100 พอดีสำหรับโพสต์นี้ ของ
...เขียนไปตามตะวัน...
(จะเขียนไปตามตะวันจนกว่าความในใจจะสิ้นสุด)
ก็เลยใส่อารมณ์และบริบทของความเป็นจริง ลงมาบ้างเล็กๆน้อยๆ ไม่ว่ากันนะ
การอยู่ที่ไหนนานๆ มันเป็นเรื่องดีมั้ย ?? หรือว่าไม่ดี??
ก็ไม่รู้นะ ว่าแต่ละคนจะมีเหตุผลอะไรมาสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่สำหรับผมแล้วเท่าที่นึกออกและจำได้ ว่าไม่ค่อยจะได้อยู่ที่ไหนนานๆเลย
นอกจากหน่วยงานที่สังกัดอยู่ แต่ในเนื้องานแล้ว จะเรียกว่า ชีพจรลงเท้าเลยก็ว่าได้
ทำงานครั้งแรกที่เมืองกาญจน์ แล้วถูกส่งไปที่ บ้านโนนหมากมุ่น จังหวัด ปราจีนบุรี ในตอนนั้น (ตอนนี้เป็น จังหวัดสระแก้ว) อยู่ได้ปีครึ่ง ก็ย้ายไป อ. อรัญประเทศ อยู่ได้อีกปีหนึ่งก็ย้ายกลับ เมืองกาญจน์
ดูเหมือนจะอยู่แต่ละที่ก็ประมาณไม่เกินสองปีก็เบื่อแล้ว
จากนั้นก็เดินสายไล่ไปตั้งแต่ เขตุติดต่อ จังหวัดตาก บ้าน เลตองคุ บ้านอีต่อง อ. ศรีสวัสดิ์ อ.ทองผาภูมิ ลงมา อ.ไทรโยค ของจังหวัดกาญจนบุรี
แล้วก็ข้ามไป อ. สวนผึ้ง อ.บ้านคา จังหวัด ราชบุรี แฉลบเข้าไป บ้านโป่งลึก-บางกลอย อ. แก่งกระจาน จังหวัด เพชรบุรี
จากนั้นก็ลงไปเมืองสามอ่าว จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ สัมผัสลมทะเล ที่อ่าวมะนาว ประจำอยู่ด่านสิงขรได้สักพัก ก็ตะลอนไป จังหวัด ระนอง แถวๆ หมู่บ้าน ในกรัง
มา ปัง ก็ตอนได้ไป รักษาสันติภาพ ที่ ประเทศ ติมอร์ตะวันออก อยู่ได้ หกเดือน ก็กลับมาตุภูมิ
แล้วไปต่อที่ ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จังหวัด นราธิวาส ไม่น่าเชื่อว่าอยู่สามจังหวัดชายแดนใต้ จะพกปืนมากกว่าไปรักษาสันติภาพเสียอีก
สรุปว่าอยู่กับที่นานๆ หรือชีพจรลงเท้า อย่างไหนจะดีกว่ากันนะ
คนที่อยู่ ก็ไม่เข้าใจ
คนที่ไป ก็ไม่รู้
แต่ถ้าจะให้ทนอยู่กับอะไรที่ไม่พึงประสงค์นานๆ การต่อต้านก็จะเกิดขึ้น จนกว่าจะแยกทางกันไปคนละทาง ต่างคนต่างไป
ลองฟังเสียงแห่งความเบื่อหน่ายดู แล้วจะรู้
ตะเกียง 20/7/64
# ตามตะวัน
# สี่พันหนึ่ง
ฝากกดติดตาม Comments
เพื่อเป็นกำลังใจ จะเป็นพระคุณยิ่ง