18 ก.ค. 2021 เวลา 15:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่ม ปตท. ปีแห่งการลงทุน ครึ่งปีซื้อธุรกิจ 2.8 แสนล้าน!!
ถ้าใครสังเกตดีๆ คงเห็นว่าตั้งแต่ปี 2564 มานี้ กลุ่มปตท. ลงทุนเก่งมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลากหลายรูปแบบ ทั้งซื้อกิจการ ซื้อหุ้นบางส่วน ตั้งบริษัทร่วมทุน และตั้งบริษัทย่อย
ครึ่งปีที่ผ่านมา กลุ่มปตท. ทุกบริษัท ทุ่มเงินลงทุนไปแล้วกว่า 2.8 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นตัวเลขที่มหาศาลมาก
ลองมาดูกันว่าแต่ละบริษัทขยับตัวอะไรบ้าง ใครน่าสนใจที่สุด ซึ่งขอไล่เรียงกันตามมูลค่า ดังนี้
1. PTTGC มูลค่าเงินลงทุนรวม 148,417 ล้านบาท
ขยับตัวได้ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้ ด้วยการขยายโอกาสการเติบโตในต่างประเทศ มุ่งเข้าสู่ High Value Business เต็มตัว อย่างการซื้อกิจการ 100% ของ Allnex Holding GmbH ในเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ผลิตสาร Coating Resins และ Additives ระดับโลก
2. PTTEP มูลค่าเงินลงทุนรวม 73,500 ล้านบาท
PTTEP ทุ่มเงินก้อนใหญ่ ซื้อหุ้น 20% โครงการ Oman Block 61 จาก BP Exploration (Epsilon) Limited ความน่าสนใจคือเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติบนบกที่มีปริมาณสำรองขนาดใหญ่ คิดเป็นประมาณ 35% ของโอมาน
3. GPSC มูลค่าเงินลงทุนรวม 34,425 ล้านบาท
อีกบริษัทที่ไปลงทุนในต่างประเทศอย่างน่าสนใจ ได้แก่ 1.) ซื้อหุ้น 25% โรงไฟฟ้าพลังงานลม ในไต้หวัน กำลังการผลิต 595 MW มูลค่าราว 16,000 ล้านบาท 2.) ซื้อหุ้น 41.6% โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 3,744 MW จาก Avaada Energy Private Limited บริษัทพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของอินเดีย
1
3.) เพิ่มทุน 500 ล้านบาท ในบริษัท Anhui Axxiva New Energy Technology โรงงานผลิตแบตเตอรี่ในจีน 4.) ตั้งบริษัทย่อย GPSC Singapore Pte.Ltd. ประเทศสิงคโปร์ และบริษัทย่อย โกลบอล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่
1
4. PTT มูลค่าเงินลงทุนรวม 28,852 ล้านบาท
กลับมาที่บริษัทแม่ก็ไม่น้อยหน้า PTT มีการปรับโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้น โดยเพิ่มพอร์ตลงทุนในธูรกิจไฟฟ้า ผ่านการซื้อหุ้น GPSC สัดส่วน 12.73% จาก PTTGC คิดเป็นมูลค่า 25,126 ล้านบาท
ขณะเดียวกันก็มีการลงทุนยิบย่อยอื่นๆ อาทิ ซื้อหุ้นเพิ่มทุน Lotus Pharmaceutical ผู้ผลิตและจำหน่ายยา ในประเทศไต้หวัน มูลค่า 1,550 ล้านบาท, ซื้อที่ดินมูลจากการบินไทย มูลค่า 1,810 ล้านบาท, ตั้งบริษัทร่วมทุนกับ IRPC อินโนโพลีเมด สร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งตั้งบริษัทย่อย "PTT MEA" ที่ประเทศยูเออี บริษัทย่อย "อัลฟ่า คอม" บริษัทย่อย "ออน-ไอออน โซลูชั่นส์"
5. OR มูลค่าเงินลงทุนรวม 500 ล้านบาท
ทุ่มเงิน 500 ล้านบาท ซื้อหุ้น 20% บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด เจ้าของร้านอาหาร "โอ้กะจู๋" เพื่อต่อปีกร้านอาหารใน PTT Station และการจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่าน Café Amazon
1
และร่วมลงทุนใน Flash Group ผู้ให้บริการ E-commerce "แฟลช เอ็กซ์เพรส" ในรอบซีรีส์ E มูลค่าระดมทุน 4,700 ล้านบาท ส่งผลให้ Flash Group กลายเป็นสตาร์ทอัพยูนิคอร์นรายแรกของไทย
6. TOP มูลค่าเงินลงทุนรวม 45 ล้านบาท
ด้านไทยออยล์ ลงทุน 45 ล้านบาท ซื้อหุ้น 80% Jskem Private Limited บริษัทจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์และสารทำละลายในประเทศสิงคโปร์ แม้จะเป็นเงินลงทุนที่ไม่มากนัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อขยายฐานการจัดจำหน่ายสารทำละลายไปยังต่างประเทศ
ถือว่าเป็นปีที่กลุ่มปตท. ขยับตัวค่อนข้างมาก เหลือก็แต่ IRPC บริษัทเดียวที่ยังไม่ได้มีแผนลงทุนอะไรเพิ่มเติม เพราะตลอดปี 2564 มีแค่ใช้เงินไปกับการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพลังงานเท่านั้นเอง
คงต้องจับตาว่าครึ่งปีหลังจะมีโครงการไหนออกมาให้ตื่นเต้นอีกบ้าง เพราะขณะนี้ปตท. มีเงินสดในมือเหลือกว่า 4 แสนล้านบาท และ D/E 0.29 เท่า ทำให้ยังมีช่องให้ขยายการลงทุนอีกมาก จากนโยบายการเงินที่กลุ่มบริษัทต้องการให้ D/E ไม่เกิน 1 เท่า
โฆษณา