18 ก.ค. 2021 เวลา 06:22 • สุขภาพ
อยากกลับไปฟังการแถลงตัวเลขสถานการณ์โควิดแบบนี้อีกจัง 😯
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทะยานทะลุหลักหมื่นรายเป็นวันที่ 2 โดยในวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 พบว่ามีผู้ติดเชื้อสูงถึง 11,397 ราย โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 101 ราย
ตัวเลขนี้สร้างความหวาดหวั่นกับการใช้ชีวิตของคนในประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม แม้ว่าล่าสุดรัฐบาลเองจะออกมาตรการมาควบคุมเข้มข้นมากขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้ก็เพื่อหวังให้ตัวเลขการติดเชื้อปรับลดลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ก็ถือว่าท้าทายอยู่ไม่น้อยกับการต่อสู้กับไวรัสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งอย่างเดลต้า ซึ่งนับเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้คนติดเชื้อกันเร็ว และรุนแรงมากกว่าเดิมที่เป็นพันธุ์จากอู่ฮั่นหลายเท่าตัว
ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสคุยกับคุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงเทพ และเป็นอดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ยกตัวอย่างของการติดเชื้อในประเทศครั้งนี้อย่างน่าสนใจว่า...
การติดเชื้อรอบนี้ที่เร็วและแรงกว่าอาจเรียกได้ว่าเป็นของจริงที่ท้าทายความสามารถของระบบสาธารณสุขของไทย ซึ่งเดิมได้รับการการันตีเอาไว้ว่า ยอดเยี่ยมและสามารถรองรับวิกฤตได้
เขายกตัวอย่างว่า การระบาดในรอบแรกเมื่อปลายปี 62 ด้วยสายพันธุ์อู่ฮั่นประเทศจีน เปรียบเสมือนทัพสอดแนมเข้ามาในประเทศก่อน ซึ่งตอนนี้ระบบสาธารณสุขของไทยรองรับได้ และชนะอย่างไม่มีปัญหา มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่น้อยหรือไม่มีผู้ติดื้อรายวันเกิดขึ้น
จากนั้นเมื่อมาถึงช่วงปลายปี 63 ในช่วงของการระบาดระลอกที่ 2 จากชายแดนและบ่อนการพนัน เรียกว่าเป็นทัพหน้าที่ถาโถมเข้ามาจนถึงกับตั้งรับไม่ทัน จนในที่สุดการระบาดระรอกที่ 3 ด้วยสายพันธุ์เดลต้าจากอินเดีย เหมือนกับทัพหลวงเข้ามาแล้ว ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขของไทยต้านทานเอาไว้ไม่ไหว
ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหาครั้งนี้น่าจะเหลือหนทางเดียวนั่นคือ วัคซีน ซึ่งเป็นเหมือนเกราะกำบัง ไปต่อสู้กับโรคร้ายครั้งนี้ ส่วนการจะต้านทานได้มากแค่ไหน ตอนนี้แหล่ะเรียกว่าของจริงที่จะวัดศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทย รวมไปถึงฝีมือของรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐที่จะต้องแก้วิกฤตครั้งนี้ เพื่อทุกคนในประเทศ
โดยมีเป้าหมายว่าคนไทยต้องรอดหรือเจ็บตัวน้อยที่สุด
……….
เที่ยวละข่าว
โฆษณา