21 ก.ค. 2021 เวลา 10:31 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ดูหนังแบบกาวๆ Ep. 5 The Wrestler ความสำเร็จเบื้องหน้า ความล้มเหลวเบื้องหลัง และการขายวิญญาณให้อดีตอันหอมหวาน
1
- เป็นภาพยนต์ที่ผม "ชื่นชอบ" เนื่องจากวัยรุ่น 90 ย่อมเคย Dropkick เพื่อนเล่น ๆ อยู่บ้าง (?)
- เป็นภาพยนต์ที่ผมดูมาค่อนข้างนานแล้วพอสมควร เนื่องจากสำหรับผมหนังที่มันได้ออสการ์ มันประทับใจแค่ครั้งแรก ผมจึงแนะนำให้ไปดูซ้ำกันอีกรอบนะครับ เพราะผมอาจจะจำเนื้อเรื่องได้แค่คร่าวๆ
- ทำไมผมชอบดูแต่หนังและพระเอกที่ดู "สูงอายุ" นั่นสิครับ? แต่ผมว่าดาราเก่าๆ เค้า "เก๋า" จริงๆ
- มีการเล่าเนื้อเรื่องบางส่วนครับ
มิกกีย์ รูร์ก (แรนดี้ โรบินสัน) ได้ออสการ์ สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยม
แรนดี้ โรบินสัน (มิกกีย์ รูร์ก) นักมวยปล้ำรุ่นดึกที่กาลครั้งหนึ่งเคยดังเป็นพลุแตก ที่เข้าสู่ยุคโรยราของเค้า ถึงจะมีฐานแฟนคลับอยู่ แต่เงินๆ ทองๆ มันก็ไม่ค่อยจะพอยาไส้ ก็เลยต้องไปรับจ๊อบเสริมที่ร้านอาหาร
- โดยในส่วนของการใช้ชีวิตผ่านตัวละครอย่างแรนดี้ เราจะเห็นได้ว่าแรนดี้เหมือนผู้ชายที่ยังติดกับภาพเก่าๆ ฟังเพลงเก่าๆ ขับรถเก่าๆ ใช้ชีวิตเสเพล ดื่มเหล้า ตี้หญิง จนลืมวันเกิดลูกสาว
- แรนดี้ยังคงอุทิศร่างกายให้กับมวยปล้ำแม้ร่างกายมันจะสวนทาง แต่เค้าก็ยังติด "ภาพจำ" ในอดีต ทำให้เค้าเริ่มปล้ำแบบฮาร์ดคอมากขึ้น และใช้ร่างกายหนักจนเกินพอดี
- มีช่วงหนึ่งของหนังซึ่งผมจำไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ แต่เค้าเคยพูดกับนางเอก ในประเด็นเกี่ยวกับดนตรีใจความประมาณว่า "โคเบนทำดนตรียุคเค้าเสียหมด" ผมจำไม่ได้นะว่าเค้าเอาโคเบนไปเปรียบเทียบกับวงอะไร
เคิร์ท โคเบน แห่งวงเนวาน่า ที่ครั้งนึงเคยทำให้ประชากรโลกนิยมกางเกงยีนส์เข่าขาด
- จริงๆ ประโยคด้านบนค่อนข้างสื่ออารมณ์ของตัวแรนดี้พอสมควร ว่าจริงๆ แล้วลึกๆ ตัวเค้ารู้อยู่แล้วล่ะ ว่ามันหมดยุคสมัยของเค้าแล้ว สิ่งที่เค้าทำอยู่จริงๆ มันก็แค่ความสำเร็จในอดีตที่มันไม่มีวันหวนกลับมา
- หากลองมองว่าโลกของแรนดี้บนสังเวียนมวยปล้ำคือ "หัวโขน" ซึ่งตรงข้ามกับโลกในชีวิตจริง ที่พังทั้งในส่วนของครอบครัว และขาดการวางแผนชีวิตจนส่งผลให้เค้าพบกับความบรรลัยในชีวิตปั้นปลาย
นักแสดง "แก่" แต่ "เก๋า" นะคร้าบ
หากลองมองย้อนกลับไป ในยุคของผม (ยุค 90) เด็กผู้ชายแทบทุกคนรู้จักมวยปล้ำเป็นอย่างดี หรือเราเรียกยุคนั้นว่ายุค "Attitude" หรือแอตติจูด (ซึ่งจริงๆ มันเชื่อมโยงกับยุค 2K อยู่บ้าง แต่รวมๆ เราเรียกช่วงปี 1997 - 2002 ว่าเป็นยุคแอตติจูด)
- ยุคนั้นเรามีดาวค้างฟ้าที่รันวงการอยู่ในวงการฮอลลี่วูดอย่าง "เดอะร็อค" ซึ่งยุคนั้นเรารู้จักแค่ว่าเค้าเป็นแชมป์ WWE Intercontinental Championship (หรือ WWF แต่เค้าเปลี่ยนชื่อ เพราะมันไปซ้ำกับองค์กรการกุศลอะไรซักอย่าง) หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า"แชมป์อินเตอร์" นั่นแหล่ะครับ
- เรามีสโตนโคล, ดิ อันเดอร์เทเกอร์, The game หรือ Y2J ที่โลดแล่นอยู่ในวงการมวยปล้ำสมัยนั้น ร่วมกับดาวดังในอดีตอย่าง ฮอลลีวูด ฮัลค์ โฮแกน หรือริก แฟลร์
- เรามีผู้รับช่วงต่ออย่างบร็อก เลสเนอร์ ที่เป็นแชมป์เฮฟวีเวทที่อายุน้อยที่สุด หรือจอห์น ซีน่าที่ใครๆ ก็ว่าน่าจะเป็นอนาคตของวงการมวยปล้ำในยุค 2K
เดอะร็อค ดิ อันเดอร์เทเกอร์ และบร็อก เลสเนอร์
ดูอะไรๆ มันก็ดีไปหมด ว่าแต่ ปัจจุบันเรารู้อะไรกันบ้าง?
- เรารู้ว่ามวยปล้ำมันคือ Sport Entertainment ซึ่งก็คือการแสดง
- เดอะ ร็อค อย่างที่เราทราบกัน แต่ก็ยังโผล่ๆ อยู่ในวงการบ้าง
- The Game ขึ้นเป็นผู้บริหาร (เนื่องจากเค้าแต่งงานกับลูกเจ้าของสมาคม)
- ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ตำนาน King of the ring หรือ American Bad Ass รีไทร์แล้ว
- สโตนโคล รีไทร์
- ฮัล โฮแกน และริก แฟลร์ จะเหลือไหมล่ะครับ
- บร็อก เลสเนอร์ และจอห์นซีน่า เลิกปล้ำ (แต่ยังรับงานในลักษณะพาทไทม์)
- ปัจจุบัน ชื่อที่ผมกล่าวมาแทบจะเลิกเล่นมวยปล้ำไปหมดแล้ว ที่ดูจะยังปล้ำแบบจริงจังอยู่น่าจะเหลือแต่ Y2J
- Y2J ไม่ได้ใช้ท่าไม้ตาย The Walls of Jericho แล้วนะ ปัจจุบันใช้ท่า Codebreakers แทน (ผมชอบนะ มันดูใช้ได้ทุกสถานการณ์ และมันก็ "เท่" มาก)
The Walls of Jericho (ดัดหลัง) และ Codebreakers (เข่ายัดหน้า)
อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ถึงมวยปล้ำจะเป็น Sport Entertainment แต่นักมวยปล้ำก็ต้องฝึกฝนร่างกายอย่างจริงจัง ทำงานหนักมากเนื่องจากเดินทางบ่อย (นักมวยปล้ำของค่าย WWE ทำงาน 320++ วันต่อปี) และที่สำคัญนักมวยปล้ำต้องมีทักษะการแสดงด้วยอีกส่วนหนึ่ง และที่สำคัญที่เราเห็นกันว่า "เลือด" แบบที่เราเห็นนั้น จริงๆ มันก็มีทั้งจากการแสดง เพราะผิดคิว และแน่นอนครับ จาก "บท"
1
- ดิ อันเดอร์เทเกอร์ เคยโยนมิค โฟลีย์จากชั้นบนสุดของเวที Hell in a Cell ซึ่งก็ต้องทำ เพราะมิค โฟลีย์ "ขอ"
- บร็อก เลสเนอร์ เคยเกือบ "คอหัก" ตายคาเวที เพราะเล่นท่ายากอย่าง Shooting star press ตอนปล้ำกับเคิร์ท แองเกิล
- สโตนโคล อยู่ดีๆ ก็เลิกปล้ำ โดยที่ไม่เคยบอกแฟนคลับ ไม่มีพิธี ซึ่งเกิดจากอาการบาดเจ็บคอ และเข่า (ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่ามีในเรื่องของ "บท" มาเกี่ยวข้อง)
- อย่างที่กล่าวข้างต้น นักมวยปล้ำต้องมีสกิลที่หลากหลาย และยังต้องมี "ร่างกาย" ที่แข็งแกร่ง ซึ่งการที่นักมวยปล้ำอาชีพทำงานหนักแต่ก็ยังสามารถรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ได้ มันย่อมหมายความว่าเค้าได้ขายวิญญาณให้กับสารกระตุ้น และสเตรียรอยด์เรียบร้อย (ซึ่งมันส่งผลต่อภาวะทางอารมณ์)
- ลองศึกษาในส่วนของ คริส เบนวา และเอ็ดดี้ โกเลโร่ เพิ่มเติมครับ (RIP)
Hell in a cell แมทช์นี้ มิกค์ โฟลีย์ ฟันร่วง แต่ก็ยังปล้ำต่อ!!!
อย่างไรก็ดี จะกล่าวว่านักมวยปล้ำจริงๆ ถึงจะดูมีเบื้องหลัง แต่มันก็มีสิ่งที่สวยงามอยู่ในนั้นเช่นกัน
- ในศึก Westlemania ครั้งที่ 24 เป็นการแข่งครั้งสุดท้ายของนักมวยปล้ำระดับตำนานอย่าง "ริก แฟลร์" กับ "ชอร์น ไมเคิล"
- มีการเดิมพันในแมทช์ว่าหากริก แฟลร์ กับ ชอร์น ไมเคิลว่าหากใครแพ้ต้องรีไทร์
- ผู้ชมในสนาม ไม่มีใครรู้
- แมทช์ดังกล่าวได้สื่อถึงอารมณ์ที่หลากหลาย ริก แฟลร์ ที่ตอนนั้นก็ 60 กว่าๆ แต่ปล้ำได้ดุดันจริงๆ เนื่องจากมันเป็นแมทช์สุดท้ายของริกแฟลร์ ซึ่งแฟนมวยปล้ำแค่ "สงสัย" แต่ก็ไม่รู้
1
- เสียงระฆังดังขึ้น เแมทช์เริ่ม!! ผมเห็นความเดือดดาล ชอร์น ไมเคิล "ตบหน้า" ริก แฟลร์ แบบเต็มมือ (ปากแกแตกจริง ๆ) ชอร์น ไมเคิล ใช้ท่า Moon Sault กระแทกโต๊ะผู้บรรยายจนแตกเป็นเสี่ยง เหมือนคนที่ "แค้น" กันจริงๆ
- และแล้ว ผมเห็นน้ำตาที่เริ่มอาบแก้มริก แฟลร์ พร้อมกับคนดูในสนาม ซึ่งแน่นอน ตอนนี้พวกเราทราบคำตอบแล้ว ว่าริก แฟลร์ "รีไทร์" แน่นอน
- ริก แฟลร์ ยังคงปล้ำกับชอร์น ไมเคิลต่อ ทั้งที่น้ำตายังอาบหน้า แมทช์ยังคงดำเนินต่อไป
- ชอร์น ไมเคิล พยายามที่จะก้มหน้า เนื่องจากน้ำตาเริ่ม "คลอ" เช่นกัน แต่ทั้งสองยังต้องแสดงมันต่อไป เพราะชอร์น ไมเคิล รู้ตัวดีว่าการที่เค้าได้เกียรติในแมทช์สุดท้ายของริก แฟลร์ นั่นย่อมหมายถึงเค้าต้องเป็นผู้ "จบ" อาชีพนักมวยปล้ำของริก แฟลร์ เช่นกัน
- และแล้ว จุดไคลแม็กซ์ ก็มาถึง
- ริก แฟลร์ ล้มลง ชอร์น ไมเคิล ที่อยู่ตรงมุมเวที กล่าวว่า
- "ผมขอโทษ ผมรักคุณ"
ชอร์น ไมเคิลกล่าว
- ก่อนที่จะเร่งเครื่องออกจากมุมเวที
และใส่ท่า Sweet chin music เข้าปลายคางของริก แฟลร์ อย่างจัง
- ก่อนที่จะจับกด นับ
1
...
2
...
...และ 3
เสียงระฆังดังขึ้น การแข่งขันจบลง
- ชอร์น ไมเคิลกอดริก แฟลร์ ก่อนที่จะจูบหน้าผากริก แฟลร์อีกครั้ง
- ชอร์น ไมเคิล ลงจากสังเวียน พร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า
- ผู้ชมในสนามทราบดี ว่าเค้าจะไม่ได้เห็นอธรรมเบอร์ 1 แห่งวงการมวยปล้ำในคราบนักมวยปล้ำอีกต่อไป พร้อมทั้งปรบมือให้กับตำนานที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
กรณีของริก แฟลร์ มันอาจจะเทียบไม่ได้กับแรนดี้ เพราะริก แฟลร์ก็ดังมาก ในฐานะตัวร้ายเบอร์ 1 ตลอดกาล แต่ตัวละครอย่างแรนดี้ เป็นนักมวยปล้ำตกกระป๋องที่ยังจมอยู่กับวังวนแห่งอดีต
- แต่สิ่งที่ตัวละครอย่างแรนดี้ และริก แฟลร์มี คือความ "หลงไหล" ในงานที่ตัวเองทำ ซึ่งเค้าพร้อมที่จะตายเพื่อมันจริงๆ
- ในจุดไคลแม็กซ์ของหนัง มีจุดที่แรนดี้จำเป็นที่จะต้องเลือกระหว่าง "มวยปล้ำ" กับยอมกลับไปสู่ "ความจริง"
- อย่างที่เรียนให้ทราบไปในตอนต้น ว่าตัวแรนดี้เองรู้อยู่แล้ว ว่ามันล่วงเลยเวลาแห่งความสำเร็จของเค้ามานานแล้ว แต่ถึงอย่างไร แรนดี้ก็ยังยินดีที่จะเลือก "มวยปล้ำ"
ผมว่าแรนดี้ก็ออกจะ "เท่" อยู่บ้าง
- สำหรับท่านที่เคยดูแล้ว หากลองมาคิดวิเคราะห์ดู เรื่องวงการมวยปล้ำมันก็ไกลตัวเราอยู่บ้าง แต่หากลองคิดดีๆ ว่าการที่เรายึดติดกับภาพลักษณ์หรือความสำเร็จในอดีต จริงๆ แล้ว เราควรนำความสำเร็จเดิมๆ มาเป็นตัวชี้วัดว่ามันจะสำเร็จเช่นเดิมในอนาคต มันจะเป็นไปได้หรือไม่?
- หรือเราควรที่จะยึดติดกับมัน ในเมื่อเราอยากทำความฝันของเราให้เป็นจริง
- หรือจริง ๆ เราแค่ยึดติดกับ "หัวโขน" ที่เราเคยได้รับมาในอดีตกันแน่?
- ถ้าคุณเลือกข้อสอง อย่าลืม คนที่ได้รับเกียรติแบบริก แฟลร์ มันก็ไม่ได้มีทุกคน จริงไหม?
- แต่บางครั้ง ถ้าฝันแล้วมันอาจจะสำเร็จก็ได้นะ
- อ่าร์...กาแฟมันขมนะครับ แต่ผมติดผมก็ต้องกิน เพราะมัน "เสพติด"
ผมในตอนนี้
- จริงๆ ในภาพยนต์มันอาจจะดูเวอร์ไปบ้าง แต่สมาคมมันก็ไม่ได้มีแค่ WWE มันมีหลายสมาคมมาก อย่าง TNA, JWP รวมทั้งสมาคมอินดี้ หรือสมาคมอื่นๆ
- นักมวยปล้ำยุค 90 ที่ปัจจุบันยังปล้ำอยู่ ก็จะไปปล้ำตามสมาคมอินดี้พวกนี้ ซึ่งมันก็มีความ "ดิบ" แบบในหนังบ้างในบางค่าย
- จริงๆ บ้านเราเองมีสมาคมมวยปล้ำอาชีพด้วยนะ ลองไปรับชมกันได้ครับ ลองกด YouTube หาช่อง Setup Thailand pro wrestling ครับ
https://www.facebook.com/setupth/
ปล.ขออนุญาตทางสมาคมเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณที่ให้เผยแพร่ครับ (ผมมิได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด)
- เป็นก้าวที่ดีของวงการมวยปล้ำอาชีพไทยครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ฝากซีรี่ Critical Thinking : ดูหนังแบบกาวๆ ด้วยครับ
ฝากกดติดตามด้วยครับ (เดี๋ยวผมมีไรจะเล่าให้ฟัง🤔🤫)🙏🙏🙏
และ
และ
....และ
ฝากเช่นเดิมครับ (อันนี้ก็ไม่ได้อะไรเช่นกัน)👊👊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา