17 ก.ค. 2021 เวลา 17:17 • เกม
Snowball Effect
คำนี้แปลว่า การกระทำที่ส่งผลทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนก้อนหิมะกลิ้งลงจากเขา ตอนแรกก้อนเล็ก แต่พอเวลาผ่านไป ก้อนจะใหญ่มากขึ้น จนสุดท้ายไม่มีใครหยุดได้
.
Snowball Effect ต้องระวังในการออกแบบเกมนะ เพราะมันอาจทำให้เกมไม่สนุกได้
เนื่องจากคนได้เปรียบ ก็จะยิ่งเล่นยิ่งได้เปรียบ ขณะที่คนเสียเปรียบก็จะยิ่ง “ถูกทิ้ง” ให้ห่างขึ้นเรื่อยๆ แบบว่ามันน่าเบื่อ
Snowball Effect มักจะเกิดกับเกมที่ Resource กับ Vitocry Point เชื่อมโยงถึงกัน
เช่น เกมเศรษฐี ที่ Resource คือ เงิน และ Vitory วัดกันที่ใครมีเงินไล่ซื้อช่องต่างๆได้มากกว่ากัน พอมีคนนึงเริ่มรวยซื้อที่ได้หลายช่อง ก็จะยิ่งหาเงินได้มากขึ้น สุดท้ายคนอื่นก็ “ถูกทิ้ง” ไล่ไม่ทัน
การออกแบบเกมป้องกันก็เช่น พยายามไม่ให้ Resource เชื่องโยงโดยตรงกับ Victory Point หรือ ใส่สิ่งที่เรียกว่า Rubber Band Effect ลงไป (กลไกเกมที่จะ Slowdown คนนำ และ ส่งเสริมคนตาม) หรือ ตัดจบเกมก่อนที่ Snowball Effect ส่งผลมากเกินไป
.
การเปิดประเทศจากโควิดก็เช่นกัน
ทุก 1 เดือนที่ล่าช้า ไม่ได้หมายความว่า ประเทศจะฟื้นตัวช้าลง 1 เดือน แต่เป็น Snowball Effect ที่อาจจะยิ่งต้องการหลายเดือนหรือหลายปีมากขึ้นในการฟื้นตัว
ทุกเดือนที่ผ่านไป คือลมหายใจหลายๆธุรกิจที่ค่อยๆหมดลง ยิ่งนานจะยิ่งล้มมากขึ้น การจ้างงาน และ สภาพคล่องในประเทศจะยิ่งหดหายไป ไม่ใช้เส้นตรง แต่เป็น Exponential
ขณะที่ตอนนี้ชาวโลกค่อยๆฟื้น เริ่มจับจ่ายใช้สอย และ มีการลงทุน ทำให้ราคาต้นทุนต่างๆในโลกเริ่มขึ้น ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น สินค้าเริ่มแพงขึ้น
ก็มีความเสี่ยงที่เราจะเกิดสภาวะ เงินฝืด อัตราว่างงานสูง ในขณะที่ราคาสินค้าแพงขึ้น
ปรากฏการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้เรียกว่า Stagflation … ​แต่ก็ยังไม่เกิดหรอก เป็นความเสี่ยงที่มีหลายคนพูดถึง
แล้วถามว่าเวลา ต่างชาติจะเริ่มกลับมาลงทุน เค้าจะหันไปที่ไหน … ก็ไปที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ประเทศที่ยังไม่พร้อม …​ แปลว่า เม็ดเงินมันจะยิ่งไหลไปทางอื่น ประเทศที่เม็ดเงินไปลง ก็ยิ่งฟื้นไวขึ้นอีก ประเทศที่พร้อมช้า ก็ยิ่งฟื้นช้า
เวลามีค่า ทุกเดือนเราล่าช้าไป Snowball จนอาจหมายถึงหลายปีในการฟื้นตัว
ถ้ารัฐเห็นว่าเวลามีค่าจริง คงไม่ดำเนินนโยบายแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
.
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ
โฆษณา