26 ก.ค. 2021 เวลา 13:44 • ความคิดเห็น
เช่ื้อตาย vs. mRNA
มาเรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันกันก่อน
อ้างอิงจากบทความเรื่อง ปิดตาคลำช้าง
ของ ศ.ดร. Sanipa Suradhat คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
*************************************************
1) ระบบภูมิคุ้มกัน มีกลไกการทำงานที่หลากหลาย ซับซ้อน มีการทำงานร่วมกันของกลไกต่างๆ เป็น teamwork แอนติบอดีก็เป็นองค์ประกอบสำคัญของภูมิคุ้มกัน จะว่าไปเหมือนด่านหน้า คอยทำลายไวรัสก่อนที่จะเข้าเซลได้ แต่ต้องระลึกไว้นิดนึงว่า การตรวจระดับแอนติบอดีด้วยวิธีใดๆ ก็แค่บอกได้ระดับหนึ่ง ว่า ปริมาณและคุณภาพของแอนติบอดีที่จำเพาะต่อสิ่งที่ทดสอบนั้นเป็นอย่างไร เมื่ออ่านผลโดยระบบทดสอบนั้นๆ (ไม่ได้หมายถึงแอนติบอดีทั้งหมดที่มีอยู่จริงๆ)
2) ส่วนการตรวจวัดระบบภูมิคุ้มกันชนิดเซล (Cell-mediated immunity) ซึ่งเป็น keyplayer ของระบบภูมิคุ้มกันอีกฝั่งหนึ่ง มักมีการศึกษาเฉพาะในแลปวิทยาภูมิคุ้มกันบางที่ การตรวจมีราคาแพง ยุ่งยาก ต้องอาศัยความรู้เข้าใจในการตีความ และแปลผล จึงมีรายงานหรือการกล่าวถึงไม่มากนัก ที่ผ่านมาข้อมูลส่วนใหญ่ที่ออกมาจึงอิงแต่เรื่อง แอนติบอดี …เพราะมันตรวจง่ายกว่า
3) จากข้างบนที่กล่าวมาจึงเป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่า ทำไม ในปัจจุบันไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า เราต้องมีแอนติบอดีสูงเท่าไหร่นะถึงจะ ป้องกันโรคได้ และทำไมวัคซีนทั้งหลายที่แม้เวลาผ่านไป ไตเตอร์ตกลงอย่างมากมายจึงยังสามารถป้องกันการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงและการเสียชีวิตได้ (เพราะแอนติบอดี ที่วัดได้ ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างของภูมิคุ้มกันต่อโควิท อีกทั้ง ยังมีกลุ่ม memory cell ที่ตรวจไม่ได้ง่ายนัก และจะไม่ทำงานจนกว่าจะมีการติดเชื้อซ้ำ)
4) การที่แอนติบอดีจากการให้วัคซีน ลดลงตามเวลา มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ได้แปลว่าวัคซีนไม่ดี วัคซีนมันได้ทำหน้าที่ของมันจบไปแล้ว ในการกระตุ้น effector/memory ที่จำเพาะต่อเชื้อ…ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของ effector (ถ้ายังมีเหลือ) และ memory function ที่ต้องตื่น-กลับมาทำงานเมื่อติดเชื้อซ้ำ จะทำได้ดีหรือไม่ก็ขึ้นกับคุณภาพของ memory ปัจจัยของ host
ยกตัวอย่าง วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าที่ฉีดให้สุนัข แอนติบอดีขึ้นสูงสุดหลังได้รับวัคซีนหนึ่งเดือน จากนั้นจะตกลงอย่างรวดเร็วจนหายไปในหกเดือน …แต่สุนัขยังมีภูมิ (จาก memory) protect โรคได้นานอย่างน้อย 4-5ปี แม้ไม่ได้รับวัคซีนซ้ำ คนที่เรียน สพ ก็จะได้ยินอาจารย์ยกตัวอย่างนี้บ่อยๆ เลยขอยกมาเตือนสติกันอีกรอบ
5) ข้อคิดแถมท้าย เราควรสนับสนุนให้ทุกคนสามารถเข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพให้มากที่สุดค่ะ คุณภาพของวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สำคัญ แต่ที่อยากเพิ่มเติมคือในสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้ การป้องกันไม่ให้ตัวเองติดเชื้อสำคัญไม่น้อยไปกว่าการได้รับวัคซีน เพราะระบบภูมิคุ้มกันทำงานภายใต้ host และเราไม่สามารถ predict ได้ว่าการสร้างภูมิของแต่ละคนจะเป็นไงค่ะ ดังนั้นถ้าไม่ติดได้จะดีที่สุดค่ะ!
ขอเชิญชวนมาตั้งสติ ลดความวิตกกังวล และสู้กับโควิทด้วยหลักวิชาการ
เวลาจะขายของ ผู้ผลิตก็ต้องโฆษณาจุดเด่นของตัวเองออกมา วัคซีน mRNA มีหลักการและจุดเด่นอยู่ที่การ "อัด" "แต่" antibody for spike protein จะขาย mRNA ก็ต้องโม้ด้วยตัวเลข antibody
.
แต่ความจริงที่ลึกกว่านั้น
--- วัคซีนเชื้อตาย มี antigen อื่นๆ นอกเหนือไปจาก spike protein มันคือ ซากไวรัสทั้งตัว ดังนั้นวัคซีนประเภทนี้ย่อมมี antigen อื่นๆ อีกหลายตัว และกระตุ้น antibody for antigen เหล่านั้นได้ด้วย ........... แต่ไม่มีพ่อค้าวัคซีนและชีวิตมนุษย์เจ้าไหนพูดถึง
--- Viral Vector อาศัยกลไกการติดเชื้อไวรัสจริงๆ ตามธรรมชาติ แต่ไม่ลุกลาม เชื้อไวรัสแบ่งตัวไม่ได้ มาใช้ในการสร้าง antibody for spike protein กลไกการติดเชื้อตามธรรมชาติในวัคซีนนั้น ย่อมกระตุ้น T-cell ออกมาด้วย ไม่ใช่แค่กระตุ้น antibody for spike protein
.
ดังนั้น วัคซีนประเภทอื่นๆ จึงมีข้อดีข้อได้เปรียบเหนือ mRNA อยู่ และช่วยป้องกันผู้ติดเชื้อไม่ให้ป่วยหนักไม่ให้ตายได้จริง ........ แต่ไม่มีใครเขาเอาเฉพาะค่า antibody มาโม้ขายของเท่ากับ mRNA
.
มันก็เหมือน คนขายคอมพิวเตอร์ที่เอาแต่โม้ CPU clock speed เอามา overclock ปั่นตัวเลขให้ได้สูงๆ 4GHz 5GHz แต่แม่ง RAM 4GB, hard disk จานหมุน การ์ดจอ Matrox (ยังมีขายอยู่อีกป่าววะ ???) power supply 150Watt ลง Windows 98SE ให้ เอามั้ยมึง 😂😂😂
.
หยุดเป็น "เหยื่อการตลาด ทาสโปรโมชั่น" กันได้แล้ว หยุดหลงเชื่อการด้อยค่าวัคซีนที่มี
Cr.Nutchai Sroymadee
โฆษณา