[Critical Thinking] ดูหนังแบบกาวๆ Ep.6 8 Mile หากปากกาคมกว่าอาวุธ เหตุใดดนตรีจึงไม่ใช่อาวุธ?? - ด้วย Eminem เป็นหนึ่งในแรปเปอร์ที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ และผมก็ชอบภาพยนต์เรื่องนี้เช่นกัน

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Critical Thinking

•

29 ก.ค. 2021 เวลา 03:17 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

ดูหนังแบบกาวๆ Ep.6 8 Mile หากปากกาคมกว่าอาวุธ เหตุใดดนตรีจึงไม่ใช่อาวุธ??

- ด้วย Eminem เป็นหนึ่งในแรปเปอร์ที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ และผมก็ชอบภาพยนต์เรื่องนี้เช่นกัน

- เป็นหนึ่งในหนังออสก้าร์ที่ผมดูเกิน 1 ครั้ง

- เนื่องจากผู้เขียนค่อนข้างเสพติดเพลงแร็ปพอสมควร และปัจจุบันยังมีเพลง Lose Yourself อยู่ใน List เพลงโปรดเสมอ

- ถ้าคำพูดเปรียบเสมือนคมมีดที่กรีดใจ แล้วเหตุใดเสียงไลม์ที่กระแทกผ่านไมค์จะสามารถ "จบ" ชีวิต หรือ "สร้าง" ตัวตนไม่ได้เล่า??

- ทำไมทำวิจารณ์หนังบ่อยจัง ครับ มันไม่ค่อยเครียด (หรือจริงๆ มันจะเครียดกว่าเดิมนะ)

จิมมี สมิธ จูเนียร์ a.k.a B Rabbit (Eminem) หนุ่มแรปเปอร์ผิวขาว เกิดมาในครอบครัวยากจน อาศัยอยู่ในรถบ้านกับแม่ที่ติดเหล้า ติดการพนัน และน้องสาว แถมสามีคนล่าสุดของแม่ก็อายุพอๆ กับตัวเอง

- ซึ่งมันเป็นสิ่งหนึ่งที่ "แร็บบิท" ฝังใจกับเรื่องดังกล่าว ทำให้เมื่อขึ้น "ดวลแรป" เมื่อแร็บบิทโดนจี้ปมเกี่ยวกับครอบครัว ทำให้แร็บบิทไม่กล้าแรป เพราะกลัวความลับของตัวเองจะถูกเปิดเผย ทั้งๆ ที่ไลม์ของแร็บบิทสามารถขยี้คู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

- หนังเล่าเรื่องผ่านสภาพสังคม กลุ่มเพื่อน แฟนสาวของแร็บบิท และน้องสาวผู้เป็น "เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ" เพียงหนึ่งเดียวของแร็บบิท ที่ทำให้แร็บบิทสู้ต่อไปผ่านไลม์ของตนเอง

แร็บบิทกับการ "แรปสด"

- ถ้าหากเป็นช่วงที่ผมได้รับชมหนังเรื่องนี้ครั้งแรก ผมก็งงพอสมควร อนึ่งสมัยนั้นเรายังไม่มีรายการแบบ Rap it now. หรือมีศิลปินที่ออกมารันวงการแทบจะตลอดเวลา

- แน่นอนครับสิ่งที่ผมงง คือ "ด่ากันทำไมวะ" หรือ "มันดูยังไงวะว่าชนะหรือแพ้" ซึ่งปัจจุบันผมก็เข้าใจมันเรียบร้อยแล้วอ่ะนะ

- Rap It now เค้ามีเกณฑ์การให้คะแนนจากคนดูในสนาม คนดูออนไลน์ และคะแนนจากกรรมการ (ถ้าผมจำไม่ผิดอ่ะนะครับ) ซึ่งหากดูจากในภาพยนต์ เค้าจะวัดจาก "เสียงเชียร์" ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าแบบนั้นจริงๆ ทำให้ผมงงว่า "เค้าวัดยังไงวะ"

- ผมชอบไลม์ของเคนน้อยนะ แต่ยังโอมตอนนั้นผมว่าไม่เรียกโหด ผมเรียกว่า "โหดจนเถื่อน" เลยล่ะ

youtube.com

TWIO3 : EP.7 ” KENNOI vs YOUNGOHM ” | RAP IS NOW

กดแชร์ กดหัวใจ กดโหวตให้แร็พเปอร์ที่ชอบได้ที่ https://fans.vote/v/ACocoISN4Q4ไร้คำบรรยายกับคู่นี้ เดือดมันส์ฮา แน่นอน . . .ซื้อบัตรราคาพิเศษจำนวนจำกัดที่จะปล...

- หากวิจารณ์ตัวละครหลักอย่างแร็บบิท จะเห็นว่าสภาพครอบครัวของแร็บบิทมันเหมือนอาวุธที่ทิ่มแทงตัวละครอย่างแร็บบิทตลอดเวลา จนตัวเค้ายอมทอดทิ้ง "ความฝัน" เพราะไม่อยากให้ความลับของครอบครัวถูกเปิดเผย

- อย่างที่กล่าวมาล่ะครับ ในเมื่อดนตรีมันก็เป็นคมมีดที่กรีดใจได้เช่นกัน จริงหรือ??

- ว่าแล้วไปดู "แรป" ที่เป็น "สงครามกันบ้างดีกว่า

- ใช่ครับชาวแรป ผมกำลังพูดถึง

2Pac แห่ง West Coast

2Pac King of LA

และ Biggie แห่ง East Coast

Biggie แห่ง NY

คงไม่ไปกล่าวประวัติย่อนะครับ น่าจะยาววววววว เอาเฉพาะจังหวะที่เค้าเหยียบบาทากันละกัน

- กล่าวคือทั้ง 2Pac และ Biggie ก็สนิทกันระดับหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ได้สนิทถึงขั้น "เพื่อนรัก" แต่ถ้า 2Pac ไป New York ก็ไปนอนบ้าน Biggie ได้ และถ้า Biggie ไป LA พี่ 2Pac ก็ดูแลอย่างดี (เท่าที่ดูคลิปเหมือน 2Pac จะเรียกตัวเองว่า "พี่" และเรียก Biggie ว่า "น้อง" ซึ่ง Biggie ก็ยอมรับมัน)

- Biggie เคยเล่นคอนเสิร์ตกับ 2Pac ซึ่งท่านน่าจะรู้ว่าการให้ใครก็ไม่รู้มาขึ้นเวทีร่วมกับท่าน มันย่อมเป็นไปไม่ได้ นอกจากจะสนิทถึงขั้น "ยอมรับกันระดับหนึ่ง"

- ทะเลาะกันได้ยังไงนะ? เหตุมันเพราะระหว่างที่ 2Pac ไปรู้จักกับสาวอายุ 19 ส่งผลให้ 2Pac และเพื่อนพ้องโดยยกทีม ซึ่งเค้าว่าตัวเค้าโดน "จัดฉาก" เพราะแกบอกว่าแกออกไปก่อน ซึ่งแก "ติดคุก"

- ระหว่างพิจารณาคดี 2Pac ได้เดินทางไปห้องอัดเสียง ณ สตูดิโอที่ ไทม์ สแควร์ ใน New York ณ บริเวณหน้าลิฟท์ ชั้น 1 ชายสามคนรุม "ยำ" 2Pac เละเทะ ก่อนจะโดน "ลูกปืน" เข้าไปอีก 5 นัด มีนัดนึง "เข้าหัว" นัดหนึ่ง "เจาะเข้าอัณฑะ" แถมยังโดน "รูดทรัพย์" ซะหมดตัว ถึงจะโดนซะหนัก แต่ 2Pac ก็ "รอด"

2Pac รอด

- อนึ่ง แรปเปอร์ยุคนี้ถ้าจะแต่งตัวให้มันดู "พราวๆ" สารพัดแบรนด์เนมบนตัว ตังเยอะๆ ใช่ครับ สมัยนี้เป็นไง สมัยนั้นก็เป็นงั้นแหล่ะครับ ซึ่งสภาพสังคมของคนผิวสีในยุคนั้น ยิ่งคุณ "พราว" คุณก็จะเป็นผู้นำชุมชน และเป็นคนมีชื่อเสียงในชุมชนนั้น ๆ ซึ่งเค้าก็ไม่ค่อยสนวิธีการของการ "พราว" เสียเท่าไหร่

แบรนด์ทั้งตัว เพราะเค้าคิดว่าไม่น่ามีใครเป็น "ศัตรู"

ไม่แน่ใจว่าพราวรึเปล่า แต่ก็พร้อมโดนทุบถ้ามาแถวๆนี้

- วันนั้นคนที่บังเอิญไปอัดเสียงในวันเดียวกัน ดันเป็น Biggie

- ช่วงนั้นมันมีหลายสาเหตุที่ 2Pac น่าจะโดนเล่น แต่สิ่งหนึ่งที่ 2Pac ปักใจเชื่อว่าเป็น Biggie เพราะ Biggie รู้จักผู้มีอิทธิพลใน New York เยอะ ด้วยครั้งหนึ่ง Biggie เคยเป็น "สายเอ" จนครั้งหนึ่งเคยเข้าไปอยู่ในซังเต โดย 2Pac มองว่า Biggie ไม่บอกว่าคนที่ทำร้ายเค้า มาจาก "สายไหน" ทำให้ 2Pac คิดว่า Biggie มีเอี่ยวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

- 2Pac ประกาศชัดเจนว่าเค้ามั่นใจว่าเป็น Biggie ประกอบกับฝั่ง Biggie ออกอัลบัมและมีเพลงหนึ่งอย่าง Who shot ya? ซึ่ง Biggie และฝั่ง East Coast บอกว่าทำเพลงนี้ไว้นานแล้ว แต่ West Coast ก็มองว่า "แบบนี้มันหยาม"

- แน่นอนครับที่ผมใช้คำว่า West Coast เพราะตอนนี้มันไม่ใช่ปัญหาแค่ระหว่าง 2Pac กับ Biggie แต่มันเป็นปัญหาระหว่างค่ายเพลง และลุกลามเป็นสงครามระหว่าง West Coast และ East Coast เรียบร้อยแล้ว

- ครั้งหนึ่งภรรยาของ Biggie เคยไป LA และบังเอิญเจอ 2Pac พอดี เลยมีช่างภาพมาขอถ่ายรูป ซึ่งฝั่ง West Coast ก็ใช้เหตุการณ์ดังกล่าวในการโจมตี East Coast โดยได้ใส่เนื้อเพลงว่า 2Pac ร่วมรักกับภรรยาของ Biggie ผ่านเพลง Hit'Em Up ในช่วงต้น (และมีการกล่าวถึง West Side)

ภาพเจ้ากรรมที่กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือ???

- อย่างที่กล่าว เมื่อมีค่าย มันก็มีเรื่องเงินๆ ทองๆ พอรบยอดการขายอัลบัมมันก็เพิ่ม เริ่มมีความรุนแรงผ่านดนตรีมากขึ้นเรื่อยๆ และมันเป็นสงครามระหว่าง West Coast และ East Coast จริงๆ ในงานคอนเสิร์ต มีการกล่าวถึง West Side และ East Side ตลอดในช่วงนั้น (ถึง Biggie จะพยายามปรับความเข้าใจ แต่ก็น่าจะไม่พอใจที่ West Coast เอาภรรยาเขาไปเป็นเครื่องมืออยู่บ้าง)

- อย่าลืม Biggie ก็รู้จักผู้มีอิทธิพลเยอะ ในขณะที่ 2Pac ที่อยู่กับ Suge Knight ซึ่งก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงในด้าน "เทาๆ" พอตัว (ปัจจุบันเมื่อปี 61 Suge Knight ยอมรับว่ามีเอี่ยวในคดี "ฆาตกรรม" )

ขวา Suge Knight แห่ง เดธ เวิร์ลเรคคอร์ด ซึ่ง 2Pac ไปสังกัดด้วยเพราะมีส่วนช่วยตอนติดคุก

- วันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1996 หลังจากที่ 2Pac และ Suge Knight ที่เพิ่งกลับจากการดูแมทช์ ไมค์ ไทสัน ที่เอ็มจีเอ็มแกรนด์ ในลาสเวกัส รถยนต์คาดิลแล็กสีอ่อนระดมยิงใส่รถของทั้งคู่ 2Pac โดนยิง Suge Knight รอด แต่ครั้งนี้เทพธิดาแห่งโชคมิได้เข้าข้าง 2Pac อีกครา 6 วันหลังจากยื้อชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล 2Pac ตายในวันศุกร์ที่ 13 และยังจับคนร้ายไม่ได้

2Pac และ Suge Knight ในคืนวันเกิดเหตุ รถคันดังกล่าวได้ถูกประมูลแล้ว (ผมจำราคาไม่ได้)

- ไม่กี่เดือนต่อมา ก็ถึงเวลาของ Biggie ถูกระดมยิงใส่รถยนต์เช่นกันขณะที่พยายามจะ "ปรับความเข้าใจ" ด้วยการเดินทางไปโปรโมทอัลบัมถึงถิ่น LA Biggie ถูกระดมยิงคารถยนต์ ก่อนอัลบัม Life After Death จะออกขาย 15 วัน ซึ่งอัลบัมดังกล่าวขึ้นชาร์ตอันดับ 1 บนบิลบอร์ด ได้รับรางวัลระดับแผ่นเสียงเพชร โดย RIAA ในปี 2000 (ผู้เขียนได้ฟังและคิดว่าอัลบัมนี้ค่อนข้างดำดิ่งพอสมควร)

รถของ Biggie ในคืนดังกล่าว

- ทั้งคู่จบชีวิต "คาสี่แยก" ทั้งคู่

- ผมลืมบอกไป ว่าไอ้ West Side และ East Side มันก็ห่างกันพอตัวนะ (ประมาณไป-กลับ แม่สายเบตง สองรอบครึ่ง)

ห่างกันมากกกกก ไปมีเรื่องกันได้ไงวะ???

- วัฒนธรรมของแรปเปอร์ LA ค่อนข้างจะสนุกสนานกว่า ในขณะที่ฝั่ง New York ค่อนข้างจะมีซาวน์ที่ดำดิ่งกว่า และมีเอกลักษณ์ในความเป็น "แก๊งค์เตอร์" ซึ่งมันก็ส่งต่อความ "แก๊งค์เตอร์" ยาวมาจนถึงยุค 50 Cent ก่อนที่เหล่า "แก๊งค์เตอร์" จะมาตายเพราะ Kanye West ในเวลาต่อมา

- ซึ่งครั้งหนึ่งวัฒนธรรม "แก๊งค์เตอร์" ก็เคยส่งผ่านมาถึงประเทศแถว ๆ นี้ ในเพลงแรปสมัยหนึ่งของไทยก็เลยต้องยิงแ*่งเลย อยู่พักหนึ่ง (มึงจะไปทะเลาะกับใครวะ??)

ผมที่เริ่มงงงวยกับเพลงแรปในยุค 90 ของตัวเอง

อย่างที่กล่าวมาข้างต้น หากดนตรีก็เปรียบดังอาวุธ และปัญหาชีวิตก็ทิ่มแทงชีวิตตัวละครอย่างแร็บบิทเช่นก้ัน ในจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง แร็บบิท พร้อมที่จะเผชิญกับความจริง และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น

- แร็บบิท ไม่ใช่ แร็บบิท ที่ยอมให้ปัญหาเป็นคมมีด หากเปลี่ยนให้คมมีดที่ทิ่มแทงจิตใจ เป็นแรงผลักดันให้ตนยอมรับตนเอง และหันคมมีดดังกล่าวย้อนกลับไปจู่โจมศัตรู

- สุดท้าย แร็บบิท เลือกที่จะทำตาม "ฝัน" และสามารถเอาชนะ "ใจ" ของตนได้ ผ่านไลม์ที่ียอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น และหากเจาะลึกทุกตัวละครที่เป็น "แรปเปอร์" เราต่างรู้ว่าพวกเขา "แรป" ด้วยแนวทางที่แตกต่างกัน

- 8 Mile เป็นหนังที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงของตัว Eminem เอง

แร็บบิท แอนด์ เดอะ แกงค์ โย่วๆๆๆ

ถ้าหากจะกล่าวโดยสรุป หากดนตรีเคยเป็นคมมีดที่ทิ่มแทงใจของแร็บบิท และครั้งหนึ่งดนตรีเคยคร่าชีวิตสองตำนาน และเคยก่อให้เกิด "สงคราม" แล้วเหตุใด ถ้าผมจะเปรียบเสมือนว่าดนตรีก็สามารถจะเป็น "อาวุธ" ได้ในบางโอกาสมันอาจจะไม่

"เกินจริง"

หากเนื้อเพลงที่ผ่านการเรียบเรียง "คำพูด" เคยทำให้ท่านรู้สึกสุข ทุกข์ และเสียน้ำตากับถ้อยคำในเพลงแล้วไซร์ เหตุใด "คำพูด" จะไม่ใช่ "อาวุธ"

จง "คิด" ก่อนที่ "คำพูด" ของท่านจะเป็น "อาวุธ"

ท่านคงไม่อยากให้ "อาวุธ" ของท่าน "ทิ่มแทง" ใคร โดยไม่รู้ตัว

บทความช่วงนี้ของผมมัน "ดาร์กไซส์" ไปรึเปล่านะ? หรือจริงๆ มันก็เรื่องปกติอยู่แล้ว?

อนึ่ง มีศิลปินแรปเปอร์ที่ผมชื่นชอบท่านหนึ่ง Jealous King ของคุณ TangBadVoice และเพลงที่ผมชื่นชอบก็ความหมายดีจริงๆ นะ

I wish you'll be mine

ขอบคุณที่ติดตามครับ