25 ก.ค. 2021 เวลา 14:10 • ประวัติศาสตร์
ทุ่นดำ-ทุ่นแดง ชวนขบคิด กรณีสวรรคต:
(ตอนที่ ๓)
“การพิจารณาหลักฐาน”
โดย FB Chaiyan Chaiyaporn
ในกรณีสวรรคตนั้น มีรายละเอียดมากที่เราต้องคลี่คลายออกมาและทำความเข้าใจ
ในบางครั้งก็ต้องวิพากษ์หลักฐานที่นำมาใช้ด้วย
เช่นเดียวกับในกรณีนี้ พวกเรา ทุ่นดำ-ทุ่นแดง ได้พบเจอจดหมายฉบับหนึ่ง ที่เชื่อกันว่าเป็นของ ปรีดี พนมยงค์
ซึ่งสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เป็นผู้นำมาเผยแพร่ และได้กล่าวว่า “เหมือนจริงมาก” (ดูภาพถ่ายจดหมายฉบับดังกล่าวนี้ในคอมเมนท์)
แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?
เราจะขอสรุปถึงเนื้อหาของจดหมายและตั้งข้อสังเกต เพื่อให้ทุกท่านร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง
1. เนื้อหาของจดหมายและข้อสังเกตของสมศักดิ์
เนื้อหาในจดหมายนั้น เป็นจดหมายที่ส่งไปให้กับ “ลูกชายชาวฝรั่งเศสของอดีตลูกศิษย์ปรีดี” ว่าตัวเขา (ปรีดี พนมยงค์) ถูกใส่ร้ายในกรณีสวรรคตเฉกเช่นเดียวกับทั้งสามท่านที่ถูกประหารชีวิต
และได้เล่าเรื่องราวที่แท้จริงว่านายชิต “เห็น” พระอนุชาเข้าไปในห้องพระบรรทมของในหลวงรัชกาลที่ 8 ก่อนเกิดเสียงปืนดังขึ้น
โดยสมศักดิ์ได้นำจดหมายนี้ไปเทียบกับเอกสารของปรีดีในยุคนั้นว่ามีความคล้ายกันมาก ทั้งสำนวนในการเขียนรวมไปถึงตัวอักษรที่ใช้จากเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าในยุคนั้น
ตรงนี้พวกเราขอชมเชยสมศักดิ์ที่มีความละเอียดในการตรวจสอบเอกสาร
อย่างไรก็ดีพวกเราจะตั้งข้อสังเกตดังต่อไปนี้
2. ข้อสังเกต
หลังจากที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว พวกเราพบว่ามีจุดที่ผิดพลาดไปอย่างน้อย 1 จุด ซึ่งสมศักดิ์เองไม่น่าพลาดไปได้
นั่นคือประโยคที่ว่า
“คุณชิต สิงหเสนี ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ ฟังว่าวันเกิดเหตุ กระผม หมายถึง คุณชิต สิงหเสนี นั่งอยู่ที่ทางเข้าห้องพระบรรทม”
สาเหตุที่ข้อความตรงนี้ผิดพลาดนั้น ก็เพราะว่า. หากเราเชื่อตามเรื่องเล่านั้นแล้ว
ผู้ที่เล่าเรื่องราวให้ เผ่า ศรียานนท์ ฟังไม่ใช่ชิต
แต่เป็น เฉลียว ปทุมรส
ซึ่ง สมศักดิ์ ก็เขียนเรื่องนี้เอาไว้ในบล๊อกของตัวเองในเรื่อง “๕๐ ปีการประหารชีวิต ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘” (พวกเราขอไม่แปะเว็บไซต์เข้าถึง) ว่า
“เฉลียวขอพบเผ่าแฉความลับทั้งหมดก่อนประหาร”
และเฉลียวเองก็เป็นหัวหน้าของชิตและบุศ
เผ่าจึงไม่น่าจะไปคุยกับลูกน้องของเฉลียวอีกที
เรื่องราวขอเข้าพบเผ่านี้มาจากหนังสือพิมพ์เช้า ฉบับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2498 ซึ่งจะมาจาก “คนสนิทของท่านจอมพล ป.” ได้อย่างไรนั้น
พวกเราก็ไม่แน่ใจ หรือไม่อย่างนั้นคนสนิทที่ว่าก็อ่านมาจากหนังสือพิมพ์และนำมาเล่าให้ฟังอีกที
ต่อมาสมศักดิ์ระบุว่า “ลูกชายของอดีตลูกศิษย์ปรีดีเล่าว่า จดหมายได้ถูกเก็บไว้ในตู้เก่าๆที่มีฝุ่นจับ โดยไม่เคยถูกเผยแพร่มาก่อน
แต่คุณพ่อของเขา (อดีตลูกศิษย์ปรีดี) ให้ความสำคัญและหวงแหนจดหมายนี้มาก
"[the document] had remained locked away in a dusty cupboard all these years, and had been treasured by his father."”
แต่เมื่อพิจารณาลักษณะจดหมายแล้ว กลับพบว่าเสมือนว่าเอกสารนี้ได้ไปผ่าน "สงครามเวียตนาม" มา เพราะดันฉีกขาดในส่วนที่สำคัญๆพอดิบพอดีมากๆเลย
และหากจดหมายนี้เขียนโดยปรีดีจริง
ทำไมต้องส่งไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวด้วยเล่า?
อีกทั้งนายชิต นายบุศ ให้การยืนยันทั้ง 3 ศาลว่าขณะเกิดเหตุไม่มีใครเข้าไป
สรุปแล้ว มีใครโกหก หรือ มีความสับสนเกิดขึ้นหรือไม่?
และถ้าหากมีคนกล่าวต่อว่าทั้งสองท่านทำเพื่อ “ปกป้อง” บางคน แล้วไปเล่าความจริงในนาทีสุดท้าย
ถ้าแบบนั้น ทั้งสองท่านก็ไม่ได้จำเป็นต้องยื่นอุทธรณ์หลายครั้งหลายคราและยื่นขอฎีกาพระราชทานอภัยโทษเลย
นอกจากนี้ การฟัง “ข้อมูลบางอย่างจากคนสนิทของท่านจอมพล ป.” ก็อาจจะดูย้อนแย้งกับสิ่งที่ท่านทำและเผชิญหรือไม่
เพราะแทนที่จะใช้หลักฐานที่ได้รับการสืบสวนอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ กลับไปฟังคำบอกเล่ามาอีกทอดหนึ่ง
และกว่าที่ทั้ง 3 ท่าน คือ ชิต บุต เฉลียว จะถูกจับกุม ก็กว่าอีก 1 ปีให้หลัง
ซึ่งขณะนั้นในหลวงรัชกาลที่ 9 กลับไปศึกษาต่อที่สวิสเซอร์แลนด์แล้ว
นั่นหมายความว่าทุกคนที่ถูกกล่าวหาย่อมสามารถเปิดเผยความจริงได้
(ผม [ไชยันต์] เข้าใจว่า ทุ่นดำ-ทุ่นแดงน่าจะมีต่อตอนที่สี่ !)
โฆษณา