม่ถึง อินทราโจ๊ก จะผ่านวัดทิเบตNatyeshwar Temple (Naasah Dyo) ซึ่งเป็นวัดพุทธที่มีสถูปใหญ่ คล้ายกับโพธนาถ แต่ขนาดย่อมกว่ากันมาก ไม่รอช้าที่จะแวะเก็บภาพที่นี่ซักหน่อย
ทางเข้าเป็นซอกตึกเล็กๆ แต่ภายในกว้างขวางพอควร เช้าๆอย่างนี้คนไม่เยอะดีจัง เราเดินเก็บภาพแสงยามเช้าไปรอบๆองค์เจดีย์ แยกย้ายกันเก็บภาพมุมใครมุมมัน จนมาบรรจบพบกันที่พระพุทธรูปองค์นี้ที่มีนกพิราบเกาะอยู่ รอจังหวะเพื่อเก็บภาพกัน แล้วให้หมอแก้วช่วยออกไปเต้นเริงระบำกับฝูงนกซะหน่อย
เดินกันมาจนถึง อินทราโจ๊ก ที่พลุกพล่านด้วยคนพื้นที่ ที่มาจับจ่ายซื้อของใช้กันแน่นขนัด ทั้งคนทั้งรถ
แต่ท่ามกลางความพลุกพล่าน ก็มีบางจังหวะ บางมุม ที่สงบพอให้คนเหล่านี้แอบหลับกัน หรือนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ได้เหมือนกัน
และเราก็ถึงทางเข้า จตุรัสดูรบาร์สแควร์ จากป้อมซื้อตั๋วเข้า จะเริ่มโล่งคนหน่อย เพราะพ้นตลาดมาแล้ว แต่แค่โล่งเฉพาะทางเข้าเท่านั้น ใจกลางดูบาร์สแควร์ก็คับคั่งด้วยฝูงชนไม่น้อยกว่าที่ อินทราโจ๊ก เลย
ไฮไลท์ที่ทุกคนต้องแวะชมคือ บ้านของกุมารี
ในเนปาล มีตำนานปรัมปราเกี่ยวกับ "กุมารี" มากมาย แต่ที่เลื่องลือและ น่าเชื่อถือที่สุด คือ ตำนาน ของกษัตริย์เนปาล องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์มัลละ ขณะที่พระองค์กำลังเล่นทอยลูกเต๋า (บางแห่งก็ว่าสะบ้า) กับ เทวีทาเลจู เทพผู้ปกป้องรักษาราชวงศ์ของพระองค์ วาบหนึ่งในความนึกคิด พระองค์ทรงหลงใหลในความงดงามของ เทวีทาเลจู มาก และทรงคิดว่านางงามกว่ามเหสีของพระองค์เสียอีก ขณะเดียวกัน เทวีทาเลจู ก็อ่านความคิดนั้นออก จึงยุติการเล่นทอย ลูกเต๋าทันที นางตำหนิพระองค์ และประกาศว่า ต่อไปนี้ถ้าพระองค์จะพูดคุยกับนางอีก ก็จะไม่อยู่ในร่างของ เทวีทาเลจู ให้ทรงเห็น แต่นางจะเป็น เด็กหญิงจากวรรณะล่าง และพระองค์จะต้องออกจากพระราชวังไปสักการะนาง ซึ่งอยู่ในร่างของเด็กหญิงจากวรรณะล่างเท่านั้น
การสรรหากุมารี การตรวจดูว่าเด็กหญิงคนนั้นมี ลักษณะของเทพ หรือไม่ จะต้องเป็นผู้มี รูปร่างเหมือนต้นกล้วย ขาเหมือนขากวาง หน้าอกเหมือนสิงห์ ลำคอเหมือนหอยสังข์ นํ้าเสียงสดใสและอ่อนนุ่ม เมื่อคัดเลือกได้แล้ว เด็กหญิงคนนั้นจะต้องจากครอบครัวของเธอมาอาศัยอยู่กับครอบครัวของผู้ดูแลภาย ใน วังใหญ่ ที่เรียกว่า การ์
เด็กหญิงที่รับตำแหน่ง กุมารี จะพ้นจากตำแหน่งเมือร่างกายมีเลือดออก ไม่ว่าจะจากบาดแผล หรือ เลือดประจำเดือน
พวกเราจังหวะดีมาก พอไปถึงเป็นจังหวะที่กุมารี ออกมาเยี่ยมที่หน้าต่างพอดี แต่ก็ห้ามมิให้ถ่ายภาพกุมารีโดยเด็ดขาด ถ้าอยากได้ภาพกุมารี ให้เสียสตังค์ซื้อโปสการ์ดที่มีขายหน้าประตูทางเข้า
หลังจากกุมารี ผลุบจากหน้าต่างกลับเข้าห้องไปแล้ว ก็เก็บภาพรอบๆกันนิดหน่อย เพราะหลังจากไปชมเมืองโบราณที่เลอเลิศมาแล้ว ที่นี่ก็เลยมองดูธรรมดา อีกทั้งนักท่องเที่ยวเริ่มเยอะ
ด้านหน้าของบ้านกุมารี เป็นจตุรัสใหญ่ ผู้คนมากมายทั้งคนท้องถิ่น และ นักท่องเที่ยว หลังจากเดินแหวกคนผ่านตลาดสดออกมากได้ น้ายักษ์ และ หมอแก้ว ก็ถึอโอกาสพักด้วยการซื้อไอติมมานั่งกิน
พอเห็นคนแน่นขนัด อารมณ์ที่อยากถ่ายภาพก็หดหาย ตกลงเลือกเดินหลบคนไปยังจุดที่คนน้อยหน่อย
มาแวะดูการบูชา กาฬไภราพ ที่อยู่กลางแจ้ง
กาฬไภราพ หรือ พระอิศวรปางดุร้าย เป็นปางหนึ่งของพระศิวะ ซึ่งชาวไทยเรียกว่า "พระพิราพ" ซึ่งเป็นครูในนาฏกรรม มีในนิกายตันตระ สาเหตุที่ทำให้มีลักษณะที่น่ากลัว เนื่องจากจะทำให้ศาสนิกเกรงกลัวพลอำนาจของเทพเจ้า
กาฬไภรพ ชาวเนปาล เรียกว่า "กาฬไภราพ" ผิวกายเป็นสีดำ สวมเครื่องประดับสีแดงและเหลือง มีสีแดงที่คนเอามาป้ายทาต่างเลือดสังเวยเปรอะทั้งองค์ พระเนตรของพระองค์โปนถลน เขี้ยงโง้ง พระหัตถ์ทั้ง ๖ ถือดาบและอาวุธต่างๆ รวมทั้งหัวคนด้วย เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ สามารถลงโทษคนพูดเท็จให้เลือดออกจนตายได้ เวลาจะสาบานอะไร ต้องมาสาบานที่กาฬไภรพ
รอบๆอาคาร ถ้าดูกันดีๆ ลายแกะสลักบางลายก็เป็นเรื่อง กามสูตร นี่เอง เพราะที่นี่ลัทธิตันตระเข็มข้นพอๆกับที่ขชุราโห อินเดีย นั่นเอง
แวะเข้าไปดูในวังหนุมานกันหน่อย แต่ด้านในไม่ค่อยมีอะไรนัก คือส่วนที่มีอะไรน่าถ่ายก็ถูกห้ามไม่ให้ถ่าย เช่นส่วนแสดงของเก่าของโบราณ ถ้าหวังว่าจะเข้ามาถ่ายภาพไม่แนะนำ เพราะค่าตั๋วเข้าแพงไม่คุ้มค่า
เดินกันจนเหนื่อย เมื่อย และ เริ่มหิว หลังจากพักเหนื่อยกันพักใหญ่ๆ ก็ออกเดินต่อ ผ่านวัดสำคัญหลายวัด แต่เนื่องจากเป็นวัดฮินดู เราจึงไม่สามารถเข้าไปด้านในได้
เดินจนวนกลับมาบรรจบที่ทางออกตรง อินทราโจ๊ก อีกครั้ง คนเยอะมากกว่าตอนเช้าอีก จึงตัดสินใจเดินแหวกคนกลับที่พักดีกว่า ระหว่างทางผ่านร้านหมอฟันที่มีมากมายหลายร้าน เพราะใกล้กันนี้มีวัดที่ คนเนปาลที่ทนทุกข์จากการปวดฟัน จะมาบนขอพรให้หายปวดฟันกัน แต่คงไม่เป็นผลนัก จึงมีร้านหมอฟันที่กิจการเจริญก้าวหน้า และ สามารถทำให้หายปวดฟันได้ชงักกว่าการบน
หลังทานอาหาร เราตกลงกันกว่า ขอพักช้อปปิ้งกันซักหน่อย รอบๆทาเมลมีร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมแต่ทำเทียม เสื้อหนาว และ อุปกรณ์การเดินทาง เยอะแยะมาก ราคาย่อมเยาว์ขึ้นกับฝีมือการต่อราคา แต่ถ้าอยากได้ของแท้ก็มีร้านของแท้ เปิดท่ามกลางของเทียมเช่น ร้าน The North Face ราคาก็พอๆกับบ้านเรา แต่สินค้ามีให้เลือกมากกว่าเยอะมาก
เราไม่ค่อยนิยมของแท้ราคาแพง เพราะมีของเทียมราคาถูก คุณภาพใกล้เคียงกันอยู่ใกล้ๆกันแล้ว ก็แค่เดินดูเท่านั้น
แต่เสื้อปักฝีมือคนเนปาลนี่ ขอแนะนำให้ซื้อไว้เป็นที่ระลึก เพราะฝีมือการปักเฉียบขาดฝีเข็มละเอียดมาก ลายเนปาล ช่างปักด้วยความชำนาญไม่ต้องร่างสามารถปักได้เลยสวยมาก แต่คุณภาพของผ้าที่ทำตัวเสื้ออาจไม่ค่อยดีนักเอากลับมาซักอาจจะสีตก ถ้าซื้อเสื้อจากเมืองไทยไปจ้างปักจะดีกว่า ฝากไว้วันนี้พรุ่งนี้ก็ได้รับเสื้อแล้ว ราคาไม่แพง ตัวละประมาณ 200 บาท
เราพักที่ทาเมลกันหลายวันแล้ว ยังไม่ได้เดินสำรวจทาเมลซักที ตั้งใจวันพรุ่งนี้เช้าจะออกเดินสำรวจทาเมลซักหน่อย ติดตามได้ในตอนหน้า ซึ่งคงจะเป็นตอนสุดท้ายของมหากาพย์กาฐมาณฑุ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เจาะอารยธรรมโบราณที่เนปาล 12-22 ตค. 1998
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย