27 ก.ค. 2021 เวลา 07:32 • ข่าว
EP.121 “Sniper in the Tower”
Charles Whitman ถือกล่องเหล็กขนาดใหญ่ เดินขึ้นไปบนหอนาฬิกาที่เป็นจุดต้อนรับนักศึกษาใหม่และนักท่องเที่ยวของ University of Texas
1
นักท่องเที่ยวบางส่วนกำลังเดินขึ้นบันได เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่มหาวิทยาลัยจากที่สูง นักศึกษา และประชาชนเดินผ่านบริเวณรอบๆเหมือนวันปรกติธรรมดาทั่วไป Charles ก็เหมือนกัน เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่พร้อมกับกล่องเหล็กนั้นก็ทำให้เขาดูเหมือนช่างซ่อมบำรุงธรรมดาคนนึงที่ทำงานอยู่ที่หอนาฬิกาดังกล่าว
แต่จริงๆแล้วมันไม่ธรรมดาเป็นอย่างมากเลยทีเดียวแหละ เพราะ Charles ไม่ใช่ช่าง และในกล่องเหล็กนั้นก็มีอุปกรณ์หลายต่อหลายอย่าง ที่ไม่ใช่เครื่องมือช่างเลยสักชิ้นเดียว
วัยเด็กอันไม่น่าชื่นมื่น:
Charles Whitman เกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็น perfectionist และค่อนข้างจะเข้มงวดมาก Charles เป็นลูกชายคนโตของครอบครัว (มีน้องชายอีกสองคน) และถึงแม้จะมีพรสวรรค์ทางด้านการเล่นเปียโน หรือการได้รับเลือกให้เป็น Eagle Scouts ในขณะที่อายุยังน้อยมากๆ ก็ไม่ทำให้พ่อนั้นภูมิใจในตัว Charles เลย เหมือนจะมีอย่างเดียวที่พ่อมักจะชื่นชม Charles นั้นก็คือ เขาเป็นคนที่ยิงปืนแม่นมากมาตั้งแต่อายุยังน้อย ครอบครัวของ Charles อาศัยอยู่ที่รัฐ Florida สหรัฐอเมริกา
2
นอกจากนี้แล้วถึงแม้ Charles จะเป็นเด็กที่มี IQ ที่สูงมาก แต่ผลการเรียนในโรงเรียนเขาก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ มีทั้งดีทั้งแย่ผสมปนเปกันไป เมื่ออยู่ในบ้านที่มีพ่อกุมอำนาจ ชอบกดขี่ข่มเหงทั้งแม่และลูกตลอดเวลา ในที่สุด Charles ก็คิดวิธีหนี โดยการเข้าร่วมกับกองทัพของสหรัฐอเมริกาเสียเลย ในที่สุด Charles ก็ได้รับเลือกเข้าร่วมกับหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐในปี 1959
2
Charles Whitman Cr:AP Photo
***ใครอยากรู้วิธีการเข้าร่วมหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ Embassy School หรือหน่วยที่ถูกส่งไปประจำอยู่สถานทูตอเมริกาตามประเทศต่างๆทั่วโลก เดี๋ยววันไหนฤกษ์งามยามดี และทำได้ ก้อยจะไปสัมสามีมาเล่าให้ฟังนะคะ
3
เมื่อเข้าร่วมกับหน่วยนาวิกโยธินแล้ว Charles ก็ทำผลงานดีเยี่ยมมากๆ ในฐานะพลแม่นปืน เขาไปประจำการอยู่ที่ฐานทัพในประเทศ Cuba และได้ย้ายกลับมาอยู่ที่รัฐ Maryland ของสหรัฐอเมริกา ด้วยความที่ผลงานดีเป็นที่น่าเตะตาเป็นอย่างมาก เขาถึงกับได้รับทุนให้เข้าเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเครื่องยนต์ ณ Univerity of Texas ในขณะที่ยังอยู่ใน active duty ด้วยซ้ำ และที่ University of Texas นี่เอง ที่เขาได้พบรักและแต่งงานกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มีชื่อว่า Kathleen Leissner ในปี 1962
อาการที่ส่อเข้าว่าจะไม่ดี:
ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่มีผลงานดีมาก แต่เกรดจากชั้นเรียนกลับไม่ดีเอาซะเลย ในที่สุดเมื่อเกรดแย่มากๆ Charles ถูกเรียกตัวกลับไปทำงานเหมือนเดิมแทน เขาปลดประจำการในปี 1964 และกลับเข้ามาเรียนต่อที่ University of Texas อีกครั้งในปี 1965 แต่คราวนี้ในคณะวิศวกรรมการเกษตรแทน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 1966 แม่ของ Charles ย้ายมาอยู่ที่ Texas เพราะทนไม่ไหวแล้ว ต้องหย่าขาดจากสามีในที่สุด และเพื่อจะอยู่ใกล้ๆกับ Charles ช่วงที่แม่ย้ายมาอยู่ใกล้ๆนี่เอง Charles เริ่มแสดงอาการที่ผิดปรกติ
Charles เหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่า เขามีอาการโมโหร้าย โกรธง่าย และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ Charles เริ่มจดบันทึกอาการดังกล่าวไว้อย่างมากมาย เขาไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการดังกล่าวหลายต่อหลายครั้ง และรับยาหลากหลายขนานมาใช้ ในปี 1966 Charles เกิดอาการวิตกกังวลมากกับความคิดของตัวเอง บวกกับอาการปวดศรีษะอย่างรุนแรง จนกระทั่งเขาเริ่มไปปรึกษากับจิตแพทย์ของมหาวิทยาลัยเพิ่มเติม
...เพราะเขาเริ่มมีความคิดที่เริ่มอยากจะฆ่าคนนั่นเอง
จิตแพทย์แนะนำให้ Charles กลับมาเข้ารับการรักษาใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ไม่ได้มาตามนัด
วันที่เริ่มลงมือ:
ในวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 1966 Charles เริ่มเขียนจดหมายลาตาย เขาระบุในจดหมายถึงความเกลียดชังที่มีต่อครอบครัวตัวเอง และที่น่ากลัวมากๆเลยคือ เขาเขียนอธิบายเพิ่มเติมว่า เขาต้องทำการฆาตกรรมแม่และภรรยาของตัวเอง เพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนนี้ต้องผ่านสถานการณ์อันตึงเครียดจากการโดนรุมประนามหยามเหยียดไปด้วย
“I don’t want her to have to face the embarrassment my actions would surely cause her.…I truly do not consider this world worth living in, and am prepared to die, and I do not want to leave her to suffer alone in it….Similar reasons provoked me to take my mother’s life.”
คำถามที่ว่า อ้าว แล้วทำไมถึงกับต้องโดนรุมประนาม? เพราะจริงๆแล้ว Charles ไม่ได้อยากจะฆ่าตัวตายอย่างเดียว……..เขาอยากฆ่าคนอื่นด้วย
1
ในวันดังกล่าว Charles ไปที่บ้านแม่ของเขาในตอนเที่ยงคืน ก่อนที่จะเริ่มกระหน่ำแทงและยิงแม่ของตัวเองจนเสียชีวิต เขากลับมาที่บ้านตัวเองตอนประมาณ 3.00 น. และเริ่มแทงภรรยาของตัวเองในขณะที่เธอกำลังนอนหลับ
2
หลังจากที่ทำการฆาตกรรมภรรยาตัวเองแล้ว Charles ไม่ทำการจดบันทึกอะไรอีกต่อไป เขาเริ่มเตรียมการ Charles ทำการซื้อปืนและลูกกระสุนเพิ่มในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาเอาปืนและลูกกระสุนที่มีทั้งหมด รวมถึงมีดพก และมีดดาบยาว ใส่ลงในกล่องเหล็ก รวมถึงยังพกอุปกรณ์ยังชีพต่างๆ เช่นอาหาร น้ำดื่ม วิทยุ ยา Dexedrine และ ยา Excedrin เป็นต้น
อาวุธปืนบางส่วนของ Charles Cr: AP Photo
พอเตรียมของเสร็จ Charles ก็ออกเดินทาง เขามุ่งตรงไปยังหอนาฬิกาของ University of Texas ประมาณ 11.30 น. ของวันดังกล่าว เขาก็มาถึงชั้นที่ 28 ที่เป็นชั้นของจุดประชาสัมพันธ์ในที่สุด จังหวะนี้มีนักท่องเที่ยวบางคน เห็น Charles ถือปืนเดินอยู่ที่บริเวณประชาสัมพันธ์ดังกล่าว แต่คิดว่า Charles นั้นเอาปืนมายิงนกพิราบที่อยู่บนหอคอย จังหวะที่เดินผ่านเขา Charles ยังหันมายิ้มแย้มทักทาย ก่อนที่นักท่องเที่ยวดังกล่าว จะเดินลงมาเพื่อกดลิฟท์ลงจากหอคอยไป
นักท่องเที่ยวพวกนั้นคงไม่ทราบในตอนนั้นว่า พวกเขานั้นโชคดีขนาดไหน เพราะรอดเงื้อมมือมัจจุราชมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากที่พวกเขาเดินลงบันไลลงมา Charles ก็เริ่มดันเอาโต๊ะ มายันประตูของชั้นที่ 28 ที่เป็นจุดประชาสัมพันธ์ไว้
ต่อไปนี้ เราจะเรียงลำดับเหยื่อและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสรุปๆ นะคะ ชื่อเยอะมากกกกกกก และเรื่องราวเยอะมาก ขอบคุณ wikipedia ที่มีคนสรุปมาให้เรามาย่ออีกทีได้ง่ายๆ
🔫 เปิดฉากของวันอันน่าสะพรึงกลัวด้วยการใช้ด้ามปืนกระแทกไปที่หัวของ Edna Townsley วัย 51 ปี พนักงานที่อยู่ที่จุดประชาสัมพันธ์ แรงกระแทกนั้นแรงจนถึงขนาดทำให้เธอกะโหลกร้าวเลยทีเดียว ก่อนจะลากร่างของเธอไปหลบอยู่หลังโซฟา
1
🔫 ครอบครัว Gabour ประกอบไปด้วย M.J (พ่อ) Mary (แม่) และลูกชายทั้งสองคนคือ Mike และ Mark มาเยี่ยม Marguerite Lamport และ William Lamport น้องสาวและน้องเขยของ Mary และตัดสินใจมาเที่ยวที่หอนาฬิกาในวันดังกล่าว ประมาณ 11.45 น. ทั้ง 6 คน เดินขึ้นมาจากชั้น 27 มายังชั้น 28 (ชั้น 27 เป็นชั้นสุดท้ายที่ลิฟท์จะขึ้นมาถึง) Mike และ Mark เบียดตัวเองผ่านประตูเข้ามาจากช่องที่โต๊ะกั้นอยู่ Charles ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเอาปืนสั้น เดินเข้ามาจ่อยิง Mike ที่หัวไหล่ และ Mark ที่หัว ก่อนจะเล็งลงมาบันไดที่คนที่เหลือกำลังยืนอยู่ และถูกเข้ากับ Mary และ Marguerite เข้าอย่างจัง William กับ M.J ยืนอยู่ห่างพอสมควร เลยไม่โดนลูกกระสุนไปด้วย Mike ขอร้องให้ William และ M.J วิ่งไปขอความช่วยเหลือ Charles ไม่ได้สนใจจะตามมายิงต่อ เขาเดินกลับเข้าไปข้างในที่จุดประชาสัมพันธ์และใช้ปืนจ่อยิงที่หัวของ Edna และเดินขึ้นไปบนชั้นบนสุดของหอนาฬิกา
3
*** เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ Mark และ Marguerite เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที Mike ไม่สามารถเรียนต่อในโรงเรียนเตรียมทหารได้ (ตอนนั้นกำลังเรียนอยู่พอดี) และ Mary ถึงแม้จะรอดชีวิตมาได้ ก็ทรมานจากการเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมา และความสามารถในการมองเห็นนั้นแทบไม่เหลืออีกต่อไป
9
🔫 เมื่อขึ้นไปถึงหอคอยที่มีความสูงจากพื้นดิน 231 ฟุต Charles นำเอาปืนและอาวุธทั้งหมดออกมาเรียง และเริ่มต้นยิงอีกครั้ง ในเวลา 11.48 น. จุดที่เขากระหน่ำยิงนี่กินอาณาบริเวณไปถึง 5 ช่วงตึกเลยทีเดียว มหาวิทยาลัยยังอยู่ติดกับถนนที่เป็นร้านค้าและเขตชุมชน รวมไปถึงศูนย์การค้าอีกด้วย
2
เหยื่อรายต่อมาคือ Claire Wilson กับ Thomas Eckman แฟนหนุ่มของ Claire Charles ยิงเข้าที่ท้องของ Claire ที่ในตอนนั้นตั้งท้องได้ถึง 8 เดือนแล้ว และฆ่าลูกชายที่อยู่ในท้องของเธอทันที ตอนที่ Claire ล้มลง Thomas รีบวิ่งมาดู เขาไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำว่า Claire ล้มลงเพราะถูกยิง และยังไม่ทันที่จะถึงตัว Claire ก็มีเสียงปืนอีกนัดดังขึ้น กระสุนเจาะผ่านหน้าอกของ Thomas ปลิดชีวิตเขาในทันทีเช่นกัน
8
*** ในตอนที่ Claire กับ Thomas ถูกยิง และนอนอยู่กลางถนนนั้น ทุกคนวิ่งหาที่กำบัง ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด Rita Starpattern คนที่เดินผ่านมาพอดี นอนราบอยู่ข้างๆ Claire เพื่อกุมมือ ปลอบใจ และพยายามไม่ให้ Claire ผล่อยหลับไป จนกระทั่ง James Love กับ John Fox และพลเมืองดีคนอื่น วิ่งออกจากที่กำบังมาอุ้ม Claire ไปไว้ในที่ปลอดภัย และลากร่างของ Thomas เข้ามาในที่กำบัง (น่าจะยังไม่รู้ในตอนนั้นว่าเสียชีวิตหรือไม่)
🔫 ต่อมาคือ Robert Boyer และ Devereaux Huffman โดย Robert ถูกยิงเข้าที่บั้นเอวด้านหลัง ส่วน Devereaux นั้นถูกยิงเข้าที่แขนและแกล้งตาย Charlotte Darehshori ที่กำลังแอบอยู่แถวๆนั้น วิ่งเข้ามาช่วยทั้ง Robert และ Devereaux ในทีหลัง แต่ Robert เสียชีวิตจากแผลที่ถูกยิงเสียก่อน
🔫 David Mattson, Roland Ehlke และ Tom Herman เดินออกมาเพื่อกำลังจะมาพบปะกับ Thomas Ashton เพื่อทานอาหารกลางวันด้วยกัน David ถูกยิงเข้าที่ข้อมือ จนทำให้ข้อมือบางส่วนของเขากระเด็นหายไปเลย Roland ถูกเศษลูกกระสุนแฉลบมาโดนที่แขน ก่อนจะถูกยิงที่ขาตอนที่พยายามจะออกมาจากที่กำบังมาช่วย David ช่วงชุลมุนนี่เอง Tom ก็ถูกยิงด้วย และแถวนั้นมีพนักงานร้านค้าแห่งนึงที่มีชื่อว่า Homer Kelly วิ่งออกมาเพื่อพยายามจะช่วยทั้งสามคนเข้ามาหลบในร้าน Homer ก็โดนยิงเข้าที่ขาเหมือนกัน
2
ยังไม่พอ Thomas ที่น่าจะเดินอยู่แถวนั้น อารมณ์กำลังเดินมาจะพบเพื่อน ถูกยิงเข้าที่หน้าอก เสียชีวิตในทันที
รูปภาพแสดงให้เห็นเขม่าควันที่ออกมาจากปลายลำกล้องปืนของ Charles Cr: Britanica
🔫 Nancy Harvey และ Ellen Evganides เดินกลับเข้าไปยังหอนาฬิกาในตอนที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น พอเดินกลับเข้ามา ยามที่หอนาฬิกาบอกว่า น่าจะเดินออกไปข้างนอกได้แล้ว (แบบอารมณ์ไม่มีอะไรละมั้ง) เดินออกมาแค่เพียง 100 หลา กระสุนปืนพุ่งเข้ามาเจาะทะลุช่วงสะโพกของ Nancy ก่อนที่จะไปโดนขาของ Ellen เข้า
🔫 Aleck Hernandez กำลังขี่จักรยานส่งหนังสือพิมพ์อยู่บริเวณศูนย์การค้าใกล้ๆ ก่อนจะถูกยิงเข้าที่ขาประมาณ 11.55 น. Karen Griffith ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่และที่หน้าอก กระสุนที่ยิงเข้าที่หน้าอกเจาะทะลุผ่านปอดของ Karen (Karen เสียชีวิตลง 7 ปี ต่อมาหลังจากที่ถูกยิง แต่เนื่องจากการเสียชีวิตของ Karen มีสาเหตุมาจากผลพวงที่ได้ถูกยิงในวันดังกล่าว จึงนับเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ด้วย)
Thomas Karr วิ่งเข้ามาช่วย Karen และถูกยิงเข้าที่กระดูกสันหลังพอดี เขาเสียชีวิตหลังจากนั้นเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
1
🔫 เวลาประมาณ 11.55 น. (ใช่ค่ะ ช่วงเวลาเดียวกับข้างบนเลย) David Gunby กำลังจะเดินไปที่ห้องสมุด ก่อนที่จะถูกยิงเข้าที่แขน ทะลุไปยังท้อง Brenda Littlefield และ Adrian Littlefield คู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันได้แค่เพียง 9 วัน ถูกยิงในขณะที่เดินออกมาจากหอนาฬิกา Brenda ถูกยิงเข้าที่สะโพก ในขณะที่ Adrian ถูกยิงเข้าที่หลังขณะที่กำลังก้มลงพยายามจะช่วย Brenda
 
ทั้งสามคนถูกช่วยออกมาด้วยรถหุ้มเกราะที่ถูกบัญชาการให้เอาออกมาใช้ วนเวียนช่วยผู้บาดเจ็บ หรือผู้รอดชีวิตที่ยังต้องหลบอยู่ในบริเวณดังกล่าว
2
*** เมื่อแพทย์ทำการผ่าตัด David ก็พบว่า ไตของ David นั้นทำงานแค่เพียงข้างเดียว และข้างที่ทำงานได้ดี ตอนนี้ได้รับความเสียหายจากกระสุนนัดดังกล่าว David ทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยและต้องฟอกไตตลอดชีวิต เขาเสียชีวิตลงในปี 2001 การเสียชีวิตของเขา ถูกระบุว่าเป็นการฆาตกรรมเหมือนกัน เพราะเป็นผลจากการที่เขาถูกยิงด้วยอาวุธปืนในวันดังกล่าว
🔫 Claudia Rutt และ Paul Sonntag คู่รักหนุ่มสาวที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว เดินไปเจอกับเพื่อนร่วมชั้น Carla Wheeler พอดีในตอนที่มีเสียงปืนดังขึ้น ทั้งสามคนไปแอบอยู่หลัง construction barricade (ภาษาไทยเรียกอะไร ไม่แน่ใจค่ะ ที่มันเป็นปูนที่กั้นเวลามีการก่อสร้าง) Paul โผล่หน้าขึ้นมาเพื่อจะลองดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ช่วงที่โผล่หัวขึ้นมานี่เอง Charles ยิงกระสุนถูกเข้าที่ปากของ Paul และปลิดชีวิตเขาในทันที
Claudia พยายามวิ่งออกมาจากที่กำบังเพื่อมาช่วย Paul ในขณะที่ Carla พยายามยื้อและรั้งตัวเธอเอาไว้ไม่ให้ออกมา กระสุนพุ่งเข้าเจาะทะลุมือ Carla และทะลุผ่านไปถูกหน้าอกของ Claudia เธอเสียชีวิตในที่เกิดเหตุเช่นกัน
1
🔫 Roy Schmidt หลบอยู่ในที่กำบังพร้อมกับคนอื่น ห่างจากหอคอยไปประมาณ 500 หลา หลังจากที่เกิดการกระหน่ำยิงไปประมาณ 30 นาที เขาพยายามที่จะออกมาดูสถานการณ์เพราะคิดว่า มือปืนน่าจะกระสุนหมด หรือกำลังเปลี่ยนกระสุน Charles ยิงใส่ Roy ทันทีเข้าที่ท้อง ทำให้เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที
1
🔫 เวลา 12.08 น. Billy Speed เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์การค้าในวันที่เกิดเหตุ เขากำลังหาที่กำบังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคน และประชาชนคนอื่น เพื่อพยายามที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ ในขณะที่กระสุนพุ่งผ่านร่องของกำแพง (ช่องว่างขนาด 6 นิ้ว) มาถูกเขา Billy มาเสียชีวิตในภายหลัง หลังจากที่มาถึงโรงพยาบาลแล้ว
🔫 Harry Walchuk ถูกยิงเข้าที่หน้าอก เสียชีวิตในทันที Billy Snowden ถูกยิงที่หัวไหล่ ในขณะที่กำลังเดินออกจากร้านตัดผมที่ห่างออกไป 500 หลา Sandra Wilson ถูกยิงเข้าที่หน้าอกในขณะที่เดินอยู่บนถนน Guadalupe Street ทั้ง Billy และ Sandra รอดชีวิตมาได้
🔫 Abdul Khashab , Janet Paulos และ Lana Phillips นักศึกษามหาวิทยาลัยดังกล่าวถูกยิงได้รับบาดเจ็บ
🔫 Oscar Royvela และ แฟนสาว Irma Garcia ถูกลูกกระสุนยิงจนได้รับบาดเจ็บ เพื่อนนักเรียน Jack Stephens และ Jack Pennington วิ่งออกมาเพื่อช่วยลากพวกเขาไปหลบยังที่ปลอดภัย
🔫 Avelino Esparza ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ ก่อนที่พ่อและลุงจะออกมาลากตัวเขากลับไปยังจุดที่ปลอดภัย
1
🔫 Robert Heard นักข่าว และอดีตนาวิกโยธิน ถูกยิงเข้าที่แขน
🔫 John Allen กำลังจ้องมองไปที่หอนาฬิกา ผ่านอาคาร student union ก่อนที่ลูกกระสุนจะพุ่งทะลุกระจกเข้ามา กระสุนนัดที่สองเจาะเข้าที่แขนของ John
1
🔫 Morris Hohman ที่ทำงานเป็น Funeral Director หรือคนที่ทำงานจัดงานศพ เขากำลังใช้รถพยาบาลที่ใช้ในกิจการของเขาลำเลียงผู้บาดเจ็บไปส่งยังโรงพยาบาล ถูกยิงเข้าที่ขา
🔫 F.L Foster และ Robert Frede ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับ Charles จากด้านล่างของพื้นดิน
🔫 Della Martinez, Marina Martinez, Delores Ortega และ C.A. Stewart ได้รับบาดเจ็บจากเศษลูกกระสุน หรือกระจกที่แตกขณะถูกยิง
รูปภาพแสดงจุดที่มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บจากหอคอย Cr: AP Photo
Tales of great bravery:
อยากให้ทุกคนลองคิดย้อนไปในปี 1966 ในช่วงนั้นไม่มีหน่วย SWAT ไม่มีหน่วยยับยั้งเหตุร้าย ไม่มี command center ถ้าจะให้เทียบ ลองเทียบกับเหตุสึนามิในบ้านเราดูว่า คนยังไม่รู้ และไม่เคยได้ยินว่าสึนามิคืออะไร ก็เหมือนครั้งนี้ละค่ะ เจ้าหน้าที่ไม่รู้จะทำยังไง ยังไม่มีใครมาสั่งการ (แล้วใครจะเป็นคนสั่งการ ยังไม่รู้เลย) แถมตอนเกิดเรื่อง คนนึกว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงจากไซซ์งานก่อสร้างใกล้ๆ หรือคนที่ล้มลงกำลังประท้วง หรือจัดแสดงอะไรซักอย่างอีกด้วย จนกระทั่งมีหลายต่อหลายคนถูกยิงนั้นแหละ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทุกคนทำได้ คือเริ่มช่วยกันเองนี่ละค่ะ
1
เริ่มจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ Houston McCoy (อายุเพียงแค่ 26 ปี เท่านั้น) เขามาถึงที่เกิดเหตุและพยายามหาทางขึ้นไปบนหอคอย มีเด็กนักเรียนแถวนั้น บอกเขาว่า ที่บ้านเขามีปืนไรเฟิล เอาไหม? ไปเอามาใช้ได้เลย เจ้าหน้าที่ Houston ขับรถไปที่บ้านเด็กคนนั้นเพื่อไปเอาปืนกลับมายังมหาวิทยาลัย (ป้าดดดดดดดดดดด)
2
Allen Crum อดีตนายทหารอากาศที่เกษียณอายุราชการแล้ววัย 40 ปี (เคยเป็นเจ้าหน้าที่ที่ขับเครื่องบินและยิงปืนกล) Allen ทำงานเป็นผู้จัดการร้านหนังสือแถวนั้น เมื่อเห็น Aleck เด็กส่งหนังสือพิมพ์ถูกยิงที่ขา และมีคนกำลังพยายามลากร่างของเขาไปยังที่กำบัง เขาเดินเข้าไปเพราะคิดว่า พวกเด็กวัยรุ่นพวกนี้กำลังทะเลาะกันอยู่ และพยายามจะเข้าไปห้าม พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆแล้วเห็นว่าไม่ใช่ พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เขาไปที่ถนนเพื่อส่งสัญญาณให้รถขับไปยังที่ปลอดภัย ก่อนที่จะพยายามเดินเข้าสู่หอคอย เพื่อเสนอตัวเข้าช่วยตำรวจ เมื่อไปถึงก็พบเข้ากับ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสาธารณะ Dub Cowan และเจ้าหน้าที่ตำรวจ Jerry Day ซึ่ง Dub ได้ให้ปืนไรเฟิลกับ Allen ไว้ใช้
1
เจ้าหน้าที่ Ramiro Martinez เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยหลังจากที่โทรเข้าไปที่สถานีตำรวจและถูกสั่งให้มากำกับงานจราจรที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว (น่าจะเพื่อไม่ให้มีคนเดิน หรือมีรถขับเข้าไป) จริงๆแล้ววันนั้นเป็นวันหยุดของเขา แต่เมื่อฟังข่าวว่ามีการยิงกันเกิดขึ้น เขาก็เสนอตัวมาช่วย พอมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลงานจราจรอยู่แล้ว จึงเดินทางไปยังหอคอย เพราะในตอนแรก นึกว่าจะเจอทีมเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่หอคอยดังกล่าว แต่ไปๆมาๆ ดันเจอแค่ เจ้าหน้าที่ Houston เจ้าหน้าที่ Dub เจ้าหน้าที่ Jerry และ Allen เท่านั้น
1
4 ใน 5 hero ที่ไปที่หอคอยในวันดังกล่าว ซ้ายมาขวา :Allen, Ramiro, Houston และ Jerry Cr: AP Photo
ทั้ง 5 คนพยายามเข้าไปข้างในหอคอยผ่านทางอุโมงค์ที่เอาไว้ใช้ซ่อมบำรุงที่อยู่ใต้หอคอย โดยในขณะที่พยายามเข้าไปข้างในนั้น มีเจ้าหน้าที่ และประชาชน (ใช่ค่ะ ประชาชน) กำลังใช้อาวุธปืนของตน ทั้งปืนสั้น ปืนขนาดเล็ก และปืนไรเฟิล ยิงสวนขึ้นไปข้างบนที่ Charles ทำให้ Charles ถูกจำกัดบริเวณและหาที่กำบัง นอกจากนี้ยังมีพลแม่นปืนของตำรวจที่มากับเครื่องบินขนาดเล็ก บินวนรอบๆหอคอย เพื่อดึงความสนใจจาก Charles อีกด้วย (เข้ามาใกล้ไม่ได้ เพราะโดน Charles ยิงใส่)
เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 คน ขึ้นมาที่ชั้น 27 ได้ ก็มาเจอกับกลุ่มคนบาดเจ็บและเสียชีวิตกลุ่มแรก (บ้าน Gabour และบ้าน Lamport) ก่อนที่จะแอบขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอย และพยายามจะล้อมเข้าไปยังจุดที่ Charles แอบอยู่ ในที่สุดเมื่อเวลา 13.24 น. ประมาณ 90 นาทีที่เกิดเหตุการณ์สะพรึงขวัญ เจ้าหน้าที่ Ramiro และเจ้าหน้าที่ Houston ปลิดชีวิต วิสามัญ Charles ได้ในที่เกิดเหตุ (และยังเกือบถูกลูกหลงจากฝูงชนที่ยังยิงมาจากข้างล่าง เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นได้จบลงแล้ว) เมื่อเอาศพ Charles ไปชันสูตร พบว่าเขามีเนื้องอกขนาดเท่าถั่ว pecan อยู่ในสมอง และยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า เพราะเนื้องอกนี่หรือไม่ที่ทำให้เขาเกิดอาการทางจิตจนก่อเหตุดังกล่าว
2
*** ตอนที่ Charles เขียนจดหมายลาตาย เขาก็ระบุค่ะว่า อยากให้นำเอาร่างของเขาไปชันสูตรว่าอะไรทำให้เขาเกิดอาการทางจิต และมีความคิดแบบนี้
หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงที่ University of Texas ทำให้สหรัฐอเมริกา เตรียมการตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว และเป็นที่มาของการตั้งหน่วย SWAT ที่เราคุ้นเคยกันกระจายกันไปทั่วประเทศ
1
หอนาฬิกาแห่ง University of Texas ต้องปิดตัวลงเพื่อซ่อมแซมและเพื่อหาวิธีอื่นมาป้องกัน เนื่องจากมีคนขึ้นไปโดดลงมาฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้ง จนมาเปิดอีกครั้งในปี 1999 และการที่คนจะขึ้นไป ต้องขึ้นไปโดยมีไกค์ไปด้วยเท่านั้น และต้องผ่านเครื่อง metal detector ก่อน
เรื่องราวของความกล้าหาญ ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่ที่เสี่ยงตายขึ้นไปหยุดการกระหน่ำยิงของ Charles ในวันดังกล่าว (เสี่ยงมากๆเลยนะ อาวุธมีไม่เท่า Charles อีกต่างหาก แถมขึ้นไปไม่รู้คนยิงอยู่ตรงไหน จะโดนยิงสวนมาเมื่อไหร่ แถมยิงแม่นมากๆและยิงแบบรัวๆ สังเกตุจากเวลา กับจุดที่คนโดนยิง) หากแต่อยากให้เห็นถึงความกล้าหาญของคนธรรมดาทั่วไป ที่จับปืนขึ้นมาสู้ และยังเสี่ยงชีวิตของตัวเอง เพื่อช่วยคนอื่นอีกด้วย
จุดที่ Charles ถูกล้อมและโดนวิสามัญในที่สุด Cr: AP Photo
ในวันนี้หากใครไปเยี่ยมเยียนที่ University of Texas จะได้พบกับบริเวณสวนที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือผลกระทบในวันดังกล่าว และชื่อของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เสี่ยงชีวิตตัวเองในวันนั้นยังถูกสลักไว้ที่อาคารของสำนักงานตำรวจเมือง Austin อีกด้วย
🔥🔥🔥>>> นี่คือเหตุผลว่า อาการป่วยทางจิตนั้นสำคัญมาก และต้องได้รับการเยียวยาและรักษานะคะ เราจะสรุปมาให้สั้นๆในตอนแรก แต่ไปๆมาๆ ชั้นนอนตี 5 อีกแล้วสินะ 😱
EP. เก่าๆดูได้อีกทางที่นี้ค่ะ
Facebook Page:
Blockdit:
Sources:
โฆษณา