20 ก.ค. 2021 เวลา 04:32 • การ์ตูน
Mobile Suit Gundam Hathaway
ประกายแสงแห่งฮาธาเวย์ (ปฐมบท)
?/10
ภาพโปสเตอร์จาก rottentomatoes.com/m/mobile_suit_gundam_hathaway
ห่างหายไปนาน(ตลอด)อีกแล้ว ผู้เขียนพึ่งจะเสร็จจากภารกิจการฝึกงานและช่วงนี้ก็ยังทำวิทยานิพนธ์ควบคู่ไปด้วย555 การได้กลับมาดูในสิ่งที่เราชอบไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งความน่าสนใจของมันก็คงจะไม่ทำให้เราเบื่อหน่ายได้ สำหรับตัวผู้เขียนกันดั้มก็เป็นเช่นนั้น นี่คือหนังกันดั้มไตรภาคใหม่ล่าสุดที่ทำเอาผมถูกอกถูกใจได้ไม่น้อยเลย
สร้างจากนิยายในชื่อเดียวกันโดยฝีมือการเขียนของ Yoshiyuki Tomino ผู้ให้กำเนิดกันดั้ม ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1989-1990. Gundam Hathaway ดำเนินเรื่องอยู่ในปี U.C. 105 หรือหลังจากเหตุการณ์ในภาค Char's Counterattack (ที่จะทุ่มดาวเคราะห์ Axis ใส่โลก) 12 ปี โดยเป็นเรื่องราวของ Hathaway Noa ลูกชายของกัปตัน Bright Noa (ผู้ที่ตบหน้าอามุโร่จนกลายเป็นมีมตลอกาล555) เล่าถึงเรื่องราวการเติบโตของเขาที่เดินสวนทางกับผู้เป็นพ่อ พร้อมกับการกลายมาเป็นหัวหน้ากลุ่มต่อต้านรัฐบาลสหพันธ์โลกที่มีชื่อกลุ่มว่า “Mafty” ที่ซึ่งจะนำไปสู่โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า(ถ้าอิงตามนิยาย แต่ทางคนทำอนิเมะเคยบอกว่าจะไม่เหมือน ซึ่งก็คงจะต้องรอติดตามกันต่อไป)
ภาพปกนิยายจาก ebay.com
ถึงแม้ว่าตัวนิยายเองจะมีอายุถึงกว่า 30 ปี แต่ประเด็นและแก่นสารภายในเรื่องที่ถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่นั้นยังคงสดใหม่และสามารถกลมกลืนกับเหตุการณ์ในโลกปัจจุบันได้ดี ทั้งยังเป็นการนำเสนอเรื่องราวของการเมือง สงคราม หรือความรักที่เข้มข้นและฉีกออกจากขนบของกันดั้มในภาคก่อน ๆ ทำให้กันดั้มในภาคนี้นั้นมีความแตกต่างและน่าติดตามต่อไปไม่น้อยเลย
มนุษย์นั้นไม่เคยสมบูรณ์แบบและต่างแปลกแยก
หนึ่งสิ่งที่น่าสนใจและเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของหนังเรื่องนี้เลยก็คือบทพูดครับ เราจะได้เห็นมิติของตัวละครที่ถูกปูมาได้อย่างน่าสนใจผ่านการพูดคุยกัน แต่ละคนก็มีบุคคลิกที่เป็นตัวของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด(หลายคนมีปมที่เป็นปริศนาและน่าสนใจ) นำมาสู่การกระทำอะไรบางอย่างซึ่งก็เป็นผลพวงมาจากสิ่งนั้น(อยากยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากแต่ก็กลัวจะเป็นการ spoil ไปซะ555)
ภาพของตัวเอก Hathaway Noa ในจังหวะที่เกิดความชุลมุนการจากต่อสู้ ตัวเอกก็ได้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ ถาโถมเข้ามา อารมณ์เหล่านั้นสื่ออกมาผ่านทางแววตาอันเป็นประกายจากไฟของการต่อสู้ ภาพจาก hoganreviews.co.uk
ความสมจริงอันใกล้ตัว
เราจะเห็นได้บ่อยว่ากันดั้มนั้นมักจะนำเสนอภาพของโลกแห่งอุดมคติในอนาคต เช่นภาพที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนในอวกาศหรือที่เรียกว่า space colony ซึ่งเราจะเห็นได้ถึงความก้าวหน้าล้ำสมัยทางเทคโนลียีและการใช้ชีวิตของมนุษย์ กลับกันใน Gundam Hathaway นั้นนำเสนอภาพของโลกหลังที่รอดพ้นจากการตกของดาวเคราะห์ Axis โดยที่ปัญหาหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก ทำให้โลกนั้นไม่เพียงพอสำหรับมนุษย์อีกต่อไป รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาต่อจากนั้นและยังนำเสนอถึงมุมมองการเมือง ความคิดของคนจากผลกระทบนี้ได้เรียลมาก (ซึ่งประเทศแถบเอเชียอย่างเรา ๆ ก็คงจะคุ้นเคยกันดี)
Hathaway Noa และผองเพื่อน(555) ในบรรยากาศที่ดูเอเชี๊ยเอเชีย ภาพจาก online-station.net
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากกกกกของเรื่องนี้คือ การเป็นยุคเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีหุ่นรบหรือ mobile suit เพราะหากเราลองสักเกตุให้ดีจะเห็นได้ว่าหุ่นแทบทุกตัวนับตั้งแต่กันดั้มภาคแรกนั้นมีขนาดตัวที่ใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังในเรื่องของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ติดตั้งต่างก็เพิ่มขึ้นพร้อมกับความร้ายแรงที่มากขึ้น แต่หลังจากเหตุการณ์ของ Hathaway จบลง หุ่นกลับมีขนาดที่เล็กลงจนบางตัวก็เล็กกว่ากันดั้มตัวแรกเสียอีก เพราะอะไรหละ ?
เปรียบเทียบขนาดของหุ่นเรียงตามปี
พูดถึงยุคของการเปลี่ยนผ่าน ในเรื่องนี้จะมีหุ่นหลักอยู่สองตัวคือ Xi Gundam (ในภาพด้านบนละภาพโปสเตอร์) และ Penelope Gundam ในภาพล่าง หุ่นทั้งสองตัวนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเรือรบขนาดย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะมีอาวุธที่ครบเครื่อง มีการติดตั้งระบบ Minovsky Craft ที่ปกติจะติดตั้งภายในยานรบ ซึ่งจะทำให้สามารถบินเข้าออกในชั้นบรรยากาศหรือใช้งานใต้น้ำได้ นี่จึงเป็นกันดั้มตัวแรก ๆ ตาม timeline ของ U.C. ที่สามารถบินได้อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องแปลงเป็นโหมดยานบิน มิหนำซ้ำการติดตั้ง Minovsky Craft ภายในตัวหุ่นยังส่งผลให้เสียงเครื่องยนต์ของ Penelope นั้นถูกตีความออกมาได้อย่างน่าสนใจ เสียงที่เหมือนกับเครื่องยนต์ผสมผสานกันกับเสียงกรีดร้องของสัตว์ มันทั้งแปลกและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ทั้งยังบวกกับการออกแบบที่ดูจะใหญ่เทอะทะแต่ก็มีความโฉบเฉี่ยว ก็ยิ่งเสริมความแปลกตรงจุดนี้เข้าไปอีก (ลองนึกสภาพที่คุณเป็นทหารฝ่ายตรงข้ามแล้วเจอไอ้ตัวนี้ตอนกลางคืนบินวนไปมาพร้อมกับส่องแสงวิบวับ+มีเสียงแปลก ๆ นี่อย่างหลอนเลย555)
ภาพวาดกล่อง HG Penelope คือฉากในหนังค่อนข้างมืดละก็ไม่เห็นตัวหุ่นเต็ม ๆ ด้วยก็เลยเอารูปนี้มาให้ดูแทน555 ภาพจาก gundam.info
ไฟสงครามผ่านสายตาคนตัวกระจ้อยร่อย
สิ่งที่กันดั้มทำได้ดีเสมอมาคือการนำเสนอภาพความน่ากลัวของสงคราม ผ่านทั้งสายตาของคนและเครื่องจักรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ในขณะที่หนังเรื่องนี้ก็ไปช่วยขยายความน่ากลัวนั้นบนพื้นฐานของความเป็นไปได้ให้เพิ่มมากขึ้น ให้ความรู้สึกถึงความเรียลของสงครามมากกว่าแค่ตึกถล่มหรือการโดนสะเก็ดระเบิด (ต้องลองไปดูเองนะ พูดมากกว่านี้ก็จะไม่สนุกละ555 แต่ยอมรับว่าทีมงานเก็บรายละเอียดดีมากแม้จะเป็นแค่จุดเล็ก ๆ ก็ตาม)
ชมมาซะเยอะละก็ขอติซักหน่อย อย่างแรกเลยคือหนังเรื่องนี้ไม่เป็นมิตรกับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เรื่องกันดั้มซักเท่าไหร่ ถ้าคุณไม่มีพื้นฐานความรู้จากภาคก่อน ๆ มาก่อนเลยก็ขอแนะนำให้ผ่านครับ เพราะคุณจะดูอะไรแทบไม่รู้เรื่องเลยนอกจากสิ่งที่หนังเล่าอย่างตื้น ๆ อย่างน้อยก็ควรดูภาค Char's Counterattack มาก่อนหรือถ้าจะให้ดีก็ควรดูกันดั้มภาคแรกด้วย (ดียิ่งกว่าก็คือดูภาค ZZ ด้วย ซึ่งตัวผู้เขียนก็ยังไม่ได้ดู555)
จากบทพูดที่กล่าวชมในข้างต้นก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนเช่นกัน คนที่ไม่อินก็อาจจะไม่ชอบเลยเพราะบทพูดค่อนข้างเยอะและค่อนข้างเข้าใจยากหน่อย ๆ บวกกับความแปลกประหลาดของตัวละคร ทั้งการดำเนินเรื่องที่ไม่ค่อยจะได้เล่าที่มาที่ไปและไม่ได้เดินไปข้างหน้ามากนัก ถ้าคุณอ่อนในเรื่องกันดั้มก็อาจจะน่าเบื่อได้ครับ หรืออย่างฉาก action เราก็จะไม่ค่อยได้เห็นหุ่นแบบชัด ๆ เต็มตาเท่าไหร่ เพราะภายในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นฉากในตอนกลางคืนหรือบางทีมุมกล้องก็โฟกัสแค่บางจุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนังเรื่องนี้ก็ยังมีเสน่ห์บางอย่างทำให้เราอยากติดตามต่อได้จนจบครับ
ปล.
(1) เนื่องจากเป็นตอนแรกและจะยังมีต่ออีกสองตอนเลยยังขอไม่ให้คะแนนครับ
(2) หนังเรื่องนี้เป็นการเริ่มต้นเรื่องราวใหม่ของกันดั้มในแบบจริงจังอีกครั้งที่น่าติดตามสำหรับแฟน ๆ ที่พอจะมีอายุแล้วบ้าง(รวมตัวเองด้วย55555)
(3) หายห่วงเรื่องงานภาพวาดและอนิเมชั่นได้เลยครับ สวยงามหยดย้อยตามอนิเมะเกรด A ในปัจจุบันเลย (เผื่อใครที่นกผีใน Narative ยังตามหลอกหลอน555)
#MobileSuitGundamHathaway
#ประกายแสงแห่งฮาธาเวย์
#ReviewByMe
โฆษณา