23 ก.ค. 2021 เวลา 15:19 • ความงาม
Parfums Dusita - Moonlight in Chiangmai
ให้จินตนาการเสมือนว่าตัวเราเองอยู่บนจุดชมวิวเรือนไม้ที่บ้านพักอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพในช่วงค่ำคืนในเทศกาลยี่เป็ง ที่ท้องฟ้าสว่างด้วยแสงจันทร์นวลผ่อง โคมลอยประดับประดาบนท้องฟ้ายามค่ำคืน พร้อมกับ City View ที่งดงามอากาศเย็นๆ ของเมืองเชียงใหม่จากมุมสูงที่มองลงมาแล้วซึมซับความรู้สึกและบรรยากาศ คิดว่าอารมณ์และความรู้สึกมันจะสร้างความประทับใจกับเราแค่ไหน ซึ่งสำหรับผู้เขียนบอกเลยว่ามีความสุขมากที่ได้เห็นความงามเหล่านี้ ซึ่งจะบันทึกลงในความทรงจำเลยทั้งภาพ เสียง และกลิ่นอายรอบตัว
และเมื่อได้เห็นว่า Parfums Dusita ได้เปิดตัวสร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอมโดยมีที่มาที่ไปจากบทกวีของคุณพ่อเจ้าของแบรนด์ที่ทิ้งท้ายไว้ว่า “เราอยู่ภายใต้สรวงสวรรค์เดียวกัน” ผนวกเข้าร่วมกับความสวยงามของแสงจันทร์ยามค่ำคืนและเทศกาลยี่เป็งที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างความงามบนผืนโลกและสวรรค์ ความน่าสนใจจึงมาเต็มอย่างมาก ว่าจะสื่อสารกลิ่นอายออกมาอย่างไรที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเป็นแสงจันทร์นวลผ่องบนผืนฟ้า ณ เชียงใหม่ และจะเหมือนกับประสบการณ์ทางกลิ่นที่เราเคยสัมผัสมาหรือไม่ และผลที่ได้คือ
แรกสเปรย์คือกลิ่นอายติดแปร่งคล้ายยางกึ่งหนังหน่อยๆ จะมาทักทายก่อนเพื่อนเลย ซึ่งทำให้รู้สึกแปลกๆ อยู่พอสมควรว่ากลิ่นจะไปในทิศทางไหน แล้วไม่กี่วินาทีถัดมาความเป็นโทนหวานติดแหลมเล็กๆ อารมณ์กึ่งผลไม้กึ่งโทนวานิลลาหวานแหลมของกำยาน Benzoin แกม Citrus หอมผ่อนคลายของส้มยูซุที่เป็นเสมือนตัวล้อมกรอบให้กลิ่นมีความรื่นรมย์ ซึ่งยังไม่พอเนื้อกลิ่นมีโทนเสริมของดอกไม้ติดใสหอมเย็นที่ไม่ได้ไปทางนวลมากนักของมะลิแทรกอยู่ด้วย เลยทำให้เนื้อกลิ่นได้มิติอารมณ์กลิ่นที่ไล่เรียงจากความแปลกแบบไม่คุ้นชิน ตามด้วยความหวานหอมเย็นที่มีมิติความลึกของกลิ่นแบบกำลังดี และที่สำคัญสร้างโทนสีเหลืองนวลในกลิ่นค่อนข้างชัดเจนมาก
แต่ก่อนจะไปต่อที่ช่วงกลาง หลายๆ คนที่ได้รับกลิ่นนี้จะ Link ไปที่ MFK - Baccarat Rouge 540 เพราะเนื้อกลิ่นในช่วงต้นมีความคล้ายคลึงกัน แต่สิ่งที่แตกต่างมันคือ ลักษณะอารมณ์กลิ่น เพราะในโทนที่เข้าข่ายคล้ายกัน BR 540 จะให้โทนออกทางสีแดงชาดลึกน่าค้นหาและมีความหวานน้ำตาลไหม้ดึงดูด แต่สำหรับ Moonlight in Chiangmai มันได้ความหอมหวานลึกแบบกำลังดี แต่มีความเย็นและความโปร่งในกลิ่นที่สร้างความรู้สึกสีเหลืองนวล มันเลยเป็นความแตกต่างที่ให้เรามาจับต้องและสร้างประสบการณ์ทางกลิ่นที่น่าสนใจขึ้นมาอีกสเต็ปประมาณนั้น
ช่วงกลางโทนกลิ่นจะเริ่มมีความหวานโทนออกทางผลไม้เข้ามาเสริม อารมณ์กลิ่นคล้ายโทนสับปะรดหอมเมื่อผสมผสานกับกลิ่นโทนออกทางวานิลลาติดหวานแหลมมีความลึกแกมครีมมี่หน่อยๆ ของ Benzoin ทำให้ได้ความหวานนวลเหลืองกำลังดีออกมาเลย สร้างความโรแมนติคในเนื้อกลิ่นแบบแกมน่ารักแกมรื่นรมย์ได้ดีมาก แต่กลิ่นจะไม่ได้ไปทางสาย Gourmand หรือโทนขนมของกินแต่อย่างใด เพราะ
สิ่งที่แทรกตัวเข้ามาเป็นเลเยอร์กลิ่นอีกชั้นนั่นคือโทนกลิ่นอายแบบไม้หอมเก่าๆ แกมกลิ่นหนัง และกลิ่นสมุนไพรซึ่งจับต้องได้เลยว่าเป็นกลิ่นพิมเสนที่ให้ความปร่าระเรื่อเย็นๆ ในเนื้อกลิ่นและมีความปร่านวลเกลาให้กลิ่นมีความกลมๆ เชื่อมโทนระหว่างสมุนไพรกับกลิ่นไม้หอมอย่างเม็ดจันทน์เทศ (ตัวเกลากลิ่นชั้นดี) ทำให้เนื้อกลิ่นจะมีมิติที่น่าสนใจมากคือไล่จากโทนหวานหอมเหลืองนวลโรแมนติคแกมกลิ่นอายปร่าเย็นๆ ตามด้วยการ Contrast ด้วยกลิ่นไม้หอมแบบติดเก่าหน่อยที่มีเสน่ห์แกมขลังและมีความ Classic ซึ่งอันนี้ได้ภาพชัดเจนมาก อารมณ์เหมือนอยู่บนเรือนไม้นั่งชมวิวแสงจันทร์ยามค่ำคืนท่ามกลางอากาศเย็นๆ ที่เอาความหวานหอมมาสร้างให้โทนกลิ่นค่อนไปทาง Surreal หวานโรแมนติคประมาณนี้เลย
ในการเข้าสู่ช่วงท้ายจะเริ่มจับต้องได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะโทนหวานกึ่งสับปะรดกึ่งวานิลลาหวานแหลมครีมมี่ติดลึก จะผ่อนตัวเองลงไปเป็นโทนติดปลายกลิ่นที่ยังให้อารมณ์โรแมนติคแนวสีเหลืองนวลแสงจันทร์อยู่ แต่กลิ่นที่ชัดเจนขึ้นมาเลยคือ โทนไม้หอมที่มีความแห้งแกมกลิ่นออกทางหนังหน่อยๆ ซึ่งโทนที่มีความดาร์กอยู่ให้จับต้องได้แต่ไม่ได้ดาร์กลึกดำดิ่ง ออกทางโปร่งใสมองทะลุได้เสียมากกว่า เพราะว่าจะมีกลิ่นอายออกทางเย็นๆ ปร่าๆ ของพิมเสนที่ยังมีอยู่ แกมกลิ่นออกทางยางไม้แกม Incense ที่ให้โทนเย็นๆ แกมกลิ่น Smoky เนียนๆ ซึ่งน่าจะมาจาก Myrrh แต่สิ่งที่รู้สึกได้คือ
กลิ่นช่วงท้ายมีลักษณะคล้ายคลึงกับรุ่น Issara เข้ามาให้รู้สึกรวมอยู่ด้วย ซึ่งจะมีโทนกึ่ง Oakmoss แกม Musk ที่มีความนวลแกมกลิ่นเขียวติดคล้ายหมึกของ Oak Moss แกมกลิ่นกึ่งยาสูบอ่อนๆ และหญ้าแห้งหน่อยๆ ที่มีความอบอุ่นเจือๆ ในกลิ่น ซึ่งเมื่อมาผสมผสานกับโทนไม้หอมติดดาร์กแกมกลิ่นอายเย็นๆ มันได้อารมณ์แบบอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนได้ดีมาก ถ้าให้นึกภาพแบบเป็นความคิดเห็นส่วนตัวเหมือนเห็นภาพ “ผู้ชายอบอุ่นลุคแฟมิลี่แมนนั่งชมเดือนหงายบนเรือนไม้ร่วมกับครอบครัว” ซึ่งไม่แปลกใจ เพราะกลิ่นนี้สุคนธกรปรุงโดยมีแรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อด้วย เช่นนั้น ใช่เลย เป็นการปิดท้ายกลิ่นได้งดงามแกมหวานที่ลงตัวจริงๆ
เหมาะสำหรับ - Unisex ชัดเจน กลิ่นมีความหวานก็จริง แต่มันก็กลางมากพอในการใช้งานกับทุกเพศเพราะกลิ่นสร้างความรื่นรมย์ได้ไม่ยากเลยจริงๆ ซึ่งเข้ากับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันไม่ว่าจะทางการหรือทั่วๆ ไป รวมถึงยามค่ำคืนที่เน้นใส่ออกงานหรือโรแมนติคก็ยังได้ แต่ให้ตัดการใส่เพื่อกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ ออกกำลังกาย หรือว่าใส่ไปท่องราตรีจะดีที่สุด เพราะกลิ่นไม่ได้ไปสายนี้แต่ประการใด
ความทน - กลิ่นทนราวๆ 8 ชม. เป็นสำคัญ และมีบวกไปได้อีกราวๆ 2 - 4 ชม. ตามแต่จำนวนสเปรย์และสภาพผิวกายผู้ใช้ ซึ่งส่วนตัวเจอที่ 10 - 12 ชม. เสมอในการใช้งาน
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีในตอนต้น แล้วจะผ่อนลงมากระจายปานกลางกันยาวๆ จนเมื่อพ้นซัก 6 ชม. จะเริ่มผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว แล้วเป็น Skin Scent ตอนซักประมาณ 8 ชม. เป็นต้นไปจนกว่าจะจางไปในที่สุด
สรุป - Moonlight in Chiangmai ในแรกสเปรย์ลบกลิ่นอายบรรยากาศที่ผู้เขียนเคยสัมผัสตอนไปพักที่บ้านพักบนอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพออกไปทั้งหมดเลย เพราะไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เคยซึมซับมาและตามที่คาดคะเนเอาไว้ แต่กลายเป็นความประสบการณ์ทางกลิ่นที่เปลี่ยนแปลงไปในการรับรู้กลิ่นอายสไตล์แสงจันทร์ที่มีความหวาน ความเย็น ความสวยงาม ความโรแมนติค ความ Classic ในแบบที่เป็นสไตล์อารมณ์แบบยืนบนเรือนไม้ดูแสงจันทร์นวลผ่อง แกมหวานแบบโรแมนติคก็ได้ แกมกลิ่นอบอุ่นแกมไม้หอมท่ามกลางโทนเย็นๆ นวลๆ ก็ดี เรียกว่าสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจมากอีกหนึ่งกลิ่นจากแบรนด์นี้เลย
หมายเหตุ:
1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
โฆษณา