24 ก.ค. 2021 เวลา 21:10 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าจากภูดาว EP#4
"Calm before the storm"
...
"5:50"
"ซู่... ซู่..."
เสียงน้ำจากฝักบัวกำลังส่งเสียงก้องกังวาลสายน้ำนับร้อยกำลังร่วงหล่นลงไปกระทบกับพื้นสีขาวนวลของห้องน้ำ หยดน้ำนับล้านจากการแตกตัวก็ถูกแรงทำให้กระเด็นสูงจากพื้นไปสัมผัสกับอากาศ
อุณภูมิของอากาศยามเช้าบนภูเขาไม่ต่างอะไรกับทิศเหนือสุด และใต้สุดของโลก ที่แค่สัมผัสกับมันเพียงปลายเล็บ ก็สามารถทำให้เราหนาวเหน็บเข้าถึงกระดูกดำ
เมื่อน้ำอุ่นที่ออกมาจากฝักบัวได้สัมผัสกับอากาศหนาวยามเช้า จึงทำเกิดไอน้ำสีขาวขึ้นในปริมาณมาก และลอยคลุ้งปกคลุมอยู่ทั่วห้องน้ำ จนแทบไม่เห็นอะไร แม้จะอยู่ข้างหน้า
"คน..ใจร้ายอย่างเธอ...คนที่ไม่มีน้ำใจ~"
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือที่ถูกวางไว้อยู่ตรงขอบหน้าต่าง กำลังบรรเลงเพลงโปรดของเจ้าของมือถืออย่างเบาๆ เพื่อสร้างบรรยากาศสำหรับการอาบน้ำท่ามกลางอุณภูมิที่หนาวเหน็บ
“หนะ..หนาว..ว.จะ..จ..ใจ..จะ..ขะ..ขาด…”
เสียงวาดังขึ้นเบาๆอย่างตะกุกตะกัก ท่ามกลางเสียงของฝักบัวและธรรมชาติ
"แอ๊ดด.."
วาเปิดประตูห้องน้ำออกมาในขณะที่เช็ดผมอยู่พร้อมกับไอน้ำอุ่นๆลอยตามหลังวามาติดๆ
“สดชื่นนะ…แต่มากไปหน่อย” วาบ่นในใจ
วาสวมชุดสำหรับการเดินทางในวันนี้จากนั้นจึงเริ่มโบกสกินแคร์เพื่อดูแลผิวหน้า
"ก๊อก...ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"หือ.. ใครน่ะ" วาตะโกนขึ้นถาม ก่อนจะเดินไปที่ประตู
"แอ๊ดด" วาเปิดประตู
"ไงวา สวัสดีตอนเช้า" เอกปรากฎตัวขึ้นข้างหน้าของวา พร้อมกับสัมภาระ พร้อมเดินทางต่อ พร้อมกับคำทักทาย
“อ่าวเอก นายตื่นไวจังอ่ะ”
“ก็ปกติของมนุษย์เงินเดือนป่าว ความเคยชินล้วนๆ” เอกเกาหัวเล็กน้อย
“จะเสร็จยังอ่ะเรา เดี๋ยวต้องไปหาไรกินก่อนเดินทางอีก”
“ใกล้แล้วๆ นายมารอข้างในก่อนดิ” วากวักมือ
“ได้ๆ”
เอกเดินเข้าไปในบ้านพักวา แล้วนั่งลงบนเตียง
ลักษณะของบ้านพักจะไม่กว้างไม่แคบ พออยู่กันได้ 2-3 คน มีเตียงที่ฝั่งด้านขวา และมีหน้าต่างบนหัวเตียงนอน ด้านซ้ายเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและโต๊ะวางของ ทำมาจากไม้แดงเช่นเดียวกัน และมีโทรทัศน์จอ LED อยู่ตรงกับเตียงพอดี ลึกเข้าไปอีกจะเป็นห้องน้ำ
วาเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งและแต่งหน้าต่อ
“รอแปปนึงนะนาย อย่าแม้แต่จะบ่น ผู้หญิงต้องสวยตลอดเวลา” วาพูดดักเอก
“งั้นเดี๋ยวหลับรอ” เอกแซวพร้อมเอาหัวลงหมอ
“ไม่นานขนาดนั้นหรอกพ่อคุณ” วาพูดพร้อมกับแต่งหน้าต่อ
….
“เอก เอก .. ตื่นได้แล้ว เราเสร็จแล้ว” เสียงกระซิบของวาดังขั้น
เอกค่อยๆลืมตาขึ้น ในตอนนั้นเอง ภาพที่ปรากฎขึ้นข้างหน้าเอกคือหน้าของวาที่ยิ้มอยู่และอยู่ใกล้เอก ใกล้มากเสียจนเอกรู้สึกได้ถึงลมหายใจของวาค่อยๆกระทบที่ใบหน้าของเอกเป็นจังหวะ
“เฮ้ย ! วา ตกใจหมด เล่นไรเนี่ย” เอกเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจ
วาขำก๊าก แล้วกลิ้งอยู่บนเตียง
“ไม่มีอะไรๆๆ พอดีเราเห็นนายหลับแล้วน่ารักดี เราเลยอยากแกล้ง” วาพยายามหยุดขำสุดชีวิต
เอกทำหน้าเขินๆของคนถูกแกล้ง ก่อนจะพูดว่า
“อย่าให้เราแกล้งเธอแบบนั้นบ้างนะ”
“น่ากลัวจังเลย” วาทำเสียงสองใส่เอก
“แต่นายนี่นะ ยังขี้เซาเหมือนเดิมเลย แต่ว่าน้า ทำไมนายขวัญอ่อนขนาดนี้ ไอเด็กใจแข็งคนนั้นหายไปไหนแล้วน้า” วาพูดชวนย้อนอดีต
“นั่น กวนโอ้ยซะแล้ว แต่เช้าเลยนะ”
“เสร็จแล้วนี่ รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย” เอกพูดพลางยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา
“6:15”
เอกทำหน้าเจื่อนๆ
“ทำไมกูหลับง่ายขนาดนี้” เอกคิดในใจ
วายกกระเป๋าสัมภาระขึ้นมาสะพาย พร้อมกับพูดด้วยความร่าเริง
“Let’s go !”
เอกและวานั่งอยู่ที่คาเฟ่ประจำชั้นที่ 2 เพื่อรับประทานอาหารเช้าและกาแฟ
คาเฟ่ที่นี้ถูกตกแต่งด้วยกระจกรอบด้าน ทำให้แสงในยามเช้าสามารถส่องเข้ามายังร้านทั้ง 4 ทิศ พื้นถูกประดับด้วยหินอ่อนธรรมชาติ สีนวลขาว ทำให้รู้สึกสบายตา เหมาะสำหรับการมานั่งเพื่อเติมพลังทั้งกายและใจ เพื่อลุยในวันต่อไปเป็นอย่างยิ่ง
"ไงวา อยากกินอะไรยามเช้า" เอกถาม
"ปกติเรากินแซนวิชอ่ะ ยามเช้า ไม่อยากให้มันหนักท้องมากมาย"
"งั้นเอาแซนวิชทูน่าละกันง่ายดี... แล้วอยากได้อะไรดื่มหน่อยไหม กาแฟ?"
"ไม่ดีกว่า เราไม่ค่อยกินกาแฟ มันขมอ่ะ"
วาหลับตาปี๋สื่อออกมา ทำให้เอกคิดย้อนไปถึงตอนที่เอกเด็กๆ แล้วแอบลองจิบกาแฟของคุณพ่อ ความขมนั้นมันยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเอก
"นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เรากินกาแฟโดยไม่รู้สึกขม" เอกคิดในใจ
"งั้นเราเอาโยเกิร์ตเบอรี่ปั่นละกัน น่าจะมี" วาพูดขัดขึ้นมา
เอกสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับวา แล้วเดินไปออเดอร์ที่บาร์ที่อยู่กลางร้าน
"เอาแซนวิชทูน่า 2 ที่ครับ แล้วก็เบอรี่โยเกิร์ตปั่นแก้วนึง"
"ได้ค่ะ.. ว่าแต่คุณลูกค้ามา 2 ท่าน ไม่รับเครื่องดื่มเพิ่มอีกที่หรอครับ"
"แนะนำผมหน่อยสิครับ" เอกชวนบาร์เทนเดอร์สาวคุย
"ทะ..ทางร้านเราจะมีเมนูซิกเนเจอร์อยู่นะคะ แต่จริงๆมันก็มีทุกชั้น แต่ละชั้นก็มีเมนูซิกเนเจอร์ที่ต่างกัน" บาร์เทนเดอร์สาวพูดด้วยความประหม่าเล็กน้อย
"ในชั้นนี้จะมีเมนู La glace dans Americano ค่ะ จะเป็นเมนูเย็น เมล็ดกาแฟ ได้มาจากต้นกาแฟที่ปลูกภายในป่าลึก Blend ด้วยผลไม้และดอกไม้ป่าหลากหลายสายพันธุ์ค่ะ"
"งั้นจัดมาเลยครับ"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวจะนำไปเสิร์ฟให้นะคะ"
เอกเดินกลับมาที่โต๊ะยังไม่ทันพูดอะไร
"มองเขาใหญ่เลยน้า นายเอก" วาแซวขึ้นมา
"ก็มองอ่ะดิ หน้าเหมือนคนรู้จัก" เอกทำหน้าครุ่นคิด
"แต่ก็นะ ไม่น่ามีหรอก นี่ก็อยู่ตั้งเหนือ" เอกแบมือยักไหล่
"ชอบเขาอ่ะดิ" วายังไม่หยุดแซว แต่คราวนี้เสียงดังกว่าเดิมนิดหน่อย
"ชอบก็แย่ละวา พูดเบาๆเลย เดี๋ยวโดน" เอกเอานิ้วชี้มาประกบที่ปาก พร้อมกระซิบ
ไม่นานนัก หลังจากเอกกลับมานั่งที่โต๊ะ บาร์เทนเดอร์สาวคนนั้นก็นำอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งไว้มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ
แซนวิชทูน่าถูกเสิร์ฟมาบนถาดไม้อีโบนี่สีเข้ม ประดับด้วยกิ่งโรสแมรี่เล็กๆข้างๆ ดูวินเทจ และดูหรูหราในเวลาเดียวกัน
"สั่งตามหรอนายเอก ชอบกินตามว่ะ" วาพูดขึ้นมา
"อะไรครับคุณวา ผมกินแบบนี้ของผมอยู่แล้ว"
เมนู La glace dans Americano ของเอกถูกเสิร์ฟมาด้วยแก้ววิสกี้ใส่น้ำร้อน ก่อนบาร์เทนเดอร์จะคีบก้อนน้ำแข็งทรงกลมขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้มจัดราวกับว่าก้อนน้ำแข็งนั้นโดนไฟเผามาจนน้ำตาลลงในแก้ว มีไอน้ำปริมาณมากค่อยๆลอยออกมาจากแก้ว เหมือนกับว่าเป็นหมอกที่อยู่ในป่าชื้น แต่มันกลับให้ฟิลลิ่งสดชื่นอย่างน่าประหลาด
คงใช้รูปนี้เป็น ref ได้ดีที่สุดแล้ว 55555555
ส่วนของวา เบอรี่โยเกิร์ตปั่นของทางร้าน ถูกเสิร์ฟมาบนที่วางแก้วหินอ่อน
"โห่ ไมของนายมันดูพรีเมี่ยมจังวะเอก" วาถามขึ้น
"เอ้า มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนพรีเมี่ยมอย่างผมอยู่แล้ว" เอกพูดโอ้อวดขึ้น
"รายการอาหารครบนะคะ รับอะไรอีก บอกฉันได้เลยนะคะ" บาร์เทนเดอร์สาวพูดขึ้น
"ครบครับ ขอบคุณมากครับ" เอกกล่าวขอบคุณ
จากนั้นบาร์เทนเดอร์จึงเดินกลับไปประจำอยู่ที่บาร์
"ทำไมนายไม่บอกว่า คบแล้วห้ามเลิกน้า" วายังไม่หยุดแซว
"ตลกละ กวนตีน" เอกพูด
"มากินดีกว่า พูดมาก"
เอกหยิบกาแฟแก้ว signature ขึ้นมาลองจิบแรก
แก้วกาแฟเล็กๆ ที่แฝงไปด้วยรสชาติและกลิ่นหอมที่หลากหลาย ความหอมของก้อนน้ำแข็งผสมผสานกับไอน้ำเย็นที่พลั่งพลูออกจากแก้วนั้น กระทบเข้ามาที่จมูกของเอกในทันที
"อ๋อ น้ำแข็งกาแฟ" เอกคิดขึ้นมาทันที
ทันทีที่เอกจิบของเหลวสีน้ำตาลเข้าไป จากปาก.. เคลือบไปทั่วลิ้น.. ไหลลงสู่คอ มันเป็นเวลาสั้นๆ แต่ความรู้สึกของเอกนั้นเหมือนกับว่ามันผ่านไปเป็นปีๆ รสชาติและกลิ่นที่เอกสัมผัสได้ มันต้องใช้เวลามากกว่านั้นเป็นร้อยๆเท่าในการพิจารณาว่ามันคืออะไร แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดคือ "มันเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด"
เอกรู้ได้ทันทีว่า แก้วที่น่าค้นหาที่สุดที่เขาได้ดื่มในชั้นจาตุมหาราชนั้น ยังเทียบไม่ได้กับแก้วที่อยู่ตรงหน้าของเอก...
"มีแต่อะไรที่คาดการณ์ไม่ได้ไปหมดเลยนะ ในที่แห่งนี้" เอกคิด
...
"พร้อมยังวา" เอกพูดขึ้นหลังจากมายืนอยู่ที่ป้ายทางเดินไปชั้น 3
"พร้อมตั้งแต่เกิดแล้ว" วาตอบ พร้อมกับเท้าเอวทำท่ามั่นใจ
"ลุย"
...
"12:23"
เอกและวาเดินห่างมาจากชั้นที่ 2 ช่วงหนึ่ง แสงแดดถูกสาดลงมาจากบนท้องฟ้า ท่ามกลางผืนม่านสีคราม ลมที่พัดมาเบาๆคอยคลายร้อนและคล้ายจะให้กำลังใจแก่นักเดินทางที่มีความตั้งใจมาพิชิตภูดาวแห่งนี้ บรรยากาศวันนี้ดูสดใสและเป็นใจแก่การเดินทางทีเดียว
และดูท่าทางจะสร้างกำลังใจให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างวาได้มากทีเดียว
เอกมองดูวาที่เดินอย่างร่าเริงอยู่ข้างหน้า แล้วยิ้มเล็กๆ
"เอก ! ดูนี่ดิ" วาเรียกเอกพร้อมกระโดดหมุนตัวมาหา
"หือ มีไร" เอกรีบเดินไปหาวา
ข้างหน้าของเอกและวาปรากฎภาพแอ่งน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีหมู่ดอกไม้โตอยู่รอบๆ เสียงน้ำตกกระทบแอ่งน้ำดังอย่างเบาๆ และสม่ำเสมออยู่ไกลๆทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และหายเหนื่อยเป็นอย่างมาก จุดนี้คงเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ มักจะมาพักกัน บ้างก็นั่งเอาเท้าแช่น้ำ บ้างก็โดดลงน้ำไปเล่น
น้ำภายในแอ่งน้ำตก มีสีที่ใส ทำให้มองเห็นทุกอย่างที่อยู่ภายในแอ่งน้ำอย่างชัดเจน
ความลึกมีไม่มาก น่าจะพอประมาณหัวเข่า จุดที่ลึกที่สุดของแอ่งน่าจะอยู่ที่อกของเอก ตรงพื้นของแอ่งจะเป็นหินขนาดใหญ่เป็นพื้น มีหมู่ปลาตัวเล็กๆแหวกว่ายอยู่ในแอ่งหลากหลายร้อยชนิดและเป็นมิตรกับผู้คน สายน้ำค่อยๆ ไม่แรงมาก จึงทำให้แอ่งน้ำตกนี้สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ
"สวยเนอะ" วาพูดขึ้นมาลอยๆ
"แชะ" เสียงกล้องเอกดังขึ้น
"อื้อใช่ สวยจริงๆ" เอกค่อยๆลดกล้องลง
"..."
จู่ๆวาก็คว้ามือเอก จูงเดินเข้าไปใกล้แอ่งน้ำตก
"ไปแช่เท้ากันเอกก" วาพูดขึ้นมาเสียงสดใสและจูงมือเอกไปเรื่อยๆ
"อ่ะ... เอ้ออ ไปแช่เท้ากัน" เอกรู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงตอบไปด้วยความตกใจและประหม่าเล็กน้อย
...
"เฮ้อออออ..~" วาถอนหายใจ
"หลังจากเดินมานาน พอมาพักแบบนี้ รู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมาเลยน้า"
"หายเหนื่อยแล้วก็ไปกันต่อดีกว่า มา" เอกพูดขึ้น พร้อมกับจับแขนวาดึงขึ้นเบาๆ
"โถ่ คุณเอก เราขอพักก่อนอีกแปปนึงม่ายด้ายหยอ" วาทำเสียงสองอ้อนเอก พร้อมกับเอาหน้าเกยไหล่เอกที่นั่งอยู่ข้างๆ
เอกขำเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
"แหม่ เราแค่พูดเล่นหน่า พักก่อนเถอะ เราว่าทางข้างหน้ายังอีกไกลเลย"
"เนอะ" วาหันหน้ามาหาเอกและยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปมองที่น้ำตกต่อ
เอกเหลือบมองดูวาที่นั่งอยู่ข้างๆ และแอบยิ้มเล็กๆ ก่อนจะมองไปที่น้ำตกเช่นเดียวกันกับวา
"เรานี่...เหมือนแฟนกันเลยเนอะ" วาพูดขึ้นมา
"หือ" เอกอุทานขึ้น
"เปล่าๆ ช่างมันเถอะ" วารีบตัดบทสนทนา
...
หลังจากพักที่น้ำตกซักพัก เอกกับวาเดินตามเส้นทางที่ยาว ราวกับเป็นร้อยๆโยช และขึ้นบันไดที่สูงเป็นร้อยๆหลา
จู่ๆ... บรรยากาศข้างๆทางก็เริ่มแปลกไป
"นายว่ามันแปลกๆไหม" วาทักขึ้น
"หือ ยังไงอ่ะ" เอกหยุดเดินและถามวา
"นายดูรอบๆตัวดิ"
เอกเดินตามทางมาเพลิน จนลืมสังเกตุไปเลยว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มเปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับเส้นทางที่ผ่านๆมา
ป่าข้างทางเริ่มทึบขึ้น ต้นไม้สูงจนราวตึกระฟ้าจนบังท้องฟ้า และแสงจากดวงอาทิตย์ไปจนบรรยากาศเริ่มเย็นราวกับกลางคืน
เอกไม่รีรอที่จะยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาทันที
"15:13"
"..."
"สงสัยนาฬิกาจะพัง" เอกพูด
วาง้างมือตีไหล่เอกอย่างจัง
"จะบ้าหรอ ไม่ใช่นาฬิกาพังเว่ย" วาโวยวาย
"ป่ามันทึบมากจนทำให้บรรยากาศรอบๆมันดูเหมือนกลางคืนต่างหาก"
"เออ รู้หน่า พูดเพื่อความสบายใจไง" เอกพูดขึ้นพร้อมกับเอามือลูบไหล่ข้างที่โดนวาตี
"ทำไงดีเอก" วาพูดขึ้นมาอย่างรนรานใจ
"เออหน่า ไม่เป็นไรหรอก ตามทางไปก่อน ยังมีเส้นทางบอกหนิ" เอกพูดปลอบใจ
"เรา.. คงไม่หลงทางใช่ไหม" วาพูด
วาเริ่มกลัวจนเอกเริ่มสังเกตุเห็น
"หลงอะไร บ้าบอ มากับพี่ไม่หลงหรอก" เอกพูดติดตลก หวังจะให้วาคลายความเครียดลง
แต่วากลับดูไม่ผ่อนคลายลงเลยซักนิด เสียแต่ว่าอาการของวายิ่งแย่กว่าเดิมอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ากลัวจนเป็นไข้..
ทำให้เอกรู้ได้เลย.. ว่าการเดินทางไปชั้นที่ 3 จะไม่ง่ายเหมือน 2 ชั้นก่อนเสียแล้ว...
"วา..."
"มันยังหลอกหลอนวาอยู่..ในทุกวันนี้อีกหรอ"
...
แล้วเอกกับวาจะออกไปจากป่าแห่งนี้ได้หรือไม่ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป โปรดติดตามต่อใน...
เรื่องเล่าจากภูดาว EP#5
"Reason"
สวัสดีครับ ผมเมอร์จินท์ :)
หายไปนานสำหรับเรื่องนี้นะครับ เขียนเรื่อยๆ เพิ่มเติมเรื่อยๆ ใครที่รออ่านอยู่ มาแล้วนะครับ ขอโทษที่ทำให้รอ TT^TT แรงบัลดาลใจไม่ค่อยจะมีเลยย
ถ้าชอบ ฝากกดไลค์กดแชร์ ติชมเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เขียนด้วยนะค้าบบบ :3
โฆษณา