28 ก.ค. 2021 เวลา 02:32 • การศึกษา
ใครจะไปเชื่อว่า แค่การดูว่าคนไหนใช้ บราวเซอร์อะไรในการทำงาน นั้นจะสามารถบ่งบอกได้ว่า คนนั้นมี แนวโน้มที่จะลาออก มากแค่ไหน
8
เรื่องนี้จริงๆแล้วอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญของนักเศรษฐศาสตร์ชาว อเมริกันที่มีชื่อว่า Michael Houseman ที่ได้มีการทำ Project หนึ่งขึ้นมา เพราะเขาสงสัยว่าระยะเวลาการทำงานของบริษัทที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ลูกค้านั้น มีความแตกต่างกัน แต่ที่แตกต่างกันนั้นเป็นเพราะอะไร??
2
โดยเขาได้ทำการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของพนักงานจำนวน 30,000 คน จากหลากหลายหน้าที่ หลายช่วงอายุ เพื่อหาคำตอบจากคำถามที่เขาได้ตั้งไว้
โดยตั้งต้นความคิดที่ว่า พนักงานที่เปลี่ยนงานมาบ่อยแล้ว น่าจะมี % ในการลาออกมากกว่าคนที่ไม่ได้เปลี่ยนงานเลย
1
แต่เมื่อดูตัวเลข ก็พบว่าเขาคิดผิด พนักงานที่เปลี่ยนงานมาแล้ว 5 ครั้งในเวลา 5 ปี มีอัตราการลาออกต่ำกว่าคนที่ทำงานอยู่ที่เดิมมาตลอด 5 ปี
2
เขาก็เลยเอาข้อมูลสถิติต่างๆ มากางดู ก็พบว่ามันไม่มีอะไรที่พอจะเป็น ข้อบ่งชี้ได้
1
และแล้วในบรรดาข้อมูลที่ เฮาส์แมน เก็บมา มีข้อมูลเกี่ยวกับ เว็บบราวเซอร์ที่พนักงานใช้ในตอนหางานใหม่ด้วย
เฮาส์แมนก็เลยคิดว่าข้อมูลนี้น่าจะมีความสัมพันธ์กันกับการลาออก แล้วผลก็พบว่า......
2
พนักงานที่ใช้ "FireFox" หรือ "Chrome" จะมีระยะเวลาในการทำงานกับบริษัทยาวนานกว่าพนักงานที่ใช้ "Internet Explorer" หรือ "Safari" ถึง 15%
8
เฮาส์แมนก็คิดว่าตัวเลขนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญครับ เลยไปหาข้อมูล การลา มาสายของพนักงานกลุ่มนี้ ปรากฎว่า ผลก็ยังคงเป็นแบบเดิมคือ คนที่ใช้ "FireFox" หรือ "Chrome" จะมีอัตราการลา และมาสาย น้อยกว่าพนักงานที่ใช้ "Internet Explorer" หรือ "Safari" ถึง 19%
2
คราวนี้เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่ามมันต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ เขาจึงไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง เช่น ผลงานยอดขาย, ความพึงพอใจของลูกค้า, เวลาเฉลี่ยในการคุยโทรศัพท์ ฯลฯ ก็ยังพบว่าผลลัพธ์ยังเหมือนเดิมคือ คนที่ใช้ "FireFox" หรือ "Chrome" จะสามารถปฎิบัติงานได้เสร็จเร็วกว่า พนักงานที่ใช้ "Internet Explorer" หรือ "Safari" ถึง 30 วัน
3
แล้วอะไรกันหละที่ทำให้การใช้ บราวเซอร์ มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานได้มากขนาดนี้??
1
ในเมื่อข้อมูลที่มีกางออกมาดูขนาดนี้แล้วยังหาคำตอบไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีอื่น......
เฮาส์แมนก็เลย ใช้วิธีในการสังเกต พฤติกรรมเข้ามาใช้ในการรวบรวมข้อมูล และในที่สุด เขาก็ค้นพบว่า เพราะอะไร ถึงทำให้คนที่ใช้ "FireFox" หรือ "Chrome"แตกต่างกับ คนที่ใช้ "Internet Explorer" หรือ "Safari"
1
คำตอบนั่นก็คือ.......................
วิธีการรับเอา บราวเซอร์มานั่นเอง
อาจจะงง กันใช่ไหมครับว่า ทำไมเป็นอย่างนั้น
1
มาครับ ผมจะอธิบายให้รู้กัน
1
โดยปกติแล้ว "Internet Explorer" หรือ "Safari" จะเป็น บราวเซอร์ แรกเริ่มที่มีติดมาให้ทั้งในคอมพิวเตอร์ และใน IOS ซึ่งคนใช้งานไม่ต้องไป Download ให้เสียเวลาสามารถใช้งานได้เลย
แต่ ทุกคนก็น่าจะพอทราบกันดีอยู่แล้วว่า บราวเซอร์ ทั้ง 2 ตัว มีประสิทธิภาพในการใช้งานด้อยกว่า "FireFox" หรือ "Chrome" เป็นอย่างมาก ทั้ง แอพเสริมที่ติดตั้งช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น ทั้งความเร็วในการท่องเว็ปไซต์ต่างๆ "FireFox" หรือ "Chrome" สามารถทำได้ดีกว่าเป็นไหนๆ
7
สิ่งนี้จึงสื่อถึงการที่พนักงานกลุ่มที่ใช้ "Internet Explorer" หรือ "Safari" จะเป็นพนักงานกลุ่มที่จะไม่หาทางออกให้กับปัญหาที่ตัวเองมี แต่เลือกที่จะหนีปัญหาไปอย่างง่ายดายแทน
6
พวกเขาเมื่อเจอกับปัญหาในงานก็เลือกที่จะทนทำมันต่อไป ทำตามนโยบายขององค์กร อย่างเคร่งครัดแม้ว่าสิ่งที่ทำจะเพิ่มเวลาทำงานของตัวเอง หรือทำให้การทำงานนั้นเป็นไปด้วยความลำบาก พวกเขาก็จะยอมที่จะทนและไม่คิดที่จะหาวิธีที่จะจัดการกับปัญหาที่มีเลย
1
ในทางกลับกัน พนักงานที่ใช้ "Chrome" พวกเขามีแนวโน้มว่าจะหาทางออกให้กับปัญหาที่พบเจอมากกว่า เพราะด้วยการใช้ บราวเซอร์ที่ง่ายต่อการทำงานพื้่นฐาน พวกเขาก็เลือกที่จะไม่ทนกับ บราาวเซอร์ที่ทำงานช้า และไม่เอื้อต่อการทำงาน แต่เลือกที่จะ ดาวน์โหลด บราวเซอร์ที่ดีกว่าเพื่อมาใช้งานแทน เช่นเดียวกับปัญหาในการทำงาน พวกเขาจะพยายามค้นหาวิธี ในการแก้ปัญหาเสมอ เพื่อให้ได้หนทางที่ดีกว่า คนกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มคนที่มักจะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ องกรค์ได้ในอนาคตนั่นเอง
9
นี่แหละครับก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแค่การใช้ บราวเซอร์ จึงสามารถรู้ได้ว่าคนไหนจะลาออกได้หรือไม่ได้
ดีไม่ดีต่อไป Hr อาจจะต้องเพิ่มคำถามในการรับสมัครงานให้กับคนที่เข้าใหม่ว่า ปัจจุบันคุณใช้ บราวเซอร์ไหนในการทำงานอยู่??? ก็เป็นไปได้นะครับ ^^
4
การที่ใครสักคนมีความคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นสิ่งที่ดี เพราะ นวัตกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มาจากคนที่คิดหาวิธี ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แบบกลุ่มคนที่ใช้ บราวเซอร์ "FireFox" หรือ "Chrome" นี่แหละ
1
เอ๊ะ แล้วตอนนี้ ผู้อ่านหละครับใช้ บราวเซอร์อะไรกันอยู่??
1
ข้อมูลจาก : หนังสือ วิธีจัดระเบียบสมองของคนเก่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา