หลอกลวงผู้บริโภค ผู้คนจำนวนมากกำลังกินเนื้อฉลาม-กระเบนโดยไม่รู้ตัว
สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอย่างฉลามและกระเบน กำลังเสี่ยงกับการสูญพันธุ์ - อ้างอิงตามรายงานที่ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อเดือนมกราคมของ ค.ศ. นี้
รายงานนั้นระบุว่า ในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ฉลามและกระเบน ลดลงกว่า 70% จากที่เคยดำรงอยู่อย่างสงบและปลอดภัยมากว่า 400 ล้านปี
สาเหตุที่ทำให้พวกเขาหายไป มาจากการทำประมงเกินขนาด เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภค
ในภาพจำและข้อมูลในอดีตบอกเราว่า ทุกๆ ปีมีฉลามมากถึง 73 ล้านตัวถูกฆ่าเพื่อมาทำเป็นซุปหูฉลาม
และประเทศแถบเอเชียถือเป็นผู้ส่งออกและรับซื้อรายใหญ่ของโลก
นั่นเป็นข้อเท็จจริงที่เรารับทราบในวันเวลาที่ผ่านมา
แต่ ณ นาทีนี้ มีข้อมูลใหม่รายงานอธิบายเพิ่มเติมว่า จริงๆ แล้ว ประเทศในฝั่งยุโรปก็เป็นผู้ค้ารายใหญ่ไม่ด้อยไปกว่าเอเชียเลยแม้แต่น้อย
และมูลค่าของฉลามยังรวมถึงเนื้อหนังมังสา หาใช่เพียงแค่ครีบอย่างที่เราคุ้นเคยกันอีกต่อไป
ในรายงานฉบับใหม่ของ WWF ระบุว่า การนำเข้าและส่งออกของเนื้อฉลามและกระเบนของสหภาพยุโรปคิดเป็น 22% ของการค้าทั่วโลก
สเปนเป็นผู้ส่งออกอันดับต้นๆ ส่งเนื้อฉลามไปยัง 85 ประเทศและดินแดนต่างๆ
ในขณะที่อิตาลีเป็นผู้นำเข้าสูงสุด
ย้ำกันเพื่อความเข้าใจอีกครั้ง - เรากำลังพูดถึงการค้าฉลามทั้งตัว (และกระเบน) ที่ไม่ได้หมายความเพียงแต่ “ครีบ” สำหรับทำ “ซุปหูฉลาม” เพียงอย่างเดียว
ฝรั่งเศส สเปน และเนเธอร์แลนด์ล้วนทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายทั่วโลกนี้
เนื้อฉลามอาจมีราคาถูกกว่าครีบ เมื่อเทียบกับมูลค่าของเมนู
รายงานระบุว่า เนื้อปลาฉลามสามารถขายได้ในราคาเพียง 0.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับครีบฉลามที่สามารถขายได้มากกว่า 100 เหรียญต่อกิโลกรัม
ทว่า มูลค่ารวมของการค้าเนื้อปลาฉลามและปลากระเบนอยู่ที่ 2.6 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าครีบฉลามที่มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เหตุที่การเนื้อฉลามและกระเบนกลายเป็นที่เพื่องฟูในตลาดยุโรปได้แฝงไว้ด้วยข้อเท็จจริงอันน่าเศร้าอีกประการ
เมื่อผู้รับซื้อส่วนใหญ่ “มักไม่รู้ว่า” เนื้อปลาที่นำเข้านั้น จริงๆ แล้วคือเนื้อฉลามกับกระเบน
ในรายงานได้ระบุถึงการต้มตุ๋นครั้งใหญ่ ผ่านการติดฉลากสินค้าที่อ้างว่าเป็นเนื้อปลาชนิดต่างๆ เช่น นี่คือเนื้อแซลมอน
ซึ่งปลายทางแต่ละที่จะติดฉลากแตกต่างกันไป
แต่แท้ที่จริงแล้วคือเนื้อของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างฉลามและกระเบน - ที่คนไม่ควรนำมากิน
หรืออีกนัยหนึ่งก็เป็นการสอดแทรกของผิดกฎหมายไว้ในสิ่งถูกกฎหมาย
เพื่อส่งต่อสิ่งผิดกฎหมายไปยังกลุ่มที่ต้องการ
เป็นการหลอกลวงผู้บริโภคครั้งใหญ่อย่างไม่น่าให้อภัย
ซึ่งตามปกติแล้ว ฉลามและกระเบนไม่ใช่ชนิดพันธุ์หลักที่คนทำประมงต้องการ แต่มักได้พวกมันมาด้วยสถานะ “ผลพลอยได้” หลังการเหวียงอวนลงในทะเลเพื่อจับปลาชนิดอื่นๆ
แต่ทั้งฉลามและกระเบนก็มักจะซวยติดอวนขึ้นมาด้วย
และกลายเป็นเหยื่อการค้าไปโดยปริยาย
ข้อเท็จจริงที่ปรากฎนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการกำหนดมาตรการทางการค้าในอนาคต
ประเทศต่างๆ หรือผู้รับซื้อสินค้าควรตรวจสอบที่มาอย่างถี่ถ้วน
มิควรตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้า (ผิดกฎหมาย) ที่กำลังนำไปสู่การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต
ในความเห็นของนักอนุรักษ์ พวกเขามองอย่างเป็นกังวลว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาจากทุกฝ่าย
เนื่องจาก ปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ผิดกฎหมายนั้นได้ถูกซ้อนทับไว้กับเรื่องความยากจนและความมั่นคงทางอาหาร
เนื้อปลาที่มีราคาถูก ย่อมเป็นที่ต้องการมากกว่าเนื้อที่มีราคาแพง สำหรับโลกที่ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแต่มีฐานะยากจน
เมื่อมีข้อเสนอราคาถูก - ผู้คนจะไม่ลังเลที่จะหยิบฉวยเอาไว้ก่อน แม้จะไม่ทราบว่าของที่ได้มานั้นเป็นสิ่งมิชอบด้วยกฎหมาย
#IsLIFE #Sharkfinsoup #SharkAwareness #Extinction
อ้างอิง
The Hill : https://bit.ly/36JCpwv
Photo : Sea Shepherd Belgium
- 13
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
