17 ก.ค. 2021 เวลา 14:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ
โพสต์สรุปข้นคลั่กนักลงทุน Season 0 (3 ตอน)
ครบจบเรื่อง Semiconductor
==========
ดู Live ย้อนหลัง
---
ตอนที่ 1 (ภาพรวมอุตสาหกรรม): https://www.facebook.com/1366426383372492/videos/203945571623443
---
ตอนที่ 2 (เจาะหุ้นรายตัว): https://www.facebook.com/1366426383372492/videos/354716159343982
---
ตอนที่ 3 (กองทุน): https://www.facebook.com/1366426383372492/videos/370177657856891
==========
สำหรับคนขี้เกียจดู เรามีโพสต์สรุปให้
---
---
---
==========
คลิป Highlight หุ้น 5 ตัวที่เราหยิบมาเจาะลึกกันในตอนที่ 2
---
---
---
---
#ON_SEMICONDUCTOR: https://youtu.be/dAABhxlSDrk
==========
1
จบไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรายการ ข้นคลั่กนักลงทุน Season 0
วันนี้เรามาสรุปทั้ง Season กัน จบในโพสต์เดียว
#ภาพรวมหุ้นกลุ่มSemiconductor
ความน่าสนใจของการลงทุนธีม Semiconductor คือ เป็นกลุ่มที่เติบโตเรื่อย ๆ ตลอดทุกช่วงของเศรษฐกิจ
เพราะความต้องการบริโภคเทคโนโลยีสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่ง semiconductor เป็นอุปกรณ์จำเป็น จึงทำให้กลุ่มนี่มีความน่าลงทุนระยะยาว
หุ้น Semiconductor วิ่งกันกระจายตอบรับนโยบาย Biden และความต้องการใช้เทคโนโลยีที่มากขึ้นในช่วงโควิดระบาด (โดยเฉพาะหุ้นชิพฝั่งสหรัฐ)
สุดท้ายมาสะดุดตรงปัญหา Chip Shortage เนื่องจากมี Demand เยอะ เเต่ Supply จำกัด ขายชิพเพิ่มไม่ได้ หุ้นก็ตก
ทำให้โรงงานใหญ่ ๆ อย่าง TSMC, Samsung กำลังการผลิตเต็ม และลามไป โรงงานเบอร์รองอย่าง UMC, Hua hong และ SMIC ซึ่งเป็นสัญญาณว่าชิพขาดแคลนอย่างหนัก
ซึ่งเดิมทีชิพที่ขาดคือ advance node (5,7 nm) แต่ปัจจุบันปัญหาอยู่ที่ชิพรุ่นเก่ามากกว่าเพราะไม่มีผู้ผลิตรายไหนอยากลงทุนเพิ่ม
ส่งผลให้หลายอุตสาหกรรมผลิตสินค้าไม่ได้
อุตสาหกรรมมือถือสั่งชิพน้อยลง
อุตสาหกรรมรถอ่วมหนัก ส่งมอบรถไม่ได้กว่า 2.2 ล้านคันโดยคาดการณ์ว่าปัญหานี้จะยาวนานไปอีก 6-12 เดือน
Biden ประกาศจะอัดงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ $2.25 ล้านล้าน
เพื่อแก้ปัญหา chip shortage ที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
Biden ให้เงินสนับสนุนอุตสาหกรรม semiconductor ตรง ๆ ผ่านทาง tax credit และ R&D ตลอด 5 ปี มูลค่า $5.2 หมื่นล้าน แต่มีการช่วยทางอ้อมอีกเยอะ เช่น งบสนับสนุน EV ที่จะช่วยเพิ่มความต้องการชิพอีกทาง
โรงงานการผลิตจึงแห่ลงทุนตั้งโรงงานในสหรัฐเพื่อรับเงินสนับสนุนจาก Biden ทั้ง TSMC Sumsung เป็นต้น
อุตสาหกรรม semiconductor แต่ละ position จะมีประเทศผู้นำที่ต่างกัน
อเมริกา เด่นด้านการออกแบบ และเครื่องจักร
ไต้หวัน เด่นด้านการผลิต
จีน มีตลาดการบริโภคที่ใหญ่ที่สุด
ปัจจุบันฝั่งการผลิต semiconductor กว่า 75% ของโลกอยู่ฝั่ง Asia หมดแล้ว
อเมริกาตอนนี้มี Market Share การผลิตชิพเพียง 12% จาก 37% ในปี 1980 เลยมีนโยบายบังคับย้ายโรงงานจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน หรือชาติอื่นๆ มาตั้งโรงงานในสหรัฐ
#ตัวอย่างผู้เล่นที่น่าติดตามในอุตสาหกรรม
Nvidia
เจ้าแห่ง AI เพราะ GPU ที่ประมวลผลแบบ parallel เหมาะสมที่สุดสำหรับใช้ฝึก AI (AI Training) และปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งที่จะแข่งกับ Nvidia ได้
TSMC
เป็นเบอร์หนึ่งของโลกในด้านการผลิต (foundry)
ASML
บริษัทจาก Netherland ผูกขาดเครื่อง EUV สำหรับใช้ในกระบวนการ Lithography เพื่อการผลิตชิพที่เล็กกว่า 10nm ลงไป
Micron
เป็นผู้ผลิตชิพ memory (DRAM+NAND) ต่างจาก TSMC ที่เป็นผู้ผลิตฝั่ง logic
ซึ่งชิพ momory มีลักษณะเหมือน commodity คือมีราคากลางของตลาด
ทำให้ในช่วงที่การผลิตเต็ม สามารถขึ้นราคาได้เรื่อย ๆ
ON Semiconductor
รถยนต์มีชิ้นส่วน semiconductor เยอะมาก และการนำชิพไปใช้ในรถยนต์ไม่จำเป็นต้องเป็นชิพที่ไฮเทคมาก แต่ยิ่งรถไฮเทคเท่าไหร่ยิ่งใช้ชิพเยอะขึ้นเท่านั้น
การมาของ autonomous vehicle (AV) จะสร้างกำไรให้บริษัทเหล่านี้มหาศาล
ยกตัวอย่างเช่น ถ้า adoption rate ของโลกอยู่ที่ระดับ 2 รายได้ของ On Semiconductor จะโตได้ถึง 15 เท่า
#4กองทุนSemiconductorในไทย
SOXX (iShares Semiconductor ETF) คือดัชนีตัวแทนกลุ่ม Semiconductor ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาทำผลตอบแทนได้ราว ๆ 330% เอาชนะ NASDAQ มากกว่า 100%
เมื่อย้อนดูผลการดำเนินงานย้อนหลังของ master fund ที่ทุกกองทุนไปลงทุนแล้ว
มีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน ทั้ง VanEck Vectors Semiconductor ETF, Invesco Dynamic Semiconductors ETF, iShares Semiconductor ETF มีผลงานใกล้เคียงกันมาก
จึงสรุปได้ว่า การลงทุนใน 4 กองนี้น่าจะได้ผลตอบแทนไม่ต่างกันมาก ในเน้นดูค่าธรรมเนียมกับ ความสะดวก
ความต่างกันเล็กน้อยเช่น
SCBSEMI
เน้นหุ้นกลุ่มสหรัฐ มีหุ้นไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ ติดมาเล็กน้อย
ลงทุนในกลุ่ม Chip Processor ตั้งแต่ออกแบบ ผลิต รวมถึงเครื่องจักรสำหรับผลิต
WE-EVOSEMI
Holding มีการกระจายน้ำหนักมากกว่า SCBSEMI
Top Holding มีการตอบรับนโยบายของ Biden ได้ดี (แต่น้ำหนักไม่ได้มากกว่าตัวอื่นมากนัก)
LHSEMICONและKKP-SEMICON
เป็น Passive Fund ที่ลงทุนใน iShare Semiconductor ETF
ที่เน้นเลียนแบบหุ้นกลุ่ม Semiconductor ทั้งคู่
แตกต่างกันที่
LHSEMICON มีแบบจ่ายปันผลด้วย
KKP-SEMICON มีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าเล็กน้อย
หากใครพลาดถามคำถามรอบสด มาคุยกันใต้โพสต์นี้ได้ครับ เดี๋ยวเราจะมาไล่ตอบให้ครับ
BottomLiner
โฆษณา