เมื่อวานใครที่ได้ดูแมตช์ชิงเหรียญทองเทควันโด เชื่อว่าต้องลุ้นกันแทบขาดใจ โดยเฉพาะในช่วงวินาทีท้ายๆ
.
น้อง “เทนนิส” กำลังตามคู่แข่งอยู่ 9-10 คะแนน แต่ใน 5 วินาทีสุดท้าย สามารถพลิกกลับมาชนะ คว้าเหรียญทอง และสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยได้สำเร็จ 🇹🇭
.
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้นึกถึงเรื่องคุณค่าของเวลา ที่มีคนเคยกล่าวไว้ว่า
.
ถ้าอยากรู้คุณค่าของเวลา 10 ปี ให้เราลองถามสามีภรรยาที่เพิ่งหย่าร้างกัน
.
ถ้าอยากรู้คุณค่าของเวลา 4 ปี ให้ถามนักศึกษาที่ต้องฝ่าฟันกว่าจะเรียนจบได้
.
ถ้าอยากรู้คุณค่าของเวลา 1 ปี ให้ถามนักเรียนที่สอบตกและต้องเรียนซ้ำชั้น
.
ถ้าอยากรู้คุณค่าของเวลา 1 ชั่วโมง ให้ถามคนที่กำลังยืนรอคนรัก เพื่อที่จะได้เดทกันครั้งแรก
.
ถ้าอยากรู้คุณค่าของเวลา 1 นาที ให้ถามคนที่เพิ่งตกเครื่องบิน เพราะต้องเสียเวลาไปทั้งวัน
.
ถ้าอยากรู้คุณค่าของเวลา 1 วินาที ให้ถามคนที่รอดตายจากการเกิดอุบัติเหตุ เพราะฉิวเฉียดไปแค่ไม่กี่วิ
.
และถ้าอยากรู้คุณค่าของเวลาเสี้ยววิ ให้ถามนักวิ่ง 100 เมตรที่เคยได้เหรียญเงิน 🥈
.
หากจะบอกว่าช่วง 5 วินาทีสุดท้ายของเทนนิส คือช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุด ก็คงจะไม่ผิด
.
แต่หากมองย้อนกลับไปเมื่อการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่แล้วที่ประเทศบราซิล 🇧🇷
.
น้องเทนนิสก็เคยผิดหวัง พ่ายแพ้คู่แข่ง และได้เพียงเหรียญทองแดงมาก่อนเช่นกัน
.
และต้องรออีกนานกว่าจะได้มีโอกาสแก้ตัวใหม่อีกครั้ง 💔
.
ดังนั้น จริงๆ แล้วมันคงไม่ใช่ 5 วินาทีสุดท้าย ที่ทำให้เธอพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะได้
.
แต่มันคือทุกวินาที และทุกลมหายใจ หลังจากการพ่ายแพ้ครั้งนั้น
.
ที่เธอตั้งมั่นกับตัวเองว่า “ฉันจะกลับมาเป็นผู้ชนะในครั้งต่อไป”
.
Jon Sinclair กล่าวว่า “ความล้มเหลวเป็นเพียงรอยช้ำ ไม่ใช่รอยสัก”
.
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ขอแค่คุณลุกขึ้นเพื่อสู้ใหม่
.
ชัยชนะย่อมรอคอยอยู่ที่ปลายทาง 🔥
.
ขอแสดงความยินดีกับน้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่คว้าเหรียญทองและช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วยนะคะ ☺️🎉🎉