Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Directo : Movie & History
•
ติดตาม
25 ก.ค. 2021 เวลา 10:22 • กีฬา
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ในห้วงวินาทีสุดท้าย
เป็นเรื่องปกติของกีฬา เมื่อเกิดการแข่งขัน ก็ย่อมต้องมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ
ชัยชนะที่ได้รับนั้น ย่อมหอมหวานเป็นธรรมดา เมื่อคุณฝึกฝนอย่างยากลำบาก ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจมาเป็นเวลานาน การได้มาซึ่งชัยชนะจึงเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
และไม่มีชัยชนะครั้งไหนจะซะใจไปกว่า การพลิกชนะในห้วงวินาทีสุดท้ายแน่นอน เมื่อคุณเสียเปรียบมามาตั้งแต่ต้น ไปฝ่ายถูกไล่ต้อนมาตลอด แต่สุดท้ายสามารถพลิกชนะอีกฝ่ายได้ นั่นย่อมเป็นชัยชนะที่หอมหวานอย่างที่สุด
สำหรับผู้พลิกชนะแล้ว มันเป็นดั่งกับการ'โกงความตาย'
เมื่อแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กำลังจะมืดดับลง แต่แล้วคุณสามารถพลิกสถานการณ์ในช่วงวินาทีสุดท้ายเอาชนะอีกฝ่ายได้ มันคงเป็นความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่
แต่กลับกัน ถ้าพูดถึงผู้แพ้แล้วล่ะก็ มันตรงกันข้ามเลย
ลองคิดดูว่า ถ้าคุณคุมสถานการณ์ไว้ได้หมด มีแต้มนำอีกฝ่าย เวลาการแข่งขันก็กำลังจะหมดแล้ว อีกแค่ไม่กี่วินาทีคุณก็จะชนะแล้ว แต่สุดท้ายคุณดันพลิกไปแพ้เฉย
มันคงเปรียบได้กับเหมือนกำลังเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ แล้วในชั่วพริบตาก็ไปเดินเล่นอยู่ในนรกซะงั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องเทนนิสและอาเดรียน่าในรอบชิงชนะเลิศเทควันโด้ของโอลิมปิก 2020 ก็คงไม่ต่างกัน
การแข่งขันกำลังจะจบลง อาเดรียน่ากำลังจะคว้าชัยชนะมาครอง แต่แล้วเทนนิสก็สามารถชิงจังหวะพลิกสถานการณ์ได้ในตอนท้ายที่สุด ก่อนที่จะเข้าป้ายคว้าเหรียญทองปาดหน้าไปอย่างเจ็บแสบ
เรื่องราวครั้งนี้ทำให้ผมนึกย้อนไปยังเหตุการณ์หนึ่ง ที่เคยเกิดขึ้นในวงการฟุตบอล (พอดีเป็นคนชอบดูบอล) วันนี้ผมจึงอยากจะมาแชร์เรื่องราวการ'พลิกนรก'อันโด่งดัง ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วของวงการฟุตบอลในอดีตครับ
[เริ่มต้นอย่างพัง]
ย้อนกลับไปในปี 1999 การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ระหว่าง'ปีศาจแดง'แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ'เสือใต้'บาเยิร์น มิวนิค
ทั้งคู่นั้น สามารถผ่านคูต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากมายมาตลอดรายการ จนสุดท้ายต้องมาเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ
ในนัดชิงนั้น ถ้าคุณสามารถทำประตูขึ้นนำอีกฝ่ายได้ก่อน ก็ย่อมได้เปรียบเป็นอย่างมาก อย่าลืมว่าความกดดันในนัดชิงและนัดทั่วๆไปย่อมต่างกันลิบลับ ถ้าคุณโดนนำก่อนมันย่อมเป็นฝันร้ายอย่างที่สุดของการออกสตาร์ทแน่ๆ
และฝันร้ายที่ว่านั้น มันดันเกิดขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เพราะเพียงแค่ 6 นาทีแรกของการแข่งขันเท่านั้น บาเยิร์น มิวนิคสามารถทำประตูออกนำไปได้ก่อนจากลูกฟรีคิกของ มาริโอ บาสเลอร์
ความกดดันนั่นโถมเข้าใส่พลพรรคปีศาจแดงทันที แค่ 6 นาทีโดนยิงแล้ว พวกเขาต้องยิงคืนให้ได้ไม่งั้นจบเห่แน่ๆ
ยิ่งกดดันพวกเขาก็ยิ่งเล่นแย่ เพราะครึ่งแรกนั้นพวกเขาสู้ บาเยิร์น มิวนิคไม่ได้เลย 'โมเมนตั้ม'ของเกมได้เปลี่ยนไปแล้ว ทุกๆอย่างนั้นเข้าทาง บาเยิร์น มิวนิคทั้งหมด
"ผมมั่นใจเลยว่า ตอนนั้นถ้าคุณไปถามเฟอร์กี้ (ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) แม้แต่เขาก็คงจะบอกว่าเป็นเรื่องยากที่แมน ยูไนเต็ดจะพลิกกลับมาชนะได้" ซามูเอล คุฟฟูร์ กองหลังของ บาเยิร์น มิวนิค ออกมาเปิดเผยในภายหลัง
บาเยิร์น มิวนิคกระหนํ่าบุกใส่อย่างหนัก จนเกือบจะทำประตูได้หลายต่อหลายลูก แต่ก็ยังเป็นโชคดีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่รอดพ้นมาได้
สุดท้ายเกมในครึ่งแรกนั้นจบลงด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตามหลัง บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสกอร์ 0 ประตูต่อ 1
"เซอร์อเล็กซ์ บอกพวกเราในห้องแต่งตัวตอนพักครึ่งว่า ถ้าขืนเรายังเล่นห่วยแบบนี้ เราไม่ชนะแน่ๆ" ปีเตอร์ ชไมเคิล ตำนานผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกมาเปิดเผย
"และตอนที่พวกแกออกไปเล่นครึ่งหลัง พวกแกมองถ้วยใบนั้นไว้ดีๆนะ เพราะพวกแกคงเข้าใกล้ถ้วยได้มากที่สุดแค่นั้น ถ้ายังไม่เล่นให้มันดีขึ้น!"
[ครึ่งแรกว่าหนักแล้ว ครึ่งหลังหนักกว่า]
ตอนนี้พลพรรคปีศาจแดงไม่มีอะไรจะเสียแล้ว พวกเขาต้องบุกแหลกเพื่อทำประตูให้ได้ในครึ่งหลัง
จะแพ้ 10-0 หรือแพ้ 1-0 มันก็คือแพ้เหมือนกัน!
แต่สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม เพราะในครึ่งเวลาหลัง ปีศาจแดงยิ่งเล่นก็ยิ่งแย่ พยายามบุกยังไงก็บุกไม่ขึ้น หนำซํ้ายังโดน บาเยิร์น มิวนิคสวนกลับจนเกือบเสียประตูเพิ่ม ทั้งยิงชนเสาชนคานนี่มาหมด ถ้าไม่ใช่เพราะโชค คงโดนยิงเพิ่มอีก 2-3 ลูกไปแล้ว
"แมนยูไนเต็ดไม่ได้สร้างโอกาสอะไรเลยทั้งเกม พวกเขาบุกมาถึงกรอบเขตโทษของพวกเราได้ยากมาก พวกเราคุมเกมไว้ได้ทั้งหมด" โลธาร์ มัทเธอุส ตำนานนักเตะของ บาเยิร์น มิวนิคกล่าว
เวลายิ่งผ่านไปเรื่อยๆ ความฝันที่จะคว้าแชมป์ก็ยิ่งดับลงไปทุกที ถึงตอนนี้แฟนบอลบางคนเริ่มถอดใจแล้ว ก็ฟอร์มทีมเล่นได้แย่มากๆ โดนยำใหญ่อยู่ฝ่ายเดียว
เมื่อสถานการณ์แย่ลงสุดขีด เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจึงได้ตัดสินใจทำบางอย่าง..
Sir Alex Ferguson ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
[All In! - เทหมดหน้าตัก!]
"ผมเชื่อเสมอว่ามันคือตัวตนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"
"ถ้าคุณโดนนำและเหลือเวลาแค่ 15 นาที การเสี่ยงเทหมดหน้าตักในช่วงเวลาที่เหลือคือดีเอ็นเอของสโมสร"
"และมันคุ้มค่าเสมอ.." เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ทางด้านเฟอร์กูสันที่เห็นลูกทีมของตัวเองเล่นได้แย่มากๆ ก็เริ่มขยับหมาก
แมนยูไนเต็ดเริ่มด้วยการเปลี่ยน เจสเปอร์ บลอมควิสต์ ปีกซ้ายของทีมออกในนาทีที่ 67 แล้วส่ง เท็ดดี้ เชอริงแฮม กองหน้าลงไปแทน
การเปลี่ยนตัวครั้งนี้ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเล่นได้ดีขึ้นมาบ้าง มีโอกาสบุกเข้าไปถึงกรอบเขตโทษมากขึ้น แต่ถ้าถามว่าดีขึ้นมากไหม? ไม่เลย พวกเขายังคงโดนบาเยิร์น มิวนิค ยำใหญ่อยู่ฝ่ายเดียวเหมือนเดิม
บาเยิร์น มิวนิคยังคงสามารถจัดการเกมรุกของอีกฝ่ายได้อย่างดีเยี่ยม แต่การจัดการเกมรุกอีกฝ่ายก็ทำให้กองหลังของตัวเองนั้นเหนื่อยมากเช่นกัน และนั่นนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเกมนี้..
"ผมโคตรเหนื่อย ผมเลยส่งสัญญาณขอเปลี่ยนตัว นั่นทำให้ผู้จัดการทีมเปลี่ยนตัวผมออก" โลธาร์ มัทเธอุส ลิเบโร่ของทีมเสือใต้กล่าว
"และการเปลี่ยนตัวผม คงเป็นสัญญาณปลุกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดให้ตื่นในทันที.."
โลธาร์ มัทเธอุสถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 80
โลธาร์ มัทเธอุส (ขวา) คีย์แมนคนสำคัญของบาเยิร์น มิวนิค กำลังถูกเปลี่ยนตัวออก
ทางด้านเฟอร์กูสันที่เห็นเช่นนั้น เขาจึงทำการขยับหมากที่สำคัญที่สุด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถอดแอนดี้ โคล กองหน้าที่ไม่ค่อยมี'อิมแพค'ในวันนี้ออก และทำการส่งไพ่ตายใบสุดท้ายลงไปทันทีในนาทีที่ 81
และไพ่ตายใบสุดท้ายนั้น คือ 'โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์'
เมื่อเปลี่ยนโซลชาร์ลงมา แมนยูไนเต็ดเล่นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาสามารถสร้างโอกาสทำประตูได้มากมาย เกมรุกของพวกเขามีประสิทธิภาพในการเข้าทำมากขึ้น
แฟนบอลปีศาจแดงนั้นเริ่มตื่นมาส่งเสียงในสนามอีกครั้ง หลังจากที่เงียบมาทั้งเกม
แต่การเปิดเกมรุกมากขึ้นนั้น ย่อมตามมาด้วยการเปิดช่องโหว่ในเกมรับเช่นกัน
ยิ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุก พวกเขาก็ยิ่งโดนบาเยิร์น มิวนิคสวนกลับมากขึ้น และเกือบเสีบประตูอีกแล้ว
สถานการณ์ตอนนี้ทั้ง 2 ทีมมีสิทธิ์ทำประตูได้ทั้งคู่ พวกเขาเปิดหน้าแลกแลกใส่กันไปกันมา
ถ้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยิงได้ พวกเขาจะต่อลมหายใจของตัวเองออกไป และแน่นอนว่า'โมเมนตั้ม'ของเกมจะพลิกกลับแน่
แต่ถ้าบุกเพลินๆแล้วโดนสวนกลับเสียประตูล่ะก็ เกมโอเวอร์แน่
ตอนนี้สิ่งที่บาเยิร์น มิวนิคต้องทำ ก็คือตั้งเกมรับไว้รอสวนกลับ ถ้ายิงได้อีกซักลูกเป็น 2-0 ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้ายิงเพิ่มไม่ได้ก็แค่ยื้อไว้ไม่ให้โดนยิงก็พอ
เวลาการแข่งขัน 90 นาทีนั้นครบแล้ว ผู้ตัดสินข้างสนามยกป้ายไฟเป็นการส่งสัญญาณว่าจะทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที
3 นาทีสุดท้ายที่จะตัดสินผู้ชนะ
3 นาทีสุดท้ายที่จะตัดสินว่าใครจะกลับบ้านมือเปล่า
และเป็น 3 นาทีสุดท้าย ที่จะเป็นตำนานของโลกฟุตบอลไปตลอดกาล..
[ความพยายามครั้งสุดท้าย]
"ตอนผมถูกเปลี่ยนออกมา ที่ม้านั่งสำรองมีแต่คนบอกผมว่าเราชนะแล้ว เราเป็นแชมป์แล้ว"
"แต่นั่นเป็นคำสอนชีวิตสำหรับผม ว่าเราจะชนะก็ต่อเมื่อเรามีสกอร์นำตอนกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาเท่านั้น.." โลธาร์ มัทเธอุส ตำนานนักเตะบาเยิร์น มิวนิคกล่าว
นี่เป็นช่วงเวลาที่บีบคั้นหัวใจของทั้ง 2 ทีมเป็นอย่างมาก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตอนนี้โหมใส่บาเยิร์น มิวนิคอย่างหนักราวกับพายุเฮอร์ริเคน พวกเขาไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
และความพยายามบุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่ได้สูญเปล่า พวกเขาได้ลูกเตะมุมทางด้านซ้าย
เดวิด เบ็คแฮม เป็นคนรับหน้าที่เปิดลูกเตะมุม
ปีเตอร์ ชไมเคิล ผู้รักษาประตูของแมน ยูไนเต็ด ก็ขึ้นมารอโหม่งในกรอบเขตโทษด้วย
การที่แม้แต้ผู้รักษาประตูยังขึ้นมาลุ้นรอโหม่งนั้น หมายความว่าคุณไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ถ้ายิงไม่ได้ ก็คือโดนยิงเท่านั้น
และนั่นก็นำมาซึ่งจุด'ไคล์แมกซ์'ของเกมนี้..
David Beckham
[นาที 90+1 จากสวรรค์เป็นนรก และจากนรกเป็นสวรรค์ในชั่วพริบตา]
เดวิด เบ็คแฮม เปิดบอลเข้ามากลางกรอบเขตโทษ
ชไมเคิลพยายามกระโดดขึ้นโหม่ง แต่บาเยิร์นโหม่งเคลียร์ออกไปทางเสาไกลได้
ดไวต์ ยอร์ค โหม่งตั้งกลับเข้ามา แต่ก็มาเข้าทางของนักเตะบาเยิร์น
บาเยิร์น พยายามเตะบอลเคลียร์ออกไป แต่ดันแป๊ก
บอลไปตกหน้า ไรอัน กิ๊กส์ ที่ยืนอยู่บริเวณนอกกรอบเขตโทษ
กิ๊กซ์ ยิงวอลเลย์สวนด้วยเท้าขวา ข้างที่เขาไม่ถนัด
บอลไม่ได้พุ่งตรงกรอบก็จริง แต่มันดันพุ่งทะลุผ่านผู้เล่นทุกคนไปอยู่หน้า เท็ดดี้ เชอริงแฮม ในระยะเผาขน
เท็ดดี้ เชอริงแฮม ใช้เวลาเสี้ยววินาที เอี้ยวตัวยิงตามนํ้าจ่อๆด้วยเท้าขวา
โอลิเวอร์ คาห์น ผู้รักษาประตูของบาเยิร์น ขาตายไปแล้ว ไม่มีทางที่จะขยับไปเซฟได้ทันในระยะเผาขนแค่นั้น
บอลพุ่งเข้าประตูไป..
"GOALLLLLLLLLLLLLLLLL!!"
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+1 จากลูกยิงของเท็ดดี้ เชอริงแฮม นักเตะตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงไป
ทั้งแฟนบอลและทีมงานโค้ชของปีศาจแดงพากันแหกปากร้องด้วยความดีใจ
"นี่มันบ้าไปแล้ว!"
ความกดดัน ความหนักใจ ตั้งแต่โดนนำในนาทีที่ 6 มันหายไปหมดแล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถต่อลมหายใจให้กับตัวเองได้สำเร็จ ตอนนี้พวกเขาพลิกจาก'ตกนรก'มา'ขึ้นสวรรค์'เรียบร้อย
ทุกคนนั้นช็อคกันหมดทั้งสนาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ช็อค เพราะทีมกำลังจะแพ้แล้วแต่ดันมายิงประตูตีเสมอได้
บาเยิร์น มิวนิค เองก็ช็อค เพราะทีมกำลังจะชนะ ดันมาโดนยิงตอนที่เวลากำลังจะหมดแล้วแท้ๆ นักเตะนั้นต่างพากันอึ้งและไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถึงแม้สกอร์จะเสมอกันอยู่ที่ 1 ประตูต่อ 1 ก็จริง แต่ถ้าว่ากันตรงๆ ความรู้สึกของบาเยิร์น มิวนิคนั้นเหมือนกับแพ้ไปแล้ว ทีมกำลัง'ขึ้นสวรรค์'อยู่ดีๆกลายมาเป็น'ตกนรก'ซะเอง
"ผมเดินกลับไปที่ประตูฝั่งตัวเอง พยายามหายใจเข้าออกแล้วบอกให้ตัวเองใจเย็นๆ"
"ผมพูดกับตัวเองว่า 'พีท มันจบแล้ว' เพราะตอนนี้ทุกอย่างกำลังใจเปลี่ยนไป" ปีเตอร์ ชไมเคิล ผู้รักษาประตูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกล่าว
ตอนนี้'โมเมนตั้ม'ของเกม เอนเอียงมาเข้าทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั้งหมดแล้ว..
ปีเตอร์ ชไมเคิ้ล
[นาที 90+3 เพชรฆาตหน้าทารก - ปิดเกม!]
สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ดีที่สุด คือความไม่ยอมแพ้จนกว่าจะสิ้นเสียงนกหวีดของกรรมการ
ในยุคสมัยที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีมนั้น จะมีช่วงเวลาที่แฟนบอลเรียกกันว่า 'เฟอร์กี้ ไทม์' (Fergie Time) หรือช่วงเวลาของ'เฟอร์กี้'
กล่าวคือ ในยุคที่เฟอร์กูสันคุมทัพอยู่นั้น หลายต่อหลายครั้งมากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมักจะโดนคู่แข่งนำไปก่อน แล้วพลิกกลับมาชนะได้อย่างเหลือเชื่อราวกับ'โกงความตาย'ใน 15 นาทีสุดท้ายของเกม
โดยเฟอร์กูสันมักจะส่งผู้เล่นตัว'โจ๊กเกอร์'ลงไปในช่วงท้ายเกม และผู้เล่นเหล่านั้นมักจะช่วยทีมพลิกนรกคว้าชัยได้เสมอ
และในยุค 1999 ไม่มีนักเตะ'โจ๊กเกอร์'คนไหนที่จะโดดเด่นไปกว่า 'โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์'
โซลชาร์ เป็นกองหน้าที่มักจะอยู่บนม้านั่งสำรองซะส่วนใหญ่ และมักจะถูกใช้งานในช่วงท้ายเกมเสมอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทีมต้องการประตูล่ะก็ โซลชาร์ จะถูกส่งลงสนามเป็นประจำ
ด้วยหน้าตาที่เหมือนเด็กของเขา เขาจึงถูกตั้งฉายาว่า 'เพชรฆาตหน้าทารก' (The Baby Faced Assassin)
และในนัดชิงครั้งนี้เขาก็ถูกส่งลงสนามในช่วงท้ายเกมเช่นกัน
หลังจากที่ทำประตูตีเสมอได้แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขามั่นใจมากๆว่าจะชนะแน่นอน สกอร์ยังเสมอ 1-1 ก็จริง แต่ความมั่นใจและสมาธิของนักเตะบาเยิร์น มิวนิค ตอนนี้หายหมดแล้ว
เสียงเชียร์ของแฟนบอลปีศาจแดงกลับมาดังกระหึ่มชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขากำลังคึกสุดๆ
ตอนนี้บาเยิร์น มิวนิคกำลังเสียศูนย์ ไม่ควรจะปล่อยไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ไม่งั้นพวกเขาอาจจะตั้งสติกลับมาได้ ถ้าได้ประตูอีกลูกตอนนี้ล่ะก็เกมโอเวอร์แน่ๆ
เมื่อได้ประตูตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดพยายามบุกต่อทันทีจนได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย
และนั่นก็นำมาซึ่งอีกหนึ่งประตูสุดคลาสสิคตลอดกาล..
เดวิด เบ็คแฮม เจ้าเก่า โยนบอลเข้าไปกลางกรอบเขตโทษ
เท็ดดี้ เชอริงแฮม วิ่งเข้ามาโฉบตัดหน้านักเตะบาเยิร์น มิวนิคได้ก่อน และพยายามโหม่งไปยังเสาไกล
บอลลอยไปยังบริเวณหน้าปากประตูท้างด้านเสาไกล โซลชาร์ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นดีดบอลต่อด้วยเท้าขวา
บอลพุ่งเสียบเพดานตาข่ายทันที
"GOALLLLLLLLLLLLLLLLL!!"
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ บาเยิร์น มิวนิค 2 ประตูต่อ 1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+3 หรือนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน!
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์
[การโกงความตาย และหัวใจที่แตกสลาย]
หลังได้ประตู นักเตะฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นวิ่งบ้ากันหมด แหกปากตะโกนร้องด้วยความดีใจ
นาทีที่ 90 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 - 1 บาเยิร์น มิวนิค
นาทีที่ 90+1 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 1 บาเยิร์น มิวนิค
นาทีที่ 90+3 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 1 บาเยิร์น มิวนิค
นี่มันโกงความตายชัดๆ!
เมื่อกลับมาเขี่ยบอลเล่นต่อ ก็ไม่ทันการเสียแล้ว กรรมการเป่านกหวีดจบเกมและชัยชนะตกเป็นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ชัยชนะครั้งนี้ของพวกเขาได้ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในการ 'Comeback' ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวงการฟุตบอล
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เองก็ออกมายอมรับเลยว่าแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ผมแทบไม่อยากเชื่อเลย! ฟุตบอล.. แม่งโคตรนรกแตก!"
ชัยชนะในห้วงวินาทีสุดท้ายนั้น ย่อมหอมหวานกว่าครั้งทั่วๆไป คุณจะแพ้อยู่แล้ว แต่สามารถพลิกกลับมาชนะได้แบบเหลือเชื่อ
แต่ทางผู้แพ้ในห้วงวินาทีสุดท้ายแล้วนั้นไม่ใช่เลย
นักเตะบาเยิร์น มิวนิคยังคงนั่งเศร้าอยู่หน้าประตูตัวเองเมื่อถูกขึ้นนำ 2 - 1
บางคนนั่งร้องไห้ บางคนนั่งทุบพื้นเพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนนั้นทำไม่ได้แม้แต่จะลุกขึ้นยืน จิตใจอันแข็งแกร่งของพวกเขาได้แตกสลายไปหมดแล้ว..
ปีแอร์ลุยจี คอลลีนา ตำนานกรรมการผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในวันนั้น ต้องเข้าไปช่วยพยุงให้นักเตะบาเยิร์น มิวนิค ลุกขึ้นมาแข่งต่อ เพราะยังไม่ได้เป่าจบเกม แต่ไม่มีใครมีแรงใจเหลือที่จะสู้ต่อแล้ว
"มันราวกับว่าผมเป็นทหารแพทย์ ที่กำลังเข้าไปช่วยเหลือทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บปางตายในสงคราม.."
จากเรื่องราวที่กล่าวมา เราจึงเห็นว่าถ้ายังไม่หมดเวลาการแข่งขันนั้น ต่อให้คุณมีแต้มนำอีกฝ่ายขนาดไหน ก็อย่าพึ่งวางใจว่าจะชนะ
คุณอาจจะ'ชนะ'มาตลอด 90 นาที แล้วดันมา'แพ้'ในช่วง 3 นาทีสุดท้ายก็ได้
แล้วความพ่ายแพ้ในช่วงสุดท้ายนั้น มันอาจจะเป็นแผลใจสำหรับคุณไปตลอดกาล..
(จบ)
['บ่น'ส่งท้าย]
พอดีผมได้ดูแข่งเทควันโด้แล้วคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาน่ะ ดีใจนะที่เห็นน้องเทนนิสคว้าเหรียญทองมาได้ แต่ผมก็เห็นใจอาเดรียน่า(คู่แข่ง)เหมือนกัน กำลังจะชนะแล้วดันมาพลิกแพ้ตอนสุดท้าย
แต่ก็นั่นแหละ สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร
เอาเป็นว่าถ้าชอบก็ฝากกดติดตามด้วยนะครับผม
ถ้าผู้อ่านท่านใด ได้อ่านมาจนถึงถึงตรงนี้ กระผมขอขอบพระคุณมากๆครับ =/\= (ยกมือไหว้)
Highlight (เผื่อใครอยากไปดูเอง)
youtube.com
Manchester United 2-1 Bayern Munich - UCL Final 1999 - HD (English Commentary) Full Hi
Manchester United vs Bayern Munich 2-1 - UCL Final 1999 - HD (English Commentary) Full Highlights
Reference,
https://en.wikipedia.org/wiki/1999_UEFA_Champions_League_Final
https://youtu.be/458CiSLm1vc
ภาพประกอบจาก
https://www.independent.co.uk/sport/football/premier-league/alex-ferguson-quite-manchester-united-news-treble-1999-martin-edwards-a7925691.html
https://twitter.com/ChampionsLeague/status/545509929843707905/photo/1
http://refereeingworld.blogspot.com/2019/05/legendary-referee-collina-reflects-on.html
https://talksport.com/football/fa-cup/117707/england-v-germany-europe-top-10-club-clashes-including-man-united-liverpool-and-chelsea/
https://pastriesandcakes.wordpress.com/2014/01/16/lothar-matthaus-the-other-side-of-that-night-at-the-camp-nou/
https://www.northwaleschronicle.co.uk/sport/national/16589196.david-beckham-honoured-uefa/
https://www.manutd.com/en/news/detail/opinion-adam-marshall-fan-account-of-being-at-the-1999-champions-league-final
https://www.dailypost.co.uk/sport/football/football-news/solskjaer-sheringham-champions-league-final-5760430
https://www.fourfourtwo.com/us/news/you-can-carry-on-winning-or-leave-the-way-i-did-whats-best-peter-schmeichel-reflects-on-1999-manchester-united-exit
ขอบคุณ Font สวยๆจาก
https://fonts.google.com/specimen/Mitr?preview.text_type=custom#standard-styles
4 บันทึก
1
2
4
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย