"เมื่อคนโง่ มักคิดว่าตัวเองรู้ดีแล้ว แต่คนฉลาด จะขวนขวายหาในสิ่งที่ยังไม่รู้"
เคยแปลกใจไหมว่าทำไม "คนโง่" ถึงมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น??
ให้เรื่องราวในวันนี้ตอบคำถามนั้นดูนะครับ
ในปี 1995 มีชายคนหนึ่งเดินเข้าไปที่ธนาคาร พร้อมกับปืน 1 กระบอก แน่นอนหละว่าเขาคงไม่ได้มาถอนเงินหรอก แต่สิ่งที่เขาทำนั่นก็คือ "การปล้น" นั่นเอง
แต่มันก็เป็นการปล้นที่ค่อนข้างแปลกประหลาด
เพราะว่าชายคนนั้นไม่มีการปิดบังใบหน้าแต่อย่างใด แถมยังเดินไปฉีกยิ้มให้กล้องวงจรปิดซะอีกด้วย
และในวันเดียวกันนั้น เขาก็ทำแบบเดียวกันในธนาคารแห่งที่ 2
ผลก็คือเรื่องการปล้นของเขานั้น ออกเป็นข่าวทีวีไปทั่วประเทศ และกล้องสามารถจับภาพหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน ทำให้เขาถูกจับกุม ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังจากการปล้น
เรื่องที่น่าประหลาดใจก็คือ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมตัวเขาในบ้าน เขาก็ยังไม่ยอมรับว่าเขาทำ จนตำรวจต้องเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดให้เขาดู
แต่แทนที่เขาจะคอตกยอมจำนนต่อหลักฐาน เขากลับตะโกนออกมาว่า "เป็นไปไม่ได้ ผมทาน้ำมะนาวแล้วนะ ผมทาน้ำมะนาวแล้วจริงๆ"
ซึ่งนั่นสร้างความงุนงงให้กับ ตำรวจที่เข้าไปจับเป็นอย่างมาก
สุดท้ายเมื่อตำรวจสอบสวน ก็ได้ความว่า เขารู้มาว่า น้ำมะนาวเป็นส่วนผสมหลักของหมึกล่องหน เขาจึงคิดว่าถ้าเอาน้ำมะนาวมาทาหน้าแล้วก็จะทำให้ล่องหนได้เช่นกัน
เขาเลยไม่ใส่หมวกปิดบังใบหน้า และยังเดินไปฉีกยิ้มให้กับกล้องวงจรปิด
นั่นแหละครับเป็นวีรกรรมของชายที่มีชื่อว่า แมคอาร์เธอร์ วีลเลอร์
ด้วยวีรกรรมอันสุดโต่งนี้เอง เป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดการศึกษาต่อยอดของนักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยคอร์เนล David Dunning และ Justin Kruger จนกลายมาเป็น
Dunning Kruger effect
หรือทฤษฎีที่บ่งบอกถึงเรื่องที่ว่า "คนโง่มักจะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้นั้น ดีแล้วสมบูรณ์แล้ว" จนทำให้พวกเขามั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
ัดังเหตุการของนาย แมคอาร์เธอร์ ที่เข้าไปปล้นธนาคารนั่นเอง
จริงๆแล้ว ถ้าว่ากันแล้วก็คงไม่แปลกสักเท่าไหร่ เพราะว่า "ความโง่" นั้นเกิดมาจาก "ความไม่รู้" คนโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาด ก็คือคนไม่รู้ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร" นั่นก็เลยทำให้พวกเขา มั่นใจในตัวเองเสียเต็มประดาว่าเขารู้เรื่องนั้นเป็นอย่างดีแล้ว
มันก็เลยกลายเป็นปัญหาเกิดขึ้นในภายหลัง
ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าคนโง่เหล่านี้มีอำนาจในการสั่งการเรื่องใหญ่ๆ ขึ้นมาหละ จะเป็นอย่างไรกัน??
แท้จริงแล้วปัญหานั้นไม่ใช่ "ความโง่" ที่มีนั้นหรอก แต่เป็นเพราะความ "ไม่รู้" ที่มีต่างหาก ที่เป็นต้นตอของปัญหา
สิ่งที่คนโง่มักจะทำ ก็คือ ไม่ขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ เลย แต่ในทางกลับกัน คนที่ฉลาด พวกเขาจะรู้ตัวว่า "ตัวเองไม่รู้อะไร" พวกเขาจะพยายามขวนขวายหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อเติมเต็มในความไม่รู้นั้นเสมอๆ
ในมุมผมคนโง่ มีแค่ 2 แบบ คือ
คนที่ "โง่" ไม่จริงเป็นคนที่รู้ตัวว่าตัวเองยังไม่รู้อะไร และจะต้องรู้อะไร
แต่คนที่ "โง่" ที่แท้จริงๆ คือคนที่ คิดว่าตัวเองรู้ดีที่สุดแล้ว แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองยังไม่รู้อะไรอีก
ขอปิดท้ายด้วยคำพูดของ Bertrand Russell ที่กล่าวเอาไว้ว่า
"The whole problem with the world is that fools and fanatics are always so certain of themselves, and wiser people so full of doubts"
"ปัญหาของโลกใบนี้ นั่นก็คือ การที่คนฉลาดดันคิดว่าตัวเองไม่เก่ง แต่คนที่โง่ที่แท้จริง กลับมั่นใจในตัวเองซะเหลือเกิน"
ข้อมูลจาก : หนังสือ "ภาวะสมองบอด"
- 13
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
