25 ก.ค. 2021 เวลา 15:42 • คริปโทเคอร์เรนซี
ในปัจจุบัน การ Yield Farming หรือการฟาร์มเหรียญ เป็นวิธีการลงทุนใน Cryptocurrency ยอดนิยมที่ทำได้โดยการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปฝากในแพลตฟอร์ม DeFi และสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนในรูปแบบของค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย หรือเหรียญ Token ที่ให้ผลตอบแทนสูงจนน่าแปลกใจเมื่อเทียบกับการนำเงินไปฝากตามธนาคาร มาดูกันว่าผลตอบแทนของ Yield Farming นั้นมาจากไหนและได้รับผลกระทบจากปัจจัยอะไรบ้าง
.
1. อุปสงค์ต่อการกู้เงิน (Natural Demand of Borrowing)
ปัจจัยอย่างแรกที่เป็นที่มาของผลตอบแทนจาก Yield farming คือความต้องการที่จะ Leverage ซึ่งก็คือการกู้ยืมเงินมาเพื่อเป็นทุนในการซื้อขายเพื่อทำกำไร โดยในแพลตฟอร์ม DeFi ได้มีการให้บริการกู้ยืมมากมายที่นักลงทุนสามารถฝากเหรียญเข้าไปใน Pool เพื่อให้ผู้ใช้คนอื่นกู้ยืมไปใช้ และทำให้ผู้รับฝากได้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยตามอัตราส่วนของเหรียญที่ฝาก จำนวนผู้ใช้ และมูลค่าของค่าธรรมเนียม เห็นได้ว่า เงินกู้ของคนหนึ่งคือผลตอบแทนของอีกคนหนึ่ง ทำให้อุปสงค์ในการกู้เงินเป็นที่มาสำคัญของผลตอบแทนจากการ Yield farming
2. การได้ Native Token เป็นรางวัล
ผลตอบแทนจากการ Yield Farming ส่วนหนึ่งมาจาก Native Token ของแพลตฟอร์ม DeFi ผ่านการที่ผู้ใช้งานฝาก stable coins หรือ high-value coins ไว้ใน Pool เพื่อช่วยสร้างสภาพคล่องให้แก่แพลตฟอร์มนั้นๆ และผู้ฝากจะได้รับรางวัลเป็น Native Token ในการแลกเปลี่ยน ซึ่ง Token เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างหนึ่งที่สามารถนำมาเทรดได้ โดยผู้ฝากมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงถ้ามูลค่าของ Native Token เติบโตเร็วกว่าสินทรัพย์ที่ฝากไว้
3. ค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรม (Transaction Fee)
อีกหนึ่งที่มาของผลตอบแทนจาก Yield Farming มาจากการที่นักลงทุนฝากสินทรัพย์ดิจิทัลและปล่อยสภาพคล่องให้แก่ Automated Market Marker (AMM) หรือแพลตฟอร์มสำหรับแลกเปลี่ยน crypto แบบกระจายศูนย์ โดยสินทรัพย์ที่ฝากไว้จะถูกนำไปให้บริการแก่ผู้ใช้คนอื่นๆที่ต้องการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ และนักลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์จากการทำธุรกรรมทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม
โฆษณา