25 ก.ค. 2021 เวลา 09:04 • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกาหลีใต้ - ญี่ปุ่น ตอนที่ 1
1
เป็นประเด็นการเมืองร้อนขึ้นมาทีเดียว เมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้สั่งให้ทีมชาติเกาหลีใต้ถอดป้ายที่มีข้อความที่อาจจะก่อดราม่าการเมืองระหว่างประเทศ ออกจากตึกในหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิก ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ป้ายผ้าดังกล่าวถูกปลดเมื่อวันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา โดยป้าผ้ายนั้นเขียนข้อความว่า "ฉันมีชาวเกาหลีใต้อีก 50 ล้านคนคอยหนุนหลัง" ซึ่งประโยคนี้เป็นคำพูดของ นายพลอี ซุน-ชิน ผู้เป็นแม่ทัพเรือของเกาหลีในยุคราชวงศ์โชซอน ช่วงค.ศ. 1592-1598 และเป็นผู้นำทัพทำสงครามกับญี่ปุ่น จนได้รับชัยชนะ
ป้ายผ้าที่ถูกปลดจากที่พักของนักกีฬาทีมชาติเกาหลี (Credit : https://japantoday.com/category/tokyo-2020-olympics/skorea-removes-banners-at-olympic-village-after-ioc-ruling)
ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจ ตอบโต้โดยการชูธงอาทิตย์อุทัยที่ด้านหน้าหมู่บ้านนักีฬา ซึ่งธงนี้เป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่รุ่งเรืองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เรื่องนี้ร้อนถึงคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) นอกจากจะสั่งปลดผ้าของทีมเกาหลีใต้แล้ว ยังได้ส่งหนังสือเตือนคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งเกาหลีใต้ด้วย เนื่องจากการกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎบัตรของ IOC ที่ไม่ให้แสดงสัญลักษณ์ทางการเมือง ศาสนา หรือ เชื้อชาติ ระหว่างการแข่งขันโอลิมปิก
แต่ทางเกาหลีใต้โต้กลับ IOC และเรียกร้องให้ห้ามญี่ปุ่นใช้ธงชาติอาทิตย์อุทัยระหว่างที่มีงานโอลิมปิกเด็ดขาด เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สร้างบาดแผลให้เกาหลีใต้และอีกหลายๆประเทศ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์และความหมายคล้าย "สวัสดิกะ"
ชาวญี่ปุ่น และ ธงอาทิตย์อุทัย หน้าหมู่บ้านนักกีฬา Credit : http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210719000964
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกาหลีใต้พยายามร้องต่อ IOC เรื่องธงอาทิตย์อุทัยของญี่ปุ่น ที่ผ่านมาทาง IOC ปฏิเสธข้อเรียกร้องของเกาหลีใต้มาตลอด และได้ให้เหตุผลว่าธงดังกล่าวใช้แพร่หลายกันในญี่ปุ่น ณ ตอนนี้ และได้ใช้เป็นสัญลักษณ์ของกองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้มีความหมายและเป็นสัญลักษณ์ในเชิงการเมืองอีกต่อไป
แต่สำหรับสายตาของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ มองว่าธงอาทิตย์อุทัยนี้แสดงถึงช่วงเวลาที่โหดร้ายของกองกำลังญี่ปุ่น สงคราม และบาดแผลที่ไม่มีวันหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ในส่วนเกาหลีเหนือ และ จีน เองเช่นกัน มองว่าการนำธงอาทิตย์อุทัยมาใช้ในเวทีโอลิมปิก ไม่เหมาะสมและเป็นการเยาะเย้ยผู้คนและเหล่าประเทศในเอเชียที่เคยได้รับผลกระทบจากญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ทีมชาติเกาหลีใต้ยังได้ประกาศว่าจะไม่ร่วมรับประทานอาหารญี่ปุ่นในหมู่บ้านนักกีฬา โดยเกาหลีใต้ได้ส่งพ่อครัวมาจากเกาหลีใต้จำนวน 14 คนและวัตถุดิบทำอาหารอีกมากมาย เพื่อทำอาหารให้กับนักกีฬาเกาหลีใต้จำนวนกว่า 420 คน โดยให้เหตุผลว่า อาหารที่ทำจากญี่ปุ่นอาจจะมีรังสีนิวเคลียร์ที่รั่วไหลจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะปนเปื้อนและเป็นอันตรายต่อนักกีฬา
9
เรื่องนี้ญี่ปุ่นได้โต้กลับทันที เพราะส่งผลต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในฐานะเจ้าภาพ ว่าจากภัยพิบัติที่ฟุกุชิมะ รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการตรวจสอบอย่างดีแล้ว เพื่อให้อาหารและน้ำดื่มมีปราศจากสารปนเปื้อน รวมถึงอาหารที่ทำให้นักกีฬาก็ได้มีการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบ เช็คกรรมวิธีการปรุงทุกอย่างก่อนที่จะออกเสิร์ฟให้นักกีฬาแล้ว ขอให้นักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องที่เดินทางเข้ามาวางใจได้
1
สงครามจิตวิทยาบนเวทีโอลิมปิก ระหว่างเกาหลีใต้และเจ้าภาพญี่ปุ่น เริ่มคุกรุ่น วันนี้เราจะพาทุกคนอ่านประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเกาหลี-ญี่ปุ่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการดำเนินนโยบายการต่างประเทศของทั้งสองที่ผ่านมาด้วย
4
ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกาหลี - ญี่ปุ่น ตอนที่ 1
เป็นธรรมดาที่ประเทศที่มีพรมแดนติดกันจะมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตที่สะสมมา แต่สำหรับเกาหลีและญี่ปุ่น ปมขัดแย้งนี้ไม่เคยถูกสะสางออกไป ทำให้การเดินหน้าสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหยุดชะงัก เนื่องจากทั้งสองยังไม่สามารถก้าวข้ามผ่านเรื่องในอดีตนี้ไปได้
คาบสมุทรเกาหลี ย้อนกลับไปที่ยุค 3 อาณาจักร (57 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึง ค.ศ. 668) ที่เป็นการปกครองแบบชนเผ่า โดยมีชนเผ่าโคกูรยอ (Goguryeo) เป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด และมีพรมแดนติดกับประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น
ในตอนนั้นโคกูรยอเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งต้องการที่จะรวบรวม 3 อาณาจักรในตอนล่างของคาบสมุทรเกาหลี คือ แพคเจ คายา และ ชินลา เพื่อรวมเป็นอาณาจักรเดียว สร้างความเป็นปึกแผ่นเดียวกัน และคานอำนาจกับราชวงศ์ฮั่นของจีน
Credit : https://www.worldhistory.org/Three_Kingdoms_Period_in_Korea/
ทั้ง 3 อาณาจักรนี้ต้องการต้านทานอำนาจอาณาจักรโคกูรยอ จึงหันไปสานสัมพันธ์กับอาณาจักร ยามาโตะ-โคคุ บนหมู่เกาะญี่ปุ่นแทน (ปัจจุบันคือเขตเมืองนารา) โดยอาณาจักรยามาโตะ เป็นอาณาจักรแรกของญี่ปุ่นที่ถูกสถาปนาโดยปฐมกษัตริย์จิมมุ (ตามความเชื่อคือสืบทอดเชื้อสายกษัตริย์มาจากจันทรเทพ สึกิโยมิ และสุริยเทพี อามาเทราสึ)
อาณาจักรยามาโตะ แห่งญี่ปุ่น (Credit : https://printable-maps.blogspot.com/2008/08/ancient-map-of-japan.html)
แต่เดิมอาณาจักรแพคเจ ของเกาหลี มีความสัมพันธ์ใกลิชิดกับอาณาจักรยามาโตะ ของญี่ปุ่น ทั้งสองมีการรับและแลกเปลี่ยนศาสนาพุทธ ขงจื๊อ ตัวอักษรภาษาจีน และวัฒนธรรมร่วมอื่นๆอยู่ก่อนแล้ว
1
ท้ายที่สุด มีแค่อาณาจักรชินลาเท่านั้นที่สามารถเอาชนะ คุมคาบสมุทรเกาหลีได้ และได้สถาปนาเป็นโครยอ (Koryo) ในปีค.ศ. 918 แต่ไม่นานก็ถูกมองโกลจากจีนรุกรานและยึดคาบสมุทรเกาหลีได้ในปี ค.ศ. 1231-1259
2
ญี่ปุ่นเองก็เกือบไม่รอดเงื้อมมือของมองโกล ถ้ามองโกลไม่ได้โดนลมพายุไต้ฝุ่นยักษ์พัดล่มถล่มกองเรือของมองโกลทั้งหมด ก่อนที่จะบุกมาถึงญี่ปุ่น
4
มาจนถึง ค.ศ. 1592 เกิดสงครามอิมจิน (ในภาษาเกาหลี) หรือ สงครามบุนโรคุโนเอกิ (ในภาษาญี่ปุ่น) จากสงครามนี้ แม้ว่าเกาหลีจะพ่ายแพ้ แต่ได้มีวีรกรรมของแม่ทัพเรือ อี ซุน-ชิน (เจ้าของประโยคที่ทีมชาติเกาหลีเขียนบนป้ายผ้า) ที่ทำเรือรบติดหลังคาเหล็กเพื่อเป็นเกราะป้องกัน ลักษณะคล้ายเต่า จนป้องกันและเอาชนะญี่ปุ่นได้
2
แม่ทัพเรือ อี ซุน-ชิน กลายเป็นวีรบุรุษของเกาหลีและได้รับยกย่องอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน
2
อนุสาวรีย์แม่ทัพเรือ อี ซุน ชิน (Yi Sun Sin) ตั้งอยู่ด้าหน้าจัตุรัสกวางฮวามุน กรุงโซล เกาหลีใต้ (Credit : https://koreainspires.com/index.php/history/77-legendary-admiral-yi-sun-sin)
เรือเต่าที่ใช้ป้องกันการโตมตีจากกองทัพญี่ปุ่น Credit : https://koreainspires.com/index.php/history/77-legendary-admiral-yi-sun-sin
ในตอนนี้เองเกาหลีก็เริ่มมีคำขู่เด็กๆ ที่พูดถึงความโหดร้ายของญี่ปุ่นและมองโกลด้วยเหมือนกัน โดยขู่ว่า ระวังนะถ้าเป็นเด็กดื้อ จะถูกปีศาจตัดจมูกและหูไป เพราะในตอนนั้นกองทัพญี่ปุ่นจะตัดหูหรือจมูกคนเกาหลีเอากลับไปญี่ปุ่น เพื่อรายงานว่าฝ่ายตนได้ฆ่าศัตรูไปแล้วเท่าไหร่
กระทั่งในยุคเอโดะ (Edo) ญี่ปุ่นอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองระบบโชกุนตั้งแต่ ค.ศ. 1600-1868 และดำเนินนโยบายปิดประเทศ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับประเทศภายนอก ซึ่งรวมถึงการทำสงคราม และการติดต่อการค้าใดๆกับต่างประเทศ
ส่วนเกาหลีก็เป็นช่วงที่ประเทศสงบ ตรงกับสมัยพระเจ้าเซจงที่ได้วางรากฐานขงจื๊อ และประดิษฐ์ตัวอักษรเกาหลีแบบที่ใช้ในปัจจุบัน
ในตอนนี้ญี่ปุ่นได้รับแรงกดดันจากภายนอกอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ในยุคล่าอาณานิคม ทำให้สุดท้ายต้องยอมเปิดการค้ากับต่างประเทศ และถูกบีบบังคับให้ลงนามในสนธิสัญญาการค้าที่ไม่เป็นธรรม
จนกระทั่งญี่ปุ่นเกิดการปฏิรูปเมจิ ด้วยแรงกดดันจากตะวันตกให้เปิดประเทศ ในปี ค.ศ. 1868 ญี่ปุ่นมีการยกเลิกระบบโชกุนและศักดินาทั้งหลาย ไปจนถึงการกระจายระบบคมนาคม ถนน ท่าเรือ รถไฟ ไปรษณีย์ ธนาคาร เพื่อเอื้อต่อการค้าขาย ส่งผลให้ญี่ปุ่นเจริญและพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมากที่สุดในเอเชีย
5
ตามมาด้วยการพัฒนาการรบสมัยใหม่ มีการใช้ดินปืน ปืน เรือรบสมัยใหม่ ทำให้กองกำลังทหารของญี่ปุ่นยิ่งใหญ่ เกรียงไกรขึ้นเรื่อยๆ
รถไฟไอน้ำที่เริ่มใช้ในญี่ปุ่นช่วง ค.ศ. 1875 (Credit : http://44041790.weebly.com/meiji-industries.html)
ภาพถ่ายย่านกินซ่า (Ginza) เมืองโตเกียวของญี่ปุ่น ช่วงค.ศ. 1895 (Credit : https://atom.moa.ubc.ca/index.php/woman-on-terrace)
ขณะที่เกาหลีช่วงปี ค.ศ. 1876 ภายใต้ราชวงศ์โชซอน ในสมัยพระเจ้ากวางมู กำลังเจริญความสัมพันธ์กับจีนที่กำลังอ่อนแอ
ในตอนนี้เองญี่ปุ่นบังคับให้เกาหลีลงนามใน สนธิสัญญากวางฮา เพื่อประกาศว่าเกาหลีไม่ได้อยู่ภายใต้จีน และยกเลิกการส่งบรรณาการให้ราชวงศ์ชิงของจีน โดยให้หันมาทำการค้าขายกับญี่ปุ่น บังคับให้เกาหลีเปิดท่าเรือทั้งหมด 3 ท่า และบังคับเอาสิทธิสภาพนอกอาณาเขตจากเกาหลีด้วย
ญี่ปุ่นยังคงดำเนินการสร้างจักรวรรดิญี่ปุ่นต่อไป เพื่อให้ทัดทานกับมหาอำนาจฝั่งตะวันตก เป้าหมายการขยายอำนาจ คือ เกาหลี ไต้หวัน และแมนจูเรีย
1
ฝ่ายเกาหลี รัชสมัยของพระเจ้าโคจง แห่งราชวงศ์โชซอน พระองค์เป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ เกาหลีในช่วงปี 1894 ต้องเจอกับกบฏชาวนาดองฮัก ที่ไม่พอใจราชวงศ์โชซอนและการบริหารบ้านเมืองที่ไม่มีประสิทธิภาพของ พระเจ้าโคจง และราชินีมิน
1
ญี่ปุ่นสบโอกาสเข้ามาบุกและช่วงชิงคาบสมุทรเกาหลี โดยอ้างว่าเป็นสิทธิตามสนธิสัญญากวางฮา ผลทำให้ญี่ปุ่นยึดพระราชวังคยองบกของเกาหลีเอาไว้ได้ และจับตัวพระเจ้าโคจง ตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด และขับไล่กองกำลังของราชวงศ์ชิงของจีนออกไปจากคาบสมุทรเกาหลีจนได้
เกิดเป็นสงครามจีน - ญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 ช่วงค.ศ. 1894-1895 (Sino-Japanese War) จีนพ่ายแพ้และเสียอำนาจอธิปไตยบนคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมด รวมถึงเสียเกาะฟอโมซา หรือ ไต้หวันในปัจจุบัน ให้ญี่ปุ่นอีกด้วย
สงครามจีน - ญี่ปุ่น / Sino-Japanese War ครั้งที่ 1 (Credit : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/c/ce/Battle_of_Pyongyang_by_Mizuno_To.jpg)
ในตอนนี้เราอาจจะพอบอกได้ว่าจักรวรรดิญี่ปุ่นกำลังล่าอาณานิคม ไม่ต่างจากตะวันตกเลยก็ว่าได้
แต่ใช่ว่าญี่ปุ่นจะยึดครองคาบสมุทรเกาหลีได้ 100% และไม่มีภัยอื่นๆ ในปี 1894 รัสเซีย สมัยซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งราชวงศ์โรมานอฟ ต้องการขยายอิทธิพลลงมายังเอเชียตะวันออกเช่นเดียวกัน
จักรวรรดิญี่ปุ่นต้องเจอกับแรงเสียดทานและอาจจะต้องเปิดศึกกับรัสเซีย ราชินีมินแห่งเกาหลีเห็นโอกาสนี้จึงเข้าเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย
ทว่าโชคร้ายที่ราชินีมิน ถูกสังหารชีวิตจากญี่ปุ่นไปเสียก่อนในปี 1895 ที่พระราชวังคยองบก ทำให้พระเจ้าโคจงรวบรวมอำนาจทั้งหมดมาไว้ที่ตนเอง ทำการปฏิรูปกวางมู และ สถาปนาจักรวรรดิเกาหลี
1
แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก สุดท้ายจักรวรรดิเกาหลีสามารถคงอยู่ไว้ได้เพียง 2 รัชกาลเท่านั้น คือสมัยพระเจ้าโคจง และพระโอรส พระเจ้าซุนจง ทั้งหมดกินเวลาเพียง 13 ปี
3
ภาพประกอบการลอบสังหารราชินีมินภายในพระราชวังคยองบก (Credit : http://ethlenn.blogspot.com/2011/08/assassination-of-empress-myeongseong.html)
จักรวรรดิญี่ปุ่นในตอนนี้กำลังเตรียมรับมือกับศึกของรัสเซีย ที่กำลังจะเกิดขึ้น และสุดท้ายได้เข้ารบกับรัสเซีย ในสงคราม Russo-Japanese ค.ศ. 1904-1905 ญี่ปุ่นโจมตีกองทัพเรือของรัสเซีย บริเวณอ่าวอินชอนของเกาหลี ผลคือญี่ปุ่นเอาชนะรัสเซียได้ โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตัวกลาง
รัสเซียและญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาพอร์ตสมัธ (Treaty of Portsmouth) ผลคือญี่ปุ่นได้ครอบครองคาบสมุทรเกาหลี และแมนจูเรีย (คาบสมุทรเหลียวตง)
กองกำลังทหารของญี่ปุ่นลงเรือมาที่อินชอน เกาหลีใต้ ก่อนที่จะเข้ามาถึงกรุงโซล หลังจบสงครามกับรัสเซีย ก็ไม่ได้ถอนกองกำลังออกไปแต่อย่างใด ญี่ปุ่นเข้าครอบครองคาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่ ค.ศ. 1904 (Japanese Occupation)
ญี่ปุ่นบังคับให้เกาหลีลงนามในสนธิสัญญาอึลซา หรือ Japan-Korea Treaty ในปี 1905 ผลคือ เกาหลีต้องยอมตกเป็นรัฐในอารักขาของญี่ปุ่น ทำให้กรุงโซลและเกาหลีตอนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่น
กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบอกที่อินชอน เกาหลีใต้ (Credit : https://www.agefotostock.com/age/en/details-photo/the-first-japanese-troops-landing-in-inchon-south-korea-russo-japanese-war-drawing-by-fortunino-matania-from-l-illustrazione-italiana-year-xxxi-no-13/DAE-BA037292)
เราจะมาต่อกันในตอนที่ 2 ช่วงที่ญี่ปุ่นเข้าครอบครองคาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่ปีค.ศ. 1904 เกิดอะไรขึ้นบ้าง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างเกาหลี และ ญี่ปุ่น เป็นอย่างไรบ้างที่ผ่านมา รวมถึงในปัจจุบันทั้งสองดำเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างไร
อย่าลืมกดติดตามเพื่อรอตอนต่อไปจากพวกเรานะคะ
References:
Kwan-young Kim , Japan and Korea : A Turbulent History

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา