10 ก.ย. 2021 เวลา 07:03 • ประวัติศาสตร์
TOPIC : สงครามกลางเมือง
TITLE : สงคราม ทิ้งอะไรไว้ให้ กับประเทศ ซีเรีย (syria
1 ทศวรรษ สงครามการเมืองซีเรีย
"If it’s not happening in your country
that doesn't mean it’s not happening.
Think about Syria" @daali.antiwar
"ถ้าอะไรๆที่มันไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศของคุณ นั่นไม่ได้แปลว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นนะ ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน ประเทศซีเรียซิ" นี่คือชื่อแคมเปญของศิลปินนิรนาม ที่ใช้นามแฝงว่า Daali ,เขาผู้นี้พยายามใช้ศิลปะส่งเสียงถึงคนทั่วโลก ให้ตระหนักถึงผลของสงครามและสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับประเทศซีเรียและอิรัก หลายคนทั่วโลกไม่ได้ตระตนักถึงสิ่งโหดร้ายที่มันเกิดขึ้น ในช่วงหว่างที่ผู้คนทั่วโลกยังใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติสุข
ภาพเสียดสีสงคราม ในภาพเป็นกองทัพที่  ISIS กับธงประจำกองทัพกำลังเตรียมที่จะฆ่าทหารซีเซียที่นั่งคุกเข่าอยู่ โดยมีฉากหลัง พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์,กรุงปารีส,ประเทศฝรั่งเศส(Louvre,Paris, France)
ประเทศซีเรีย โดยสังเขป
1.ในดินแดนแถบนี้มีคนมาตั้งรกราก ตั้งแต่มากกว่า 5,000 พันปี ก่อนคริสกาล
2.เมืองที่สำคัญและมีประวัติศาสตร์ เก่าแก่คือ Aleppo และเมือง Damascus.
3.เมือง Aleppo เป็นเมืองที่มีคนอาศัยอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 5 ปีก่อนศริสกาล
4.ซีเรียเป็นเมืองการค้าสำคัญทุกยุคของโลก เพราะเป็นทางผ่านเส้นทางสายไหมจากตะวันออก(จีน) เพื่อเชื่อมไปถึง เมืองคอนสเตนดินโนเบิล ของอณาจักร โรม หรือเมือง อิสตันบู ในประเทศตุกีปัจจุบัน
5.....และต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมอยากเล่า............ประเทศซีเรียที่สิ้นหวัง...................................?
(บน) กรุง Damascus.หนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก (ล่าง)Kessab เมืองตากอากาศทางภาคเหนือของซีเรีย Kessab เป็นเมืองสำคัญ ในตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ
ประเทศซีเรียในปัจจุบันช่างแตกต่างห่างไกลกับสิ่งที่ประเทศนี้ควรจะเป็นในทรรศนะของผม ดินแดนแถบนี้หรือประเทศซีเรียในปัจจุบันเป็นดินแดน ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและ เคยเป็นเมืองที่มีอารยะธรรมที่เจริญสูงสุดดินแดนหนึ่งของโลก ผู้คนมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และศาสนา ก่อนจะถูกทำลายจากประเทศผู้แสวงประโยขน์
ภาพนกอีแร้งติดอาร์มธงประเทศต่าง ที่เข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์และแย่งชิงอำนาจในดินแดนประเทศซีเรีย
สงครามที่เหล่าประเทศมหาอำนาจมอบให้กับประเทศซีเรียนั้น เป็นความยัดเยียด น่าขยะแขยง และเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาเหล่านั้นพรากความงดงามของอารยธรรม ความรัก สิทธิความเป็นมนุษย์ และความหวัง แทนที่สิ่งเหล่านั้นด้วย ความลำบากยากเข็ญ การพลัดพราก ความหิว ความกลัว ความเกลียด และความตายมาสู่ประชนชาวซีเรีย
บนซากปรักหักพังของเมืองAleppo,Syria พ่อคนหนึ่งกำลังอุ้มหนูน้อยหนีการสู้รบที่กินเวลาครบ10ปีในปีนี้  CREDIT : Newsweek.com
เราคงนึกภาพของประเทศนี้ไม่ออกว่ามันเคยมีหน้าตาเป็นอย่างไร ทุกวันนี้ถ้าให้เราลองจิตนาการนึกภาพถึงประเทศซีเรีย คุณนึกถึงภาพประเทศนี้เป็นอย่างไร?
คงไม่ต่างจากผมที่เห็นภาพลอยมา ในลักษณะ บ้านเมืองที่ผุพัง แตกสลาย ผู้คนอดอยาก เป็นดินแดนที่อันตราย กลุ่มติดอาวุธรบกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าในสมัยกอนที่ซีเรียจะเกิดสงครามเหมือนทุกวันนี้ ซีเรียเคยรุ่งเรืองอย่างไร และในทุกๆวันสงครามได้ทิ้งอะไรไว้ให้ซีเรียบ้าง
หนึ่งในหนูน้อยที่เกิดมาช่วงสงครามกลางเมือง ตุ๊กตาในอ้อมกอดคงชโลมใจเธอได้บ้าง ,สิบปีที่ผ่านมา มีเด็กที่ถูกพิษของสงครามคร่าชีวิตไปมากกว่า  29,000 คน และเด็กมากกว่า 2.5 ล้านคนยังไร้บ้าน
ซีเรียก่อนปี ค.ศ 2011
ซีเรียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธ์ุ และศาสนา สัดส่วนประชากรส่วนมากเป็นชาวอาหรับนับถือนิกายซุนนีย์(Sunni),อะลาไวต์(Alawites) ,ดรูซ**(Druze) , มุสลิมซีอะห์ (Shias)และคริสต์ศาสนิกชน กลุ่มชาติพันธุ์อื่น ได้แก่ ชาวอาร์มีเนีย อัสซีเรีย เคิร์ด ยิวและเติร์ก ทุกคนอยู่กันอย่างสันติตั้งแต่ประเทศซีเรียได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในเดือนเมษายน ปี ค.ศ 1946
ซ้ายแผนภูมิวงกลม แสดงถึงกลุ่มชาติพันธ์ุ : ขวาแผนภูมิวงกลม แสดงถึงสัดส่วนการนับถือศาสนาของประชากรในประเทศซีเรีย CREDIT : Haikudeck
ด้านล่างภาพเมือง ผู้คน และสิ่งก่อสร้าง ก่อนประเทศเข้าสู้สงครามกลางเมือง
โบสถ์พระหฤทัยแห่งพระเยซูเจ้า(Church of the Sacred Heart of Jesus)ของชาวคาทอลิกเริ่มก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ 1829 สร้างเสร็จในปี ค.ศ 1933 ตั้งอยู่ที่เมือง ลาตาเกีย (Latakia) ประเทศซีเรีย
ภาพกรุง ดามัสกัส(Damascus) เมืองนี้มีสมญานามว่า "เมืองแห่งดอกมะลิ  ดามัสกัสเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคซีเรียตั้งแต่ปี พ.ศ. 1178 (ค.ศ. 635) เป็นเมืองเก่าแก่ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง  ถือว่าเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยติดต่อกันนานที่สุดในโลก
ภาพเมือง Mashta-al-Hilo เป็นเมืองรีสอร์ททางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
บรรยากาศเมืองยามค่ำคืนที่สงบสุขในจังหวัดหนึ่งของประเทศซีเรีย
ผู้คนออกมาเลือกซื้อข้าวของ ที่ตลาด อัล-ฮามิดิยะฮ์ ซุก(Al-Hamidiyah Souk) ในเมืองดามัสกัส  (Damascus)
มัสยิด Umayyad หรือที่รู้จักในชื่อ Great Mosque of Damascus ตั้งอยู่ในเมืองดามัสกัสอันเก่าแก่ ,มัสยิด Umayyadเป็นหนึ่งในมัสยิดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก
สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนาน กินเวลามาถึงปีที่ 10 ครบ 1 ทศวรรษ ในปี2021 นี้ (สงครามเริ่มต้นเมื่อ 15 มีนาคม 2011 เป็นความต่อเนื่องมาจากเหตุการณ์ Arab Spring protests ในปี2011 )
แม้ว่า ณ ปัจจุบัน สงครามกลางเมืองยังไม่หมดไป จากชนวนเริ่มต้นเล็กๆภายในประเทศ ปัญหาการทุจริตของรัฐบาล,อัตราการว่างงานที่สูง,เหตุการต่อเนื่องของอาหรับสปิงในซีเรีย (กลุ่มภราดรภาพมุสลิม),การทรมานเด็กในเรือนจำ Daraa ,ความเห็นต่างทางการเมือง,การปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรงมีประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จากจุดเริ่มต้นทั้งหลายเหล่านี้ นำไปสู่การประท้วงการบริหารงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีบัชชาร อัลอัสซัด (Bashar al-Assad)
ประธานาธิบดีบัชชาร อัลอะซัด (Bashar al-Assad) ผู้ที่รับช่วงครองประเทศต่อจากบิดาของเขาเอง นาย ฮาฟิซ อัลอัสซาด (Hafez Assad), นาย ฮาฟิซ อัลอัสซาด (Hafez Assad)ปกครองประเทศซีเรียตั้งแต่ปี ค.ศ 1970 จนกระทั้งเสียชีวิตในปี 2000 และส่งต่อการปกครองให้ บัชชาร อัลอัสซาด ,รวมแล้วถือได้ว่า ตระกูล อัลอัสซาด (Assad) ปกครองประเทศซีเรียแบบเบ็ดเสร็จมา 41 ปี ก่อนเกิดการประท้วงใหญ่ ที่ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆทั่วประเทศ จากการเรียกร้องของกลุ่มเห็นต่างกับรัฐบาลประเทศซีเรีย และท้ายที่สุดสงครามกลางเมืองก็ปะทุขึ้น.
ภาพแผนที่การประท้วงที่ลุกลามไปทั่วประเทศ
จุดต่างที่เกิดการประท้วง สีแดง(จุดที่มีการประท้วง) สีนำ้เงิน(จุดที่มีการประท้วงและมีผู้เสียชีวิต)
การประท้วงกินเวลานานหลายเดือน หลายครั้งเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มที่สนับสนุน และกลุ่มที่ต่อต้าน กลุ่มที่ประท้วงต้องการให้ ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด.ลงจากตำแหน่ง
Syrian loyalists take to streets in support of Assad (กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด)
lส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ประท้วงและต่อต้าน การบริหารงานของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
ประเทศเริ่มเข้าสู่ความขัดแย้งรุนแรง หลายกลุ่มใช้โอกาสนี้ ประกาศสงครามกับรัฐบาล ของ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด หลายกลุ่มเริ่มต้นก่อความไม่สงบภายในประเทศ เพื่อต้องการบรรลุจุดประสงค์ของกลุ่มตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง
กลุ่มผู้ประท้วง และกองกำลังติดอาวุธในช่วงแรกๆประกอบไปด้วย
1.กองกำลังปลดปล่อยซีเรีย กองกำลังนี้เป็นกองกำลังพันธมิตรในประเทศและระหว่างประเทศ FSA ( The Free Syrian Army ) เป็นกลุ่มพันธมิตรหลวม ๆ ของกลุ่มกบฏฝ่ายค้านซึ่งส่วนใหญ่เป็น กลุ่มชาวมุสลิมที่นับถือนิกายซุนนี
ตราสัญลักษณ์ของแต่ละกลุ่มกองกำลัง ที่รวมตัวกัน ภายใต้ชื่อ  กองกำลังปลดปล่อยซีเรีย FSA (The Free Syrian Army  )
2.กลุ่ม Salafi jihadism (ซาลาฟีญิฮาด)
ภาพปกหนังสือ เนื้อหาเบื้องต้นนี้นำเสนอแนวคิดทางศาสนาและการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดย Shiraz Maher
กลุ่มซาลาฟีญิฮาด ยึดแนวคิด การผสมผสานระหว่างลัทธิศาสนาและการเมืองบนพื้นฐานของศาสนาอิสลาม(ซุนนี) ที่เชื่อว่าชาวมุสลิม(ซุนนี)ทั่วโลก ต้องร่วมมือกันบรรลุจุดประสงค์บนอุดมการณ์เดียวกัน รากฐานทางอุดมการณ์ของขบวนการนี้ได้รับอิทธิผล โดยชุดงานเขียนของนักทฤษฎีอิสลามิสต์อียิปต์ ซัยยิด กุตบ์ ในช่วงทศวรรษ 1960 กลุ่มหลักที่ยึดแนวทางอุดมการณ์ซาลาฟีญิฮาดนี้ มีอยู่ 2กลุ่มหลักคือ Al-Nusra Front และ Tahrir al-Sham
3.กลุ่มกองกำลังประชาธิปไตยผสม ซีเรีย, เคิร์ดและอาหรับ Syrian Democratic Forces (SDF)
(ซ้าย)ภาพธงกองกำลังกลุ่มติดอาวุธ ประชาธิปไตยแห่งซีเรีย (ขวา) หนึ่งในทหารยืนดูซากปรักหักพังของเมือง อัล ทับกอฮ์ (Al Tabqah)เขตโรจาวา
กลุ่มกองกำลังประชาธิปไตยแห่งซีเรีย เป็นกองกำลังพันธมิตร ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด, ชาวโตเคอร์มัน, ชาวอัซซีเรียน และชาวอาร์แมเนียน มีเป้าหมายในการจัดตั้งเพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดนทางตอนเหนือเขตโรจาวา (Rojava)ของประเทศซีเรีย ให้เป็นประเทศประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ
4.กลุ่มติดอาวุธแห่งรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ ISIL (Islamic State of Iraq and the Levant) หรือ รัฐอิสลามอิรักและซีเรีย ISIS (Islamic State of Iraq and Syria)
ภาพขบวนรถกองกำลังติดต่อวุธ  ISIS เคลื่อนสู่เมืองๆหนึ่งของซีเรีย
จุดเริ่มต้นของกองกำลัง ISIS เรียกได้ว่าเป็นการแตกหน่อขยายแนวความคิดการต่อสู้มาจาก กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ( Al Qaeda), ISIS เป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เช่นโซเชียลมีเดีย เพื่อเผยแพร่แนวคิด การต่อสู้ของกลุ่ม การเมือง ผลงาน คติความเชื่อของกลุ่ม และการยึดถือหลักศาสนา หลายครั้ง กลุ่ม ISIS ทำการสังหารผู้คนหลายสิบคนในครั้งเดียว การประหารชีวิตฝ่ายตรงข้ามในที่สาธารณะ การตรึงกางเขน การทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือโบราณวัตถุที่ล้ำค่า และการกระทำอื่นๆ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้สาส์นของกลุ่ม ISIS กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ผลของการใช้ socail media เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ นักรบต่างชาติ จากหลายชาติทั่วโลกเดินทางมาเข้าร่วมกองทัพ ISIS ตามรายงานของมหาวิทยาลัย King's College London ประเทศอังกฤษ ( ICSR)ในปี2018ประมาณการว่ามีผู้เข้าร่วมกองกำลัง ISIS 41,490 คนแบ่งเป็นผู้ชาย 32,809 คน,ผู้หญิง 4,761 คน, และเด็ก 4,640 คน จาก 80 ประเทศทั่วโลก
ภาพ infographic แสดงตัวเลขของชาวต่างชาติที่เดินทางมาเข้าร่วมกับกองกำลังISIS
ในปี 2014 ISIS สามารถยึดพื้นที่และเมืองสำคัญๆมากกว่า 34,000 ตารางไมล์ในซีเรียและอิรัก ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึงทางใต้ของแบกแดด
ในปี 2015 นักวิเคราะห์เชื่อว่า ISIS จับผู้คน 3,500 มาเป็นทาส ตามรายงานของสหประชาชาติ ทาสส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กจากชุมชนยาซิดี(Yazidi) บางส่วนมาจากชุมชนชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และศาสนาอื่นๆ
รายได้หลักของ ISIS มาจากการผลิตและการลักลอบนำเข้าน้ำมัน, ภาษี, เรียกค่าไถ่จากการลักพาตัว, การขายของที่ปล้นขโมยมา และการกรรโชกอื่นๆ
สงครามยืดยาวต่อเนื่อง ผู้สนับสนับหลักของรัฐบาลซีเรียในช่วงที่ผ่านมาคือ รัสเซียและอิหร่าน
กลุ่มต่อต้าน ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด มี ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย อิสราเอลและชาติมหาอำนาจในโลกตะวันตก สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ให้การสนับสนุนอาวุธ เงิน และสิ่งของจำเป็นแก่ กลุ่มต่อต้านต่างๆ
ภาพกลุ่มพลทหารรัสเซีย ยืนคุยกัน หน้ารูปภาพของประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
รัสเซีย ซึ่งมีฐานทัพทหารอยู่ในซีเรียก่อนที่จะเกิดสงคราม ได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศเพื่อสนับสนุนนายอัสซาดในปี 2015 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของสงครามที่ทำให้รัฐบาลซีเรียเป็นฝ่ายได้เปรียบ
1
ส่วนอิหร่าน คาดกันว่าได้ส่งทหารหลายร้อยนายและเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือนายอัสซาด
นักรบมุสลิมนิกายชีอะห์หลายพันคนได้รับการติดอาวุธ ฝึกฝน และได้รับเงินจากอิหร่าน เพื่อร่วมต่อสู้เคียงข้างกองทัพซีเรีย ส่วนใหญ่พวกเขามาจากขบวนการเคลื่อนไหวเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน แต่ก็มีมาจากอิรัก อัฟกานิสถานและเยเมนเช่นกัน
สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส
กองกำลังผสมที่นำโดยสหรัฐฯ ตุรกี อิสราเอล ได้โจมตีทางอากาศหลายครั้งและส่งกองกำลังพิเศษหลายกองกำลังเข้าไปในซีเรียนับตั้งแต่ปี 2014 เพื่อช่วยกลุ่มพันธมิตรนักรบอาหรับและชาวเคิร์ดที่เรียกว่า กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (Syrian Democratic Forces--SDF) ยึดครองดินแดนที่สมาชิกกลุ่มติดอาวุธไอเอสเอสเคยยึดครองอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
ส่วนซาอุดีอาระเบีย ต้องการที่จะคานอำนาจของอิหร่านในภูมิภาคนี้ ได้สนับสนุนอาวุธและเงิน แก่กลุ่มกบฏในช่วงเริ่มต้นสงคราม
ตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น จนถึงเดือน ธ.ค. 2020 องค์กรสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights--SOHR) ได้รวบรวมหลักฐานประมาณการเสียชีวิตไว้ 592,418 คน ในจำนวนนี้เป็นพลเรือน 116,911 คน
หน่วยงานด้านเด็กของสหประชาชาติ ยูนิเซฟ (Unicef) ระบุว่า มีเด็กเกือบ 12,000 คน เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ
ประเทศซีเรียมีประชากรทั้งหมด 22 ล้านคนก่อนเกิดสงคราม ชาวซีเรีย 6.7 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐานภายในประเทศ ขณะที่อีก 5.6 ล้านคนได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ลี้ภัยในต่างประเทศ
(บน)ภาพหนูน้อยที่เสียชีวิตระหว่างเดินทางลี้ภัยออกนอกประเทศ และภาพผู้ลี้ภัยที่หนีไฟสงคราม เพื่อหวังว่าจะรักษาชีวิตตนเองและครอบครัวในประเทศใหม่
ภาพผลงาน ของศิลปินนาม Daali เป็นภาพแนวสะท้อนสังคม และเป็นกระบอกเสียงหนึ่งที่บอกให้โลกรู้ว่า ขณะที่เราและหลายๆคน ยังอยู่ในสังคมปกติ ยังมีอีกหลายประเทศบนโลกใบนี้ ที่กำลังถูกทำร้าย ด้วย ไฟสงคราม
หนึ่งในผลงานของ Daali สิทธิสตรีและการกดขี่ผู้หญิงยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบันที่ ซีเรีย
สงครามที่มันไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศของคุณ  ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่นะ
ของขวัญที่ชาติมหาอำนาจมอบให้กับประเทศซีเรีย
ติดตามผลงานของ DAALI ได้ที่ https://www.facebook.com/daali.antiwar/
และต่อไปนี้คือภาพที่เกิดขึ้นจริงในประเทศซีเรีย
ภาพภ่ายมุมสูง ก่อนและหลังสงครามกลางเมือง
เมืองที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างปกติในวันธรรมดาๆวันหนึ่ง (บน) ไฟสงครามและทหารที่เดินไปมาแทนผู้คนชาวซีเรีย
ตลาดที่เคยคลาคลั่งไปด้วยผู้คน วันนี้ไม่หลงเหลือความเป็นตลาดเสียแล้ว
เมืองที่เคยงดงามด้วยแมกไม้และสถาปัตยกรรม กลายเป็นซากปรักหักพัง
โบสถ์คริสต์ ศูนย์รวมคริสต์ศาสนิกชน
แม้แต่ มัสยิด Umayyad หรือที่รู้จักในชื่อ Great Mosque of Damascus ก็ไม่อาจรอดพ้นไฟสงครามกลางเมือง
ภาพบรรยากาศที่เงียบสงบยามค่ำคืน (บน) กลายเป็นซากปรักหักพัง
สถาปัตยกรรม ถูกทำร้ายจากกระสุนปืนและระเบิด
ไม่มีคำบรรยาย
เหล่าพลเมืองที่สูญเสียหลายสิ่งให้กับสงครามกลางเมืองและยังไม่มีความหวังที่ชัดเจนว่าประเทศจะกลับมาเป็นปกติสุขเมื่อไหร่
......."I must study politics and war that my sons may have liberty to study mathematics and philosophy'......
"ผมจำเป็นต้องศึกษาการเมือง และสงคราม เพื่อที่ลูกๆของผม อาจจะได้เสรีภาพในการศึกษาคณิตศาสตร์ และปรัชญา"
John Adams > Quotes
Editor : Soulless
Credit : Scoopempire / Enabbaladi / BBC / Theguardian / Daali(Artist) / Hannah Karim / OLYMPIA / PETAPIXEL /John Adams / BBC / REUTERS
โฆษณา