21 ก.ค. 2021 เวลา 05:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ธนาคารโลกแนะไทยควรเก็บภาษีมหาเศรษฐีเพิ่ม เพื่อใช้หนี้ที่กู้มาในช่วงโควิด
สำนักข่าว VOA รายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์แห่งธนาคารโลก หรือ World Bank ระบุว่า ในท้ายที่สุดแล้ว มหาเศรษฐีของไทยอาจต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อให้รัฐบาลมีเงินไปชำระหนี้สินจำนวน 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ที่กู้ยืมมาในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะที่ไทยกำลังประสบปัญหาอย่างหนักในเรื่องของการจัดหาวัคซีนให้ประชาชนเพื่อลดการระบาดของโรค
ทั้งนี้ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเท่าเทียมกันน้อยที่สุดในเอเชีย โดยเป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีถึง 52 คน (จากการจัดอันดับของ Hurun Rich List) ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังมากกว่าจำนวนมหาเศรษฐีในอิตาลี, ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ด้วยซ้ำ
ไม่เพียงเท่านั้น แต่มหาเศรษฐีไทยหลายคนยังร่ำรวยขึ้นในช่วงที่โควิดระบาดด้วยซ้ำ เช่น เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในไทยจากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ในปี 2564 ก็มีทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 1.81 หมื่นล้านเหรียญ
ในทางกลับกัน คนไทยหลายล้านคนกลับอยู่ในสภาวะตกงาน หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นเป็น 90% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP แล้ว
ทว่าประเทศไทยยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำ อย่างเช่นภาษีนิติบุคคลก็เก็บเพียง 20% เท่านั้น ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเก็บ 24% ฟิลิปปินส์เก็บมากถึง 30% และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเพียงสิงคโปร์และบรูไนที่เก็บในอัตราที่ต่ำกว่าไทย นอกจากนี้ไทยยังไม่เก็บภาษีจากกำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์อีกด้วย
1
ด้วยหนี้จำนวนมหาศาลของรัฐบาล และความเสี่ยงที่จะเจอกับโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ รวมถึงการบริหารจัดการวัคซีนที่ติดขัด ทำให้ธนาคารโลกเตือนว่ารัฐบาลไทยอาจต้องกลับไปหาธนาคารและสถาบันการเงิน เพื่อกู้เงินสดเพิ่มเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
คิม เอ็ดเวิร์ดส์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่งธนาคารโลก กล่าวว่า ในการที่จะหยุดกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม รัฐบาลอาจต้องหันไปหา ‘กลุ่มบุคคลที่มีรายได้สูง’ เพื่อฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจ
1
“การเก็บภาษีบุคคลธรรมดาอาจพยุงเศรษฐกิจได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นการเพิ่มอัตราภาษีในคนที่มีความมั่งคั่งสูงที่สุด รวมถึงเพิ่มอัตราภาษีที่ดินและภาษีจากกำไรการขายทรัพ์สิน อาจเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาปัญหางบประมาณขาดดุลของรัฐบาลได้”
ทั้งนี้ ในบทวิเคราะห์เรื่อง ‘Thailand Economic Monitor – the Road to Recovery’ ของธนาคารโลก ระบุว่า หากรัฐบาลสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิดได้ เศรษฐกิจของประเทศไทยอาจเติบโตได้ 2.2% ในปีนี้ แต่หากโควิดยังระบาดต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็อาจเติบโตเพียงแค่ 1.2% เท่านั้น
#TODAYBizview
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ไม่พลาดข่าวธุรกิจ การตลาดที่สำคัญ ติดตาม TODAY Bizview https://bit.ly/3picIeS
ติดตามรายการของ workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK
ติดต่อโฆษณา E-mail: advertorial@workpointnews.com
โฆษณา