26 ก.ค. 2021 เวลา 16:15 • ประวัติศาสตร์
ตำนานรักต่างวัยของ ดร. ซุน ยัตเซ็น บิดาแห่งสาธารณรัฐจีน ที่จบลงด้วยการจากลา
1
ดร.ซุน ยัตเซ็น คือมหาบุรุษผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของชาวจีนและเป็นยังผู้บุกเบิกการปฏิวัติประชาธิปไตยในแผ่นดินจีน เขาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการโค่นล้มราชวงศ์ชิงที่ปกครองประเทศจีนมาอย่างยาวนานและได้นำพาประเทศไปสู่ความตกต่ำถึงขีดสุด โดยดร. ซุน ยัตเซ็น ได้ปลุกกระแสให้ชาวจีนได้ตระหนักถึงความล้มเหลวในการปกครองของราชวงศ์ชิง ซึ่งต่อมาได้ลุกลามบานปลายจนกลายเป็นการปฏิวัติซินไฮ่ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงประเทศจีนที่เคยปกครองโดยองค์จักรพรรดิราชวงศ์ชิง ให้กลายเป็นมาเป็นสาธารณรัฐจีนที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย และ ดร. ซุน ยัตเซ็น ไดกลายเป็นประธานาธิบดีเฉพาะกาลคนแรกของสาธารณรัฐจีนในปี ค.ศ.1912 และได้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋งขึ้นมา โดยเขาเป็นหัวหน้าพรรคคนแรก
5
ดร. ซุน ยัตเซ็น
แต่ว่า ยังมีอีกแง่มุมที่น่าสนใจของชายผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของแผ่นดินจีนที่เราอยากจะมาเล่าให้ทุกคนฟัง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับรักต่างวัย ระหว่าง ดร. ซุน ยัตเซ็น และเด็กหญิงชาวญี่ปุ่นนามว่า คาโอรุ โอตสึกิ
ที่ต้องบอกว่าเป็นรักต่างวัย เพราะในตอนที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกใน ปี ค.ศ.1898 ในตอนนั้น ดร. ซุน ยัตเซ็น ได้ลี้ภัยจากการตามไล่ล่าของราชวงศ์ชิงมาที่ย่านไชน่าทาวน์ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ณ ที่เมืองแห่งนี้เองที่ทำให้ ดร. ซุน ยัตเซ็น ในวัย 37 ปี ได้พบกับ คาโอรุ โอตสึกิ ที่มีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น
1
ภาพถ่ายของ คาโอรุ โอตสึกิ
โดยการพบกันครั้งทั้งคู่ จะบอกว่าเป็นพรมลิขิตชักนำก็ว่าได้ เรื่องมีอยู่ว่า ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.1898 ดร. ซุน ยัตเซ็น ต้องลี้ภัยออกมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ หลักการปฏิวัติที่กวางโจวล้มเหลว โดยเขาได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของอาโอริ ที่เป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ที่ทำมาค้าขายกับชาวจีน โดยพ่อของคาโอริ ได้พา ดร. ซุน ยัตเซ็น มาพักที่อพาร์ทเมนต์ที่เดียวกับครอบครัวของตนอาศัยอยู่ในย่านยามาชิตาโช ที่เป็นย่านไชน่าทาวน์ในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น โดย ดร. ซุน ยัตเซ็น พักอยู่อพาร์ทเมนต์ชั้นล่าง ส่วนคุณพ่อของคาโอริและครอบครัวพักอยู่ชั้นสอง
แล้ววันหนึ่ง คาโอรุ โอตสึกิ ที่พักอยู่ด้านบนเกิดทำแจกันตก จนทำให้น้ำไหลลงมาชั้นล่างตรงห้องที่ ดร.ซุน ยัตเซ็น พักอยู่ ก็เลยทำให้ทั้งคู่ได้เจอกัน ด้วยความที่ทั้งสองคนอายุห่างกันถึง 22 ปี เลยทำให้คุณพ่อของคาโอรุไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เรื่องมันไม่เป็นแบบนั้นนะซิครับ
4
หลู่ มู่เจิน ภรรยาคนแรกของ ดร. ซุน ยัตเซ็น
คือต้องบอกก่อนว่า ดร. ซุน ยัตเซ็น เองก็ภรรยาที่เมืองจีนอยู่แล้ว เธอมีชื่อว่า หลู่ มู่เจิน ที่ได้แต่งงานกันในปี ค.ศ. 1885 ซึ่งก็ต้องบอกว่าทั้งคู่นั้นถูกจับคลุมถุงชนให้แต่งงานกับตามประเพณีของชาวจีนในยุคนั้น โดย หลู่ มู่เจิน เองก็ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวหรือมีบทบาทอะไรมากมายนัก เพราะเธอเป็นหญิงชาวจีนที่ถูกอบรมสั่งสอนให้เป็นแม่บ้านแม่เรือน ไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องงานของสามี ส่วน ดร. ซุน ยัตเซ็น เลือกที่จะเดินทางในสายนักปฏิวัติ ต้องเดินทางไปไหนมาไหนบ่อย เลยทำให้ทั้งคู่ห่างเหินกันพอสมควร พอการปฏิวัติที่กวางโจวล้มเหลว เลยทำให้ ดร. ซุน ยัตเซ็น ต้องลี้ภัยมาที่ญี่ปุ่น จนทำให้เขามาพบรักครั้งใหม่กับสาวน้อยที่ชื่อคาโอรุนี่แหละครับ
ภาพที่น่าจะเป็นภาพถ่ายของ คาโอรุ โอตสึกิ ในวัยสาวขึ้นมาอีกหน่อย
สำหรับ คาโอรุ โอตสึกิ ในตอนนั้นเป็นเด็กสาววัย 11 ปี ที่เริ่มแตกเนื้อสาว และเริ่มฉายแววความสวยใสตามแบบฉบับสาวญี่ปุ่นทั่วไป ก็อย่างที่ทราบกันดีนั่นแหละครับ ว่าผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ใกล้กันก็เหมือนน้ำมันกับไฟ ฝ่ายชายก็จากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกล ส่วนฝ่ายหญิงที่เริ่มแตกเนื้อสาว พอทั้งคู่ได้พูดคุยกันไป ต่างฝ่ายต่างก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน
4
จริง ๆ เรื่องรักต่างวัยในสมัยก่อนนี่เป็นอะไรที่ปกติมากนะครับ โดยส่วนใหญ่ผู้ชายมักมีภรรยาอายุน้อยกว่ามาก ๆ อย่างกรณีของคาโอรุเนี่ย สมัยรุ่นปู่ย่าตาทวดของเราก็เป็นแบบนี้ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้คงไม่ได้แล้วละครับ เพราะบ้านเมืองมีกฎหมายชัดเจน เช่นเรื่องกักขังหน่วงเหนี่ยว พรากผู้เยาว์ เป็นต้น
กลับเข้าเรื่องกันต่อ ภายหลัง ดร. ซุน ยัตเซ็น ได้สู่ขอลูกสาวกับคุณพ่อของคาโอรุ แต่ถูกปฏิเสธ เพราะคาโอรุอายุยังน้อย จนกระทั่งในปี ค.ศ.1903 เมื่อคาโอรุ โอตสึกิ อายุได้ 15 ปี พ่อของเธอก็ยินยอมให้แต่งงานกับ ดร. ซุน ยัตเซ็น งานแต่งงานของทั้งคู่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตสามีภรรยาตามที่ใจปรารถนา
1
ฟังดูเหมือนทุกอย่างจะแฮปปี้เอ็นดิ้งใช่ไหมละครับ? แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด ในปี ค.ศ.1906 ดร. ซุน ยัตเซ็น ได้เดินทางกลับไปที่ประเทศจีนเพื่อทำภารกิจสำคัญ ส่วนคาโอรุ โอตสึกิ ก็ได้คลอดลูกสาวคนแรกที่มีชื่อว่าฟูมิโกะ ในตอนแรก ดร. ซุน ยัตเซ็น สัญญาว่าจะเขียนจดหมายส่งมาและส่งเงินค่าใช้จ่ายมาให้ด้วย แต่หลังจากนั้นสองสามปี ดร. ซุน ยัตเซ็น ก็ขาดการติดต่อไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
1
สำหรับ คาโอรุ โอตสึกิ แล้ว มันเป็นความกดดันและยากลำบากสำหรับคุณแม่ยังสาว ที่ต้องดูแลลูกสาวเพียงคนเดียว ภายหลังเธอได้ขายแหวนหมั้นที่ ดร.ซุน ยัตเซ็น ทิ้งเพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และได้แต่งงานใหม่ ชีวิตแต่งงานใหม่ของคาโอรุน่าจะไปได้ดี ก่อนที่สามีใหม่ของคาโอรุจะไปเจอจดหมายของ ดร. ซุน ยัตเซ็น เลยทำให้เขาตัดสินใจหย่ากับคาโอรุในเวลาต่อมา
7
อาจเป็นไปได้ว่า คาโอรุ ยังคงมีความรักและคิดถึงในตัว ดร. ซุน ยัตเซ็น อยู่ เลยเลือกที่จะเก็บรักษาจดหมายเหล่านั้น ในขณะที่ ดร.ซุน ยัตเซ็น ไม่มีใครตอบได้ว่าเขายังมีความรักในตัวภรรยาสาวชาวญี่ปุ่นคนนี้อยู่หรือไม่ หรือบางทีอาจเป็นเพราะภารกิจอันใหญ่หลวงในการสร้างประเทศจีนขึ้นมาใหม่ จึงทำให้เกิดระยะห่างขึ้นมาจนทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถต่อกันติดได้เหมือนเดิม โดยที่ภายหลัง ดร. ซุน ยัตเซ็น ก็ได้กลับไปหย่ากับ หลู่ มู่เจิน และแต่งงานใหม่กับ ซ่ง ชิงหลิง แทน
5
ซ่ง ชิงหลิง ภรรยาชาวจีน (คนที่สาม) ของ ดร. ซุน ยัตเซ็น
ภายหลัง คาโอรุก็ได้แต่งงานกับพระญี่ปุ่นรูปหนึ่งที่เมืองอาชิกางะ จังหวัดโทชิกิ ต้องอธิบายแบบนี้ก่อนว่า พระที่ญี่ปุ่นเนี่ยสามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ และครั้งนี้ คาโอรุก็เลือกที่จะลืมเรื่องราวในอดีตแล้วก้าวต่อไป จนทำให้เธอสามารถสร้างครอบครัวที่มีความสุขตามอัตภาพได้เสียที
5
ต่อมา ดร.ซุน ยัตเซ็น เสียชีวิตในปี ค.ศ.1925 ต่อมาได้เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามกลางเมืองจีนระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์จีน ฝ่ายพรรคก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้และได้ล่าถอยมาตั้งหลักที่เกาะไต้หวัน และภายหลังได้กลายเป็นประเทศไต้หวันอย่างที่พวกเราทราบกันดี ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเศร้านะครับ ที่ทั้งสองคนไม่เคยมีโอกาสได้พบเจอหรือได้พูดคุยกันอีกเลย
ภาพถ่ายที่ระลึกของตัวแทนจากรัฐบาลไต้หวัน กับ ฟูมิโกะ มิยากาว่า และ คาโอรุ โอตสึกิ
ในปี ค.ศ.1960 เมื่อทางการไต้หวันทราบข่าวเรื่อง ภรรยาชาวญี่ปุ่นและลูกสาวของ ดร.ซุน ยัตเซ็น รัฐบาลไต้หวันจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่มาเยี่ยม คาโอรุและฟูมิโกะ โดยได้มอบภาพของ ดร.ซุน ยัตเซ็น และถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
ก่อนที่ภายหลัง คาโอรุ โอตสึกิ ได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1970 ปิดตำนานความรักต่างวัยที่จบลงด้วยความพลัดพรากและการจากลาไว้เพียงเท่านี้
ข้อมูลจาก : WIKIPEDIA, KKNEWS.CC
โฆษณา