19 ก.ค. 2021 เวลา 10:06 • กีฬา
ดิ อ๊อกซ์ กับบทบาทใหม่ที่(อาจ)ไฉไลกว่าเดิม🤔
อเล็กซ์ อ็อกเหลด เชมเบอร์เลน ในชุดคลาสสิค แบบฉบับแฟนอาร์ต
ที่มา https://pin.it/6WKapKh
หลังจากที่เคยมีฟอร์มที่ร้อนแรงกับลิเวอร์พูล เมื่อซีซั่น 2017/2018 ชื่อของ ‘อเล็กซ์ อ็อกเหลด เชมเบอร์เลน” นั้นดูน่าจับมองมากขึ้น หลังจากย้ายมาจากอาร์เซน่อลด้วยราคาที่ไม่ธรรมดาเลยนะครับที่ 35 ล้านปอนด์ ซึ่งในช่วงแรกของซีซั่นนั้นลิเวอร์พูลฟอร์มแกว่งอย่างมากเลยนะครับ ทั้งปัญหา กองหลังที่ค่อนข้างหนักหน่วง(เพราะแอบไปคุยส่วนตัวกับตัวเอเยนต์และตัวของ ฟาน ไดจ์ เอง โดยที่ไม่ได้รับอณุญาติ จาก Southampton ต้นสังกัดในขณะนั้น) และยอดมิดฟิลด์เลือดแซมบ้าอย่าง ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ ที่มีอาการ งอแง และปวดหลังในขณะนั้น หลังมีข่าวเชื่อมโยงกับบาร์เซโลน่าอย่างหนัก
ในฤดูกาลนั้นเองลิเวอร์พูลได้ยอดดาวยิงจากเมืองฟาโรห์อย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ มาเป็นจิกซอว์สำคัญช่วยพาทีมล่าตาข่าย ถึงอย่างไรก็ดี การมาของอเล็กซ์ อ็อกเหลด เชมเบอร์เลนนั้น ดูจะไม่ค่อยเป็นที่จับตามองเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครคาดหวังกับดีลนี้นัก เมื่อวันเวลาล่วงไป ลิเวอร์พูล มีฟอร์มที่แสนจะเน่าเฟะ แพ้เละเทะให้กับทีมใหญ่ๆ แถมฟอร์มของแชมเบอร์เลนเองก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลเท่าไหร่นัก จนมาถึงช่วงตลาดหน้าหนาว บาร์เซโลน่าก็ได้ปิดจ็อบของพวกเขาสำเร็จ ด้วยการคว้า คูติญโญ่ ไปจากอ้อมอกของลิเวอร์พูลได้สำเร็จ โดยมีค่าเสียหายอยู่ที่142 ล้านปอนด์ (แพงสุดอันดับสามในขณะนั้น) นักวิจาร์ณและเหล่ากูรูทั้งหลายเชื่อว่าทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ คงจบลงแต่เพียงเท่านี้
เพราะขาดคนที่คอยสร้างสรรค์เกมอย่างคูติญโญ่ไป การย้ายของคูติญโญ่ส่งผลให้เชมเบอร์เลยได้โอกาสมากขึ้น และได้ปล่อยของมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการที่มีความคล่องตัว ไปกับบอลได้ดี และอาวุธทีเด็ดอีกอย่างคือ การยิงไกล และสอดเข้าไปทำประตู และยังมีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลที่ต้องจัดอยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าดี จนกลายเป็นว่าเชมเบอร์เลนนั้นมีชื่ออยู่ใน 11 ตัวจริงแทบทุกนัด แถมยังมีส่วนช่วยพาลิเวอร์พูลเข้าชิงในรอบเกือบๆ 11 ปี แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเขาเลยสักนิด เมื่อเขามีอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่หัวเข่า ที่เกิดจากความขยันของตัวเขาเอง ซึ่งต้องพักรักษาและหายหน้าไปจากวงการฟุตบอลถึง 1 ปีเต็มๆ กว่าจะได้กลับมาลงเล่นก็ปาเข้าไปที่ช่วงท้ายของซีซั่น 2018/2019 ฤดูกาลที่เหล่าพลพรรคหงส์แดงบดบี้กับแมนเชสเตอร์ซิตี้แบบสุดมันส์ ซึ่งแน่นอน เชมเบอร์เลนที่ขาดการลงเล่นไปนานๆก็ต้องการ Match fitness เพื่อเรียกจังหวะ และความฟิตของตนเองกลับคืนมาดังเดิม หลังจากนั้น
เชมเบอร์เลนก็ไม่เข้าใกล้ตัวเขาเองในฤดูกาล 2017/2018 อีกเลย
ปล.ขอข้ามฤดูกาลแชมป์พรีเมียร์ลีกนะครับ เพราะกลัวจะยาวเกินไป
หลังจากที่ต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บแบบออดๆแอดๆ
เชมเบอร์เลนได้ลองสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่จาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ให้ลงไปเล่นในตำแหน่ง False 9 แทนบ็อบบี้ในเกมกับเบิร์นลีย์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งหงส์แดงในฐานะแชมป์เก่ากำลังต้องการแต้มเพื่อเบียด Top 4 อยู่ ซึ่งเชมเบอร์เลนกลับทำได้น่าประทับใจโดยมีประตู 1 ประตูเป็นเครื่องหมายยืนยันฟอร์มของเขา
ตัดมาที่การพรีซีซั่น ณ ปัจจุบัน การเตรียมความพร้อมของลิเวอร์พูลกำลังเข้มข้นในขณะที่ตลาดซื้อขายค่อนข้างเงียบเหงาหลังจากปิดดีล อิบราฮิม่า โกนาเต้ กองหลังอนาคตไกลมาจาก อาร์แบร์ ไลป์ซิก ยอดทีมจากบุนเดสลีกา ตอนนี้แฟนๆหลายคนอาจมีเครื่องหมายคำถามในใจว่าทำไมทีมของเรายังไม่เดินหน้าเรื่องซื้อเข้ามาสักเท่าไหร่ นั่นอาจจะเป็นเพราะเจอร์เก้น คล็อปป์เอง ที่อาจอยากจะดูฟอร์มของนักเตะทุกคนก่อนที่จะตัดสินใจอนาคตของแข้งเหล่านี้
มีรายงานว่า เชมเบอร์เลน นั้นกำลังถูกจับซ้อมในตำแหน่งหมายเลข 10 ซึ่งทำได้ดีมากๆในการซ้อม จนทำให้เหล่าสต๊าฟฟ์ในทีมประทับใจเป็นอย่างมาก ซึ่งนี้อาจจะเป็นการกลับชาติมาเกิดอีกครั้งของเจ้าของฉายา ดิ อ๊อกซ์ ไม่แน่ว่า
เจอร์เก้นอาจจะเห็นความสามารถบางอย่างในตัวของ เชมเบอร์เลน ในฐานะจอมทัพหมายเลข 10 ก็ได้นะครับ
คิดเห็นอย่างไรมาแชร์และแลกทัศนคติกันได้นะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านนะครับ หากมีตรงไหนอยากที่จะติผมเชิญได้เลยนะครับผมพร้อมที่จะน้อมรับเก็บไว้พัฒนาและปรับปรุงต่อไป ยังไงก็ขอความใจดีกับแฟนหงส์ทุกท่าน กดไลค์ กดแชร์ กดติดตามให้ผมด้วยนะครับ ทุกกำลังใจของทุกคนมีค่าสำหรับผมมากๆครับ❤️👍🏻👏🏻
-Light of red🔴
ปิดท้ายด้วยรูปนักเตะคนโปรดของผมครับ
โฆษณา