27 ก.ค. 2021 เวลา 09:46
คดี " ภาพถ่ายแห่งความตาย " ( เกาหลี )
วันที่ 11 มกราคม ปี 1983 เด็กชายสามคนขึ้นไปเล่นบนภูเขาในเขตกวานักซาน กรุงโซล เกาหลีใต้
ขณะเล่นเด็กคนหนึ่งพบ "บางสิ่งที่มีสีขาวและแข็งทื่อ " อยู่ในกองใบไม้ เขาคิดว่าเป็นตุ๊กตา จึงขอให้เพื่อนอีกสองคนช่วยกันเอาออกมา ในที่สุดก็พบศพผู้หญิงในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า
หลังจากการสอบสวนของตำรวจ พบว่าผู้เสียชีวิตเป็นพนักงานที่ร้านตัดผมละแวกนั้น ( อายุ 24 ปี ) ในช่วงเริ่มต้นของการสอบสวนก่อนจะรู้ว่าผู้ตายเป็นใคร ตำรวจแทบไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลย เพราะไม่มีทั้งพยาน หลักฐานบ่งชี้ แม้ว่าผู้ตายจะเปลือยเปล่าตอนที่ถูกพบ แต่ตำรวจก็ไม่พบร่องรอยของการถูกข่มขืนอย่างที่คาดไว้ในตอนแรก ศพของเธอไม่มีการถูกล่วงละเมิด หรือการถูกทำร้ายใดๆ จึงเป็นคดีที่แปลกประหลาดสำหรับเจ้าหน้าที่ในตอนนั้น ไม่ได้ถูกข่มขืน ไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น ก็แล้วทำไมเธอถึงมานอนเปลือยกายเสียชีวิตที่บนเขานี้กันเล่า ? เป็นปริศนาที่เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันค้นหาคำตอบ ....
หลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนไปสักพัก ก็พบว่าหญิงสาวผู้เสียชีวิตทำงานเป็นพนักงานที่ร้านตัดผมแถวๆ นั้น
หลังจากทราบตัวตนของผู้ตายเป็นที่แน่ชัด ตำรวจก็ไปที่ร้านตัดผมที่ผู้ตายเคยทำงานอยู่ เจ้าหน้าที่ทำการสอบถามพูดคุยกับพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ถูกบอกว่าสนิทกับเธอที่สุด พนักงานหญิงคนนั้นก็เล่าว่า เธอจำได้ว่าลูกค้าประจำซึ่งเป็นช่างภาพสมัครเล่นเคยชวนผู้ตายให้ไปเป็นนางแบบให้เขา และหลังจากนั้นเธอก็หายไปเลย
ตำรวจจึงเดินทางไปหา ลี ดองซิก ( อายุ 42 ) ช่างภาพเพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับการเสียชีวิตของหญิงสาวบนภูเขา
พื้นเพของ ลี ดองซิก เขาเป็นเด็กกำพร้า และต่อสู้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาจนอายุ 15 ปี จากนั้นก็ก่อเรื่องมากมายเพื่อเอาตัวรอดในสังคม เขาถูกจับหลังจากนั้นไม่นาน พอออกจากคุกก็ได้งานเป็นช่างประปา แต่ตอนนี้เขาเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ผลงานของเขาชนะการประกวดจากหลายๆ ที่ เขามีสไตล์การถ่ายที่ดิบ เถื่อน และสดใหม่ งานที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครของเขาทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ตอนแรก ลี ดองซิก ไม่ค่อยจะยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจสักเท่าไหร่ ถามคำตอบคำ ออกแนวไม่อยากคุย เขาบอกว่าไม่ได้เจอเธอมาสักพักแล้ว จากนั้นก็เหมือนจะไล่เจ้าหน้าที่ไป โชคดีที่ตำรวจคนนึงหัวใจ จึงแกล้งบอก ลี ดองซิก ว่า จริงๆ ที่มาก็เพราะอยากชมภาพถ่ายของเขาอย่างใกล้ชิดด้วย เพราะชื่นชมผลงานของเขามานาน พอตำรวจบอกแบบนี้ ลี ดองซิก ก็รีบชวนให้ตำรวจเข้ามาในบ้านเพื่อจะอวดภาพถ่ายต่างๆ ที่เขาถ่าย ดูเขามีความสุขมากที่มีคนเอ่ยปากชื่นชมผลงานของเขา
แต่พอลงมาตรงที่เก็บภาพถ่าย เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็ต้องขนลุก บนราวแขวนรูป มีภาพผู้เสียชีวิตแขวนอยู่มากมาย ถึงรู้ว่าเขาเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ แต่เพราะไม่มีทั้งพยานและหลักฐาน ตำรวจจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งคู่จึงต้องกลับไปทั้งๆแบบนั้น ....
พอกลับมาที่สถานีตำรวจทั้งสองก็ดูตรวจดูภาพถ่ายของผู้เสียชีวิตอีกครั้ง คราวนี้ก็เอะใจว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่น่าสงสัย
ในรูปถ่ายมีหลายจุดที่ไม่อาจปล่อยไปได้ ตำรวจก็เลยเชิญ ลี ดองซิก มาให้ปากคำที่สถานี
ลี ดองซิก ตอนที่ถูกสอบสวนอยู่ ให้การวกไปวนมา และสุดท้ายก็ยอมรับว่าเจอเธอในวันนั้น " ฉันถ่ายรูปของเธอจริง แต่ถ่ายเสร็จก็ออกมา เธออาจจะฆ่าตัวตายหลังจากฉันกลับแล้วก็ได้ "
แต่พอคุยๆ ไปสักพักก็เหมือนลืม ก็เล่าว่าไปเดินเล่นบนเขาแล้วเจอศพเธอก็เลยถ่ายรูปไว้ และเพราะไม่อยากยุ่งยากก็เลยไม่ได้แจ้งตำรวจ แต่เอากิ่งไม้ใบหญ้ามาคลุมศพเธอไว้แทน
ตำรวจรู้ได้ทันทีว่าเขาเกี่ยวข้องกับการตายของเธอแน่ๆ แต่ก็เพราะว่าไม่มีพยานหรือหลักฐานอะไรเลยที่จะมัดตัวเขาได้ว่าเขาเป็นคนสังหารเธอ จึงไม่อาจตั้งข้อหาเขาได้
เจ้าหน้าที่จึงเชิญช่างภาพชื่อดังชาวเกาหลีคนนึง เข้าร่วมการสอบสวน
ช่างภาพคนนี้เก่งมากๆ เขาแนะนำให้ตำรวจใช้กล้องจุลทรรศน์เพื่อซูมดูภาพผู้เสียชีวิต
ในภาพที่ซูมดู แสดงให้เห็นขนตามลำตัวของผู้เสียชีวิตที่ตั้งตรง ( ยังไม่ตาย ) ไปจนถึงช่วงที่เส้นขนค่อยๆ ราบเรียบทิ้งตัวลง ( กระบวนการทั้งหมดเป็นกระบวนการของเหยื่อจากมีชีวิตไปสู่ความตาย ) นั่นก็แสดงว่า ลี ดองซิก อยู่กับเธอตั้งแต่เธอยังไม่ตายจนเธอเสียชีวิตลง เขาจะปฏิเสธและบอกไม่รู้ไม่เห็นในความตายของเธอไม่ได้เพราะหลักฐานคือภาพถ่ายที่เขาถ่ายเองกับมือ
ตำรวจยังพบยาพิษที่บ้านของ ลี ดองซิก อีกด้วย
ปรากฏว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือ ลี ดองซิก เป็นลูกค้าคนแรกของเธอในตอนที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ๆ ทั้งคู่จึงสนิทกัน และต่อมาก็แอบคบหากันเงียบๆ
หลังจากมีความสัมพันธ์กันไประยะนึง ลี ดองซิก ก็ชวนเธอมาเป็นนางแบบให้เขา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คนเป็นแฟนกันจะถ่ายรูปให้กัน เธอรับคำเขาอย่างไม่คิดอะไรมาก
1 คืนก่อนถึงวันนัดออกไปถ่ายรูปกัน ลี ดองซิก ก็ออกไปหาซื้อยาพิษ และยาแก้หวัดแบบที่เป็นแคปซูล เขาเทยาแก้หวัดในแคปซูนทิ้ง แล้วใส่ยาพิษลงไปในนั้นแทน
รุ่งขึ้นเขาพาเธอไปถ่ายรูปบนเขาทั้งๆ ที่ตอนนั้นอากาศเย็นมากๆ เพราะอยู่ในช่วงฤดูหนาว
พอถ่ายไปสักพัก เธอก็ทนอากาศหนาวไม่ไหว และบอกกับลี ดองซิก เขาจึงแสร้งทำเป็นห่วงใยเธอบอกเธอว่าถ่ายอีกนิดหน่อยก็จะกลับแล้ว ช่วยอดทนหน่อยนะ จากนั้นก็เอาแคปซูลยาแก้หวัดที่มียาพิษอยู่ข้างในมาให้เธอกิน " จะได้ไม่เป็นหวัดนะ " พอเขาบอกแบบนี้เธอก็รับมากินอย่างไม่คิดอะไร
แต่ไม่นานหลังจากกิน ยาก็เริ่มออกฤทธิ์ เธอตัวสั่นเทา และมีอาการชักกระตุก ตาเหลือก เธอดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน และพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากเขา
พอเห็นแบบนั้น แทนที่เขาจะรู้สึกอะไร หรือรีบเข้าไปให้ความช่วยเหลือเธอ แต่เปล่าเลย เขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นมีความสุขจนเก็บอาการไม่อยู่ อะดรีนาลีนพุ่งพรวด เขาถ่ายรูปของเธอที่ดิ้นรน หวาดกลัว และกำลังจะตายไม่หยุด ปากก็พร่ำแต่ " ดี ดี ดีมาก อย่างนั้นแหละ ใช่แล้ว ดีๆ เยี่ยมสุดๆ "
เขาเก็บภาพของเธอแบบช๊อต ต่อ ช๊อต จนกระทั่งเธอหมดลมหายใจแน่นิ่งไป จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออก และถ่ายรูปร่างเปลือยนั้นต่อ
และนี่คือ ลี ดองซิก ตัวจริง
และนี่ก็คือภาพถ่ายจริงของผู้เสียชีวิต
ที่สุดเขายอมรับสารภาพว่าหลอกพาเธอไปถ่ายรูป และเอายาให้เธอกิน ในขณะที่เธอทุรนทุรายด้วยความทรมานจากยาพิษ เขาก็รัวถ่ายรูปเธอไม่หยุด จนกระทั่งเธอเสียชีวิต เขาจึงถอดเสื้อผ้าเธอออกที่ละชิ้นแล้วถ่ายรูปต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าของเธอ พอถ่ายเสร็จเขาก็เอาพวกใบไม้กิ่งไม้มากองทับๆ ร่างของเธอเอาไว้จากนั้นก็กลับออกไป
ผ่านไป 28 วันเด็กๆ จึงมาเจอศพ แต่เพราะเป็นหน้าหนาวร่างของเธอจึงไม่เน่าเปื่อยและคงสภาพ ซึ่งเขาคาดการณ์ผิดว่าเพราะเป็นหน้าหนาวจึงไม่น่าจะมีคนขึ้นมาบนเขา จะมาอีกทีคงนานมากป่านนั้นเธอคงเน่าไปแล้ว
ลี ดองซิก ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆาตกรรมหญิงสาวบนภูเขา เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และแม้ว่าเขาจะพยายามยื่นอุทธรณ์หลายครั้งเพื่อขอลดโทษ แต่ในที่สุดเขาก็ถูกประหารชีวิต เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1986 ณ ศูนย์กักกัน กรุงโซล
มีข่าวลือเรื่องเขาอยู่ 2 เรื่อง
1. คือ เหยื่อของ ลี ดองซิก น่าจะมีมากกว่านี้ เพราะยังมีภาพถ่ายผู้หญิงปริศนาอยู่อีกหลายชุด
2. เป็นข่าวลือเรื่องภาพคนตายที่เขาถ่าย มีคนบอกว่าต้นฉบับรวมทั้งฟิล์มมันถูกนำไปประมูลในตลาดมืดสำหรับผู้ที่มีรสนิยมชอบสะสมอะไรแบบนี้
ที่มา :: 죽음 을 연출한 사진 원본
โฆษณา