1 ส.ค. 2021 เวลา 11:29 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กิจการจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ (SET) ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
หากท่านเป็นผู้ประกอบการ ที่ต้องการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร และมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างนั้น มาติดตามกันเลยค่ะ
1. มีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
2. มีทุนชำระแล้วเฉพาะหุ้นสามัญ (หลังเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน) ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท
3. มีราคาพาร์ ไม่น้อยกว่าหุ้นละ 0.50 บาท และชำระเต็มมูลค่าแล้วทั้งหมด และต้องเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อผู้ถือ และไม่มีข้อจำกัดในการโอนหุ้น (ยกเว้นข้อจำกัดที่เป็นไปตามกฎหมายและต้องระบุไว้ในข้อบังคับบริษัท)
4. มีส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท และก่อน IPO ต้องมีส่วนของผู้ถือหุ้นมากกว่าศูนย์ และแสดงได้ว่ามีฐานะการเงินมั่นคงและมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ
5. มีผลการดำเนินงานตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งบริษัทที่ยื่นคำขอส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้เกณฑ์กำไรสุทธิ กล่าวคือมีกำไรสุทธิในระยะเวลา 2 - 3 ปี ล่าสุดก่อนยื่นคำขอรวมกันไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท โดยในปีล่าสุดก่อนยื่นคำขอต้องมีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในงวดสะสมก่อนยื่นคำขอ
ทั้งนี้ บริษัทจะต้องมีผลการดำเนินงานไม่น้อยกว่า 3 ปี โดยอยู่ภายใต้การจัดการของกรรมการและผู้บริหารส่วนใหญ่กลุ่มเดียวกันมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี ก่อนยื่นคำขอ
6. การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ไม่น้อยกว่า 15% ของทุนชำระแล้ว (หรือ > 10% หากทุนชำระแล้ว > 500 ล้านบาท โดยมูลค่าหุ้นสามัญตามมูลค่าที่ตราไว้ > 75 ล้านบาทแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า)
7. ต้องได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
8. มีกรรมการ ผู้บริหาร และผู้มีอำนาจควบคุมที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด
9. มีระบบการกำกับดูแลกิจการและการควบคุมภายในที่ดี โดยมีกรรมการอิสระและคณะกรรมการตรวจสอบ (Audit Committee) ซึ่งมีองค์ประกอบ คุณสมบัติ และขอบเขตการดำเนินงานตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด
10. งบการเงินต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และผู้สอบบัญชีของผู้ยื่นคำขอต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
11. มีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
12. ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
13. แต่งตั้งให้บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) เป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์
14. ผู้เข้าข่าย Strategic Shareholders จะถูกห้ามนำหุ้นของตนซึ่งมีจำนวนรวมกัน 55% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO ออกขายภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่หุ้นเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จะสามารถทยอยขายหุ้นได้ในอัตราส่วนไม่เกิน 25% ของหุ้นที่ถูกห้ามขาย เมื่อครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือน
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Strategic Shareholders
👇
ในการดำเนินการยื่นคำขอเพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทผู้ยื่นคำขอจะต้องมีการปรับโครงสร้างธุรกิจและการถือหุ้นให้เหมาะสม และต้องมีการแปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
การที่บริษัท สามารถเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้ จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อบริษัทเอง และผู้ถือหุ้น ดังนี้
ประโยชน์ต่อบริษัท
1) เป็นแหล่งระดมเงินทุนระยะยาว
2) มีภาพลักษณ์ที่ดี
3) ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงทางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
4) การบริหารงานแบบมืออาชีพ
5) ความภาคภูมิใจของบุคลากรของบริษัท
6) สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินปันผล ในกรณีที่บริษัท เข้าไปถือหุ้นในบริษัทอื่น
ประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น
1) เสริมสร้างสภาพคล่อง
2) ความคุ้มครองในการลงทุน
3) สิทธิประโยชน์ทางภาษี จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้กำไรที่เกิดจากการซื้อขาย (capital gain)
💦.....การจะเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ จำเป็นจะต้องมีที่ปรึกษาการเงิน และที่ปรึกษากฎหมายเพื่อให้คำปรึกษาและช่วยดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ตลอดจนในการออกความเห็นทางกฎหมายในเรื่องต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณารับเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั่นเองค่ะ
Cr. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
สามารถเยี่ยมชมเราผ่านช่องทางอื่นตามลิ้งข้างล่างนี้ค่ะ :
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันเสมอค่ะ
🌷🌷❤❤🙏🙏🙏🙏❤❤🌷🌷

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา