กองกำลังต่อสู้ของสหรัฐฯ จะถอนกำลังออกจากอิรักในช่วงปลายปีนี้
โดยในวันที่ 22 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น ตามรายงานของสื่อของสหรัฐฯ
สหรัฐฯ และอิรัก ได้บรรลุข้อตกลงและจะออกแถลงการณ์ร่วมโดยประกาศว่ากองกำลังต่อสู้ของสหรัฐฯ คาดว่าจะถอนตัวจากอิรักภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม การถอนตัวไม่ได้หมายความถึงการถอนทหารสหรัฐโดยสมบูรณ์
รัฐมนตรีต่างประเทศอิรัก Hussein กล่าวว่าขณะนี้อิรักมีบุคลากรทางทหารเพียงพอ แต่ก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ในด้านข่าวกรอง การฝึกทหาร และการสนับสนุนทางอากาศ
ปัจจุบันมีทหารสหรัฐ 2,500 นายในอิรัก โดยมุ่งเน้นที่การต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) การถอนตัวไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนโฟกัสไปที่การฝึกทหารอิรักทดแทน
ในวันที่ 26 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีคาดิมีของอิรักจะพบกับประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน และจะออกแถลงการณ์ถอนกำลังทหารอย่างเป็นทางการ
และในช่วงสูงสุดของสงครามนาโต้ 50 ประเทศและประเทศพันธมิตรมีทหารประจำการในอัฟกานิสถาน ซึ่งทหารประมาณ 10,000 นายจาก 36 ประเทศกำลังปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน แต่ณ สัปดาห์นี้ กองทหารส่วนใหญ่ถูกถอนออกไปยังประเทศบ้านเกิด
กระทรวงกลาโหมระบุว่าเป็นการถอนตัวจากอัฟกาน..มัน... "ปลอดภัยและเป็นระเบียบ" แล้วในสถานการณ์จริงล่ะ....ตามมุกเก่าๆมาเลยครับ..
โดยไม่แจ้งผู้บัญชาการอัฟกานิสถานคนใหม่ ซึ่งปกติแล้วพวกเขาที่ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานเป็นเวลา 20 ปีโดยสมบูรณ์ และเคร่งครัด
กองทัพอัฟกันกล่าวว่า 2 ชั่วโมงหลังจากที่กองทหารสหรัฐฯ ออกไป กองทหารอัฟกันในเมืองแบกรัม ตระหนักว่า "น้ำและไฟฟ้าต้องถูกตัดชัวส์" และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าฐานทัพนี้ว่างเปล่า
กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งสิ่งของไว้ 3.5 ล้านชิ้น รวมถึงขวดน้ำ เครื่องดื่มชูกำลัง และอาหารทางการทหาร
รายการของขนาดใหญ่รวมถึงยานพาหนะพลเรือนและรถหุ้มเกราะหลายร้อยคัน
นอกจากนี้ยังมีอาวุธและกระสุนขนาดเล็ก
นอกจากนี้ยังมีเรือนจำในฐานทัพอากาศ Bagram ที่มีนักโทษ 5,000 คน ซึ่ง
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มตอลิบาน
สิ่งนี้...ที่ยังเหลือให้กองกำลังความมั่นคงอัฟกัน
แต่เมื่อผู้บัญชาการทหารอัฟกันมาถึงเวลา 7.00 น. ในเช้าวันรุ่งขึ้น
ฐานทัพ Bagram ก็ถูกกลุ่มนักล่าติดอาวุธกลุ่มเล็กๆ กวาดล้างไปทันที
บนถนนในอัฟกานิสถาน พ่อค้ารายย่อยและพ่อค้าเร่เริ่มขายสินค้ามือสองหลากหลายประเภท เช่น ลูกบาสเก็ตบอล ลำโพง แล็ปท็อป จักรยาน หมวกกันน๊อค พัดลมไฟฟ้า กีตาร์ และอื่นๆ...แน่นนอนคุณก็รู้นี้ว่ามันมาจากไหน?
ที่ฮามากๆ คือข่าวในมุกเก่าๆเรื่อง "แอบหนีกลางคืน" เว็บไซต์เสียดสีอเมริกัน Onion ที่เป็นไปตามคาดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว! ตอนนั้นในเดือนกรกฎาคม 2011 Onion ตีพิมพ์บทความเสียดสี..ว่า...
"กองทัพสหรัฐกล่าวว่าวิธีเดียวที่จะกำจัดสถานการณ์ที่น่าเศร้าและไม่มีความสุขใน
อัฟกานิสถาน คือการออกจากอัฟกานิสถานอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับกองทหารและหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯจำนวน 100,000 นาย" และแล้วมันก็เป็นจริง...
จากน้้นใน...ค่ายทหารตอนช่วงดึกของคืนวันอาทิตย์....
กองบัญชาการทหารสหรัฐฯ นายทหารได้เขียนเหตุผลในการถอนตัวจาก Bagram ซึ่งเป็นฐานทัพทหารที่ใหญ่ที่สุดในอัฟกานิสถานลงในกระดาษโน้ต
"เมื่อคุณอ่านจดหมายฉบับนี้ เราก็จากไปแล้ว เราเสียใจกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับอัฟกานิสถาน แต่นี่คือ เรา”
”จะต้องทำอย่างไร เพราะเราเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้.... สหรัฐฯ ยังคงห่วงใยอัฟกานิสถานมาก แต่สุดท้าย นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่เราคิด ขอโทษจริงๆ และฉันหวังว่า ชีวิตคุณคงดีที่สุดในอนาคต!"
----เอาล่ะมาที่...ฐานทัพสหรัฐที่เคยใหญ่ที่สุดในอัฟกานิสถาน----
ฐานทัพอากาศ Bagram ของกองทัพสหรัฐฯ เดิมเป็นสนามบินทหาร
สร้างขึ้นโดยสหภาพโซเวียตภายใต้ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะของอัฟกานิสถานในทศวรรษ 1950
ในปี 1979 สหภาพโซเวียตได้บุกอัฟกานิสถาน และสนามบินแห่งนี้ได้กลายเป็นฐานทัพสำคัญของสหภาพโซเวียต
สหภาพโซเวียตถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานในปี 1989 ปลายทศวรรษ 1990
สนามบินร้างแห่งนี้เหลือเพียงรันเวย์ร้าง โรงเก็บเครื่องบินทิ้งระเบิด และหอสังเกตการณ์ที่ไม่มีไฟฟ้า
หลังจากการโจมตี 11 กันยายนในปี 2544 กองทัพสหรัฐเข้ายึดสนามบินนี้อย่างรวดเร็ว และใช้เป็นฐานทัพหลักของกองทัพสหรัฐเช่นเดียวกับสหภาพโซเวียต
ในช่วงแรก ๆ ของตำแหน่งประธานาธิบดีของบุช
ซีไอเอใช้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กักกันสำหรับผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย และเป้นที่ "ลงประชามติ"นักโทษจำนวนมากถูกทรมานเพื่อดึงคำสารภาพ
ภายหลังโอบามา ก็ยอมรับการล่วงละเมิดนักโทษโดยกองทัพสหรัฐฯ
ขณะที่กองทัพสหรัฐฯ และ NATO ยังคงเพิ่มกำลังทหารในอัฟกานิสถาน ฐานทัพก็ถูกขยายออกไปด้วย และสนามบินได้สร้างรันเวย์แห่งที่สอง รวมทั้งสระว่ายน้ำ ยิม และห้องเรียน
มีแม้กระทั่งพิซซ่าฮัท รถไฟใต้ดิน และร้านกาแฟที่ฐานทัพ
ภายในปี 2550 Bagram ได้กลายเป็นฐานทัพทหารขนาดใหญ่ที่มีประตูรักษาความปลอดภัยมากกว่าสามประตู
อย่างมากที่สุด ฐานทัพถึงจุดสูงสุดในปี 2555 ทหารสหรัฐและนาโต้มากกว่า 100,000 นายมารวมตัวกันในป้อมปราการขนาดใหญ่แห่งนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มาเยือน Bagram ครั้ง ล่าสุดคือทรัมป์ เขาไปเยือนอัฟกานิสถานอย่างประหลาดใจในวันขอบคุณพระเจ้าในปี 2019
นอกจากนี้ ยังเป็นการเยือนอัฟกานิสถานครั้งแรกระหว่างดำรงตำแหน่งด้วย และเขาอยู่นานกว่าสามชั่วโมง
ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน กานี ยังได้รับหนังสือแจ้งล่วงหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง...ทำให้การรักษาความปลอดภัยแน่นหนาตลอดการเยือน ที่ฐานทัพทหารสหรัฐฯ มีโดรนบินวนเหนือฐานทัพไปมา
จากภายนอก รถบรรทุกคันหนึ่งเต็มไปด้วยทหารพร้อมกระสุนจริง สวมหมวกกันน็อคและแว่นสายตากลางคืน คุ้มกันตลอด
ก่อนหน้านั้น บุช จูเนียร์และโอบามาต่างก็เดินทางมาอัฟกานิสถานเพื่อเยี่ยมกองทัพในอัฟกานิสถาน
แม้ว่าไบเดนจะไม่ได้มาอัฟกานิสถานในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่เขาก็ได้ไปเยือนอัฟกานิสถานหลายครั้งในฐานะรองประธานาธิบดีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ย้อนไปเมื่อปี 2550 เมื่อรองประธานาธิบดี ดิ๊ก เชนีย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ เยี่ยมชมฐานทัพทหารสหรัฐในอัฟกานิสถาน มือระเบิดพลีชีพก็โจมตีเมืองแบกรัม คร่าชีวิตผู้คน 23 ศพ และบาดเจ็บอีก 20 คน
นอกจากนักการเมืองแล้ว ดาราดังชาวอเมริกันยังจะมาเยือนที่นี่ด้วย เช่น โรบิน วิลเลียมส์ ดาราภาพยนตร์ผู้ล่วงลับ ,เจย์ เลโน พิธีกรรายการทอล์คโชว์ ร็อคสตาร์ คิด ร็อค เป็นต้น
แต่ตอนนี้...กองกำลังสหรัฐฯ ถอนกองกำลัง...ออกจากอัฟกานิสถาน
ไม่ถึง 48 ชั่วโมงหลังจากการถอนกำลังของสหรัฐฯ มีโพส์ตวิดีโอของกองกำลังรัฐบาลอัฟกานิสถานที่ยอมจำนนต่อกลุ่มตอลิบานที่เริ่มมีการเคลื่นไหว และกลุ่มตอลิบานยังแสดงอาวุธของสหรัฐฯ ที่กองกำลังรัฐบาลอัฟกานิสถานได้ส่งมอบหลังจากกองกำลังสหรัฐฯ และนาโต้ล่าถอย
ดูเหมือนว่ากลุ่มตอลิบานจะใช้วิดีโอนี้เพื่อต่อสู้กับสงครามโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งพิสูจน์ว่ากลุ่มตอลิบานจะยินดีต่อทหารของรัฐบาล.....ที่ยอมจำนน
ที่พวกเขามอบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดของสหรัฐฯ และรถหุ้มเกราะฮัมวี
หลังจากการปะทะกับกลุ่มตอลิบานเมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา กองกำลังของรัฐบาลอัฟกานิสถานมากกว่าหนึ่งพันนาย...
ได้หลบหนีไปยังทาจิกิสถาน...จากจังหวัดบัดแชงก์ ทางภาคเหนือของทาจิกิสถาน
พล.อ.สกอตต์ มิลเลอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน กล่าวว่า
เขารู้สึกตกใจกับความรวดเร็วที่กองกำลังของรัฐบาลอัฟกานิสถานยอมจำนนต่อกลุ่มตอลิบาน(ก็แน่ล่ะสิ555)
ในการให้สัมภาษณ์กับ ABC เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มิลเลอร์กล่าวว่า "ฉันไม่ชอบออกไปเมื่อเพื่อนของฉันต้องการ แต่เราควรจะกังวล ด้วยความเร็วที่เราสูญเสียดินแดนของเราเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก สถานการณ์ด้านความปลอดภัยก็แย่มากเช่นกัน ในตอนนี้"
คาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน
"กลุ่มตอลิบานกำลังดำเนินการ และสงครามก็เป็นของจริง แม้ว่าสงครามจะมีแง่มุมทางจิตวิทยาและศีลธรรมด้วย แต่ความหวังเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณไม่สามารถปล่อยให้ผู้คนสูญเสียความหวังได้"
พลเรือนอัฟกันในดินแดนตอลิบาน
แล้ว...ที่สหรัฐฯ ถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานอย่างเป็นทางการ หมายความว่าสงครามสิ้นสุดลงหรือไม่?
บางทีสำหรับสหรัฐอเมริกา ....สงคราม 20 ปีกับการก่อการร้ายได้สิ้นสุดลงแล้ว
แต่สำหรับชาวอัฟกัน สงครามกลางเมือง....อาจเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
กลุ่มติดอาวุธตอลิบานได้รับชัยชนะ และการเจรจาสันติภาพในอนาคตก็อยู่ในภาวะชะงักงันเช่นกัน เมื่อกองกำลังต่างชาติหายไป อัฟกานิสถานก็มีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในสงครามกลางเมืองที่รุนแรงขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากหลายประเทศ แต่องค์กร YSL สุดโต่งยังคงซุกซ่อนอยู่ในสาขาต่างๆ ของอัฟกานิสถาน
สำหรับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรพันธมิตร ผลลัพธ์นี้ยังไม่ชัดเจน
แม้ว่ากองกำลังต่อสู้ทั้งหมด และวัสดุการต่อสู้ทั้งหมด...เป็นเวลา 20 ปีจะถูกถอนออก แต่นายพล Frank Mackenzie ผู้บัญชาการกลางของสหรัฐฯ จะยังคงสนับสนุนกองทัพอัฟกัน กับกลุ่มตอลิบานต่อจนถึงเดือนกันยายน
และเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาสามารถช่วยกองกำลังของรัฐบาลอัฟกานิสถานได้ โดยสั่งการโจมตีโดยตรงจากเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ ที่ประจำการนอกอัฟกานิสถาน
แต่...จากมุมมองทางเทคนิค
กองทัพสหรัฐไม่ได้ปฏิบัติการภาคพื้นดิน กับกลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถานตั้งแต่ปี 2014 กองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายได้ติดตามและต่อสู้โดยพวกหัวรุนแรง รวมถึงการใช้เครื่องบินขับไล่และโดรนที่ประจำการในอัฟกานิสถาน
ตอนนี้เครื่องบินรบเหล่านี้ถูกถอนออกจากอัฟกานิสถานแล้ว การโจมตีและการสนับสนุนด้านลอจิสติกส์ทั้งหมดจะดำเนินการจากประเทศอื่นๆแทน
สำหรับความเป็นจริง....ในอัฟกานิสถาน กองทัพสหรัฐฯ จะไม่จัดการฝึกอบรมให้กับกองทัพอัฟกันอีกต่อไป
กองกำลังเฉพาะกิจด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยทหาร 650 นายจะประจำการอยู่ที่สถานทูตสหรัฐฯ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของนักการทูตสหรัฐฯ
กองทัพสหรัฐอาจมอบความคุ้มครองด้านความปลอดภัยของสนามบินนานาชาติคาบูลให้กับตุรกี
ส่วนนายพล MacKenzie จะเก็บทหาร 300 นายไว้...เพื่อส่งมอบให้เสร็จสิ้นในเดือนกันยายน
นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐยังต้องช่วยเหลือชาวอัฟกันในการขอวีซ่าผู้อพยพแบบพิเศษ ซึ่งรวมถึงล่ามชาวอัฟกัน ,พนักงานขับรถ และเจ้าหน้าที่ด้านลอจิสติกส์ 18,000 คน ซึ่งเคยช่วยเหลือกองทัพสหรัฐในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาอีกประมาณ 53,000 คน
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดว่าล่ามและนักแปลภาษาชาวอัฟกันบางคนจะถูกย้ายไปยังที่ตั้งอื่นนอกอัฟกานิสถาน ก่อนที่สหรัฐฯ จะถอนตัวในเดือนกันยายน เพื่อให้เสร็จสิ้นขั้นตอนการสมัครวีซ่าสหรัฐฯ ตามขั้นตอนปกติ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต้องใช้เวลาถึง 800 วันในการดำเนินการวีซ่าดังกล่าว
ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับสภาคองเกรสเพื่อทำให้ขั้นตอนการขอวีซ่าง่ายขึ้น
แล้วสำหรับ....พันธมิตร NATO ของสหรัฐอเมริกาล่ะ?
ภารกิจของนาโต้ของการฝึกอบรมการสร้างและให้ความช่วยเหลือกองกำลังอัฟกันบนพื้นดินที่จะเริ่มต้นในปี 2015
ในขณะที่ภารกิจการต่อสู้นำโดยสหรัฐอเมริกาได้สิ้นสุดลงทั้งหมด กองกำลังอัฟกานิสถานจำเป็นต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่สำหรับการต่อสู้กับตอลิบาน
และสหรัฐอเมริกาก็จัดสรรไว้ให้พันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี เพื่อสนับสนุน กองกำลังของรัฐบาลอัฟกานิสถาน
ในช่วงสูงสุดของสงคราม นาโต้ 50 ประเทศ และประเทศพันธมิตรมีทหารประจำการในอัฟกานิสถาน ซึ่งทหารประมาณ 10,000 นายจาก 36 ประเทศ กำลังปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน
ณ สัปดาห์นี้ กองทหารส่วนใหญ่ถูกถอนกลับ ออกไปยังประเทศบ้านเกิด
ขณะนี้ ตุรกีกำลังหารือเกี่ยวกับข้อตกลงทวิภาคีรอบใหม่กับผู้นำอัฟกัน ซึ่ง
รวมถึงการขอทหารเพื่อประกันความปลอดภัยบนสนามบิน และตอนนี้กองทัพตุรกีจะยังคงอยู่ในอัฟกานิสถาน
ทำให้ผมแน่ใจว่า....การถอนตัวของสหรัฐฯ ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของสงครามต่อต้านการก่อการร้าย
สหรัฐฯ ได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า หากอัลกออิดะห์หรือองค์กรก่อการร้ายอื่นๆ ในอัฟกานิสถานคุกคามสหรัฐฯ
สหรัฐฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการประท้วงต่อต้านองค์กรก่อการร้าย ในอัฟกานิสถาน
แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานกิจการอินโด-แปซิฟิกของทำเนียบขาว ก็กล่าวว่า
การถอนตัวของสหรัฐฯ หมายความว่าการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนจากตะวันออกกลางเป็นเอเชียแปซิฟิก
อาจจะหมายความว่า...อัฟกานิสถาน กำลังใกล้เกิดสงครามกลางเมือง.
ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 กองทัพสหรัฐฯ ได้ลงนามในข้อตกลงสงบศึกกับเยอรมนีในฐานะฝ่ายพันธมิตรที่ได้รับชัยชนะและสนธิสัญญาแวร์ซายในภายหลัง จนถึงขณะนี้ 11 พฤศจิกายน ยังคงเป็นวันหยุดของรัฐบาลกลางสหรัฐฯโดยให้เป็น "วันทหารผ่านศึก" "
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2488 สหรัฐอเมริกาได้จัดกิจกรรมฉลองชัยชนะ 2 ครั้งติดกัน การยอมแพ้ของเยอรมนีถือเป็นชัยชนะของสนามรบยุโรป
ไม่กี่เดือนต่อมา ก็ฉลองเมื่อญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้หลังจากถูกทิ้งระเบิดโดยฮิโรชิมาและนางาซากิ
และอย่าลืม....การถอนตัวของสหรัฐฯ จากเวียดนามในปี 1973 ถือเป็นความล้มเหลวของกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบในต่างประเทศ
ต่อมา...ในปี 2011 เมื่อขบวนรถของสหรัฐฯ ขับออกจากอิรัก ถือเป็นการถอนทหาร
สหรัฐฯ ออกจากสนามรบในตะวันออกกลาง แต่เพียงสามปีต่อมา กองทหารสหรัฐฯ กลับมาโจมตีกองกำลัง ISIS และช่วยสร้างกองทัพอิรักที่ถล่มทลายขึ้นใหม่
มาคราวนี้...เมื่อกองทัพสหรัฐในอัฟกานิสถานสิ้นสุดลง คราวนี้จะไม่มีการยอมแพ้ ไม่มีการลงนามสนธิสัญญา และจะไม่มีชัยชนะครั้งสุดท้าย
ซึ่ง...สำหรับไบเดน กองกำลังสหรัฐฯ ได้ทำลายอัลกออิดะห์และสังหารบิน ลาเดน ซึ่งก็เพียงพอแล้ว
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ความรุนแรงในอัฟกานิสถานเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น และการ
โจมตีของกลุ่มตอลิบานต่อกองกำลังของรัฐบาลอัฟกานิสถานและพลเรือนก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
กลุ่มตอลิบานได้ควบคุมศูนย์ภูมิภาคมากกว่า 100 แห่งในอัฟกานิสถาน
เพนตากอนระบุว่าความเสี่ยงของการล่มสลายของรัฐบาลอัฟกานิสถานและกองกำลังของรัฐบาลในอีกสองปีข้างหน้าคือแค่....... "ระดับกลางๆ"
ในขณะที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ มองโลกในแง่ร้ายมากกว่า โดยเชื่อว่า อย่างเร็วที่สุด รัฐบาลอัฟกานิสถานจะถูกยุบภายใน 6 เดือน .
มิลเลอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน กล่าวก่อนออกเดินทางว่า "สงครามกลางเมืองเป็นสิ่งที่เป็นไปได้"
สหรัฐอเมริกาเชื่อเสมอว่าวิธีเดียวที่จะบรรลุสันติภาพในอัฟกานิสถานคือการปรึกษาหารือทางการเมือง
ฝ่ายบริหารของทรัมป์ เคยลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มตอลิบานในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ข้อตกลงดังกล่าวระบุว่าสหรัฐฯ จะถอนกำลังทหารของตนก่อนเดือนพฤษภาคม 2564 เพื่อแลกกับพันธกรณีด้านสันติภาพของตอลิบาน รวมถึงรัฐบาลอัฟกานิสถานจะไม่เปิดโอกาสให้ผู้ก่อการร้ายโจมตีสหรัฐได้อีกต่อไป
แต่ข้อตกลงบนกระดาษฉบับนี้ได้กลายเป็นจดหมายที่ตายแล้ว
แม้ว่าไบเดนจะจัดการกับความยุ่งเหยิงจากรุ่นก่อนได้ แต่...วิธีที่เขาเลือกไม่ใช่เพื่อขจัดความยุ่งเหยิง แต่เพื่อ "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" โดยตรงก็เท่านั้น
ส่วนในตอนนี้...สถานการณ์ในอัฟกานิสถานแย่ลงเร็วกว่าที่คาด ตาลีบัน
อยู่ในสถานะล้มเหลว และกองกำลังความมั่นคงอัฟกันก็ยอมจำนนโดยไม่มีการต่อสู้
การคาดการณ์ในแง่ร้ายในสหรัฐอเมริกาคือ ในอนาคต อัลกออิดะห์จะกลับมาในอัฟกานิสถาน ผู้ลี้ภัยจะหลั่งไหลไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ปากีสถาน
สถานทูตสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานอาจถูกบังคับให้ปิด และรัสเซียจะคิดว่าไบเดนอาจจะไม่ทำ
จนมีคำกล่าวเจ็บๆในอัฟกานิสถานว่า...อเมริกามีนาฬิกา ส่วนตาลีบันมีเวลา
เช่นเดียวกับนักข่าวอาวุโสที่กล่าวถึงอัฟกานิสถาน ที่ได้กล่าวเสริมว่า "ทรัพยากรของสหรัฐอเมริกานั้นมีจำกัด แต่เวลาของตอลิบานมีไม่จำกัด"
- 24
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
